household return at retirement. Ret

household return at retirement. Return was defined as the proportion of
a household’s net worth to its lifetime income. This step was informed by
research indicating the existence of large wealth dispersion at retirement
for households with a similar lifetime income (e.g., Cole and Shastry
2009; Hendricks 2007; Venti and Wise 2000). The result of this step
was a group of households with very high return and a group with very
low return. Next, we collected data on the personal financial education
activities (e.g., education about personal finance at high school) and
personal financial behaviors (e.g., paying credit card bills on time) of the
householders within the groups over their lifetime. Finally, we compared
the high and low return groups on these activity and behavior variables.
Four hypotheses were tested concerning the relationship between personal
financial education activities and behaviors, and household return.
The first concerned personal financial education achieved via financial
socialization (John 1999; Moschis 1987). John proposed that children
pass through stages of consumer socialization, resulting in an increasingly
sophisticated knowledge of advertising, products and brands, better
shopping skills, enhanced decision-making skills, and a more developed
understanding of consumption and materialism. She also proposed
that financial socialization can occur via the family, peers, culture, and
mass media and marketing. In an alternative conceptualization of these
socialization processes, Moschis proposed that young adults learn about
financial behavior via informal and formal financial socialization agents.
Informal agents include family members and friends, and formal agents
include educational establishments. Learning from these agents occurs via
three processes: modeling, which involves imitating the agent’s behavior;
reinforcement, which involves being rewarded or punished for certain
behaviors; and social interaction, a broad category of processes involving
encouragement from significant others to adopt certain norms and skills.
Prior research has provided evidence of the influence of informal
socialization agents such as the family (Grinstein-Weiss et al. 2011;

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บ้านคืนที่เกษียณอายุ กลับถูกกำหนดเป็นสัดส่วนครัวเรือนของสินทรัพย์เพื่อกำไรชีวิต ขั้นตอนนี้ได้ทราบด้วยงานวิจัยที่บ่งชี้ถึงการดำรงอยู่ของการกระจายความมั่งคั่งที่ใหญ่ที่เกษียณอายุสำหรับครัวเรือนที่มีรายได้อายุการใช้งานคล้ายกัน (เช่น โคลและ Shastry2009 เฮนดริกส์ 2007 ปล่องหรือและฉลาด 2000) ผลลัพธ์ของขั้นตอนนี้เป็นกลุ่มของครัวเรือนที่มีผลตอบแทนที่สูงมากและเป็นกลุ่มที่มีมากแทนที่ต่ำ ถัดไป เรารวบรวมข้อมูลการศึกษาทางการเงินส่วนบุคคลกิจกรรม (เช่น การศึกษาเกี่ยวกับการเงินส่วนบุคคลที่โรงเรียนมัธยม) และลักษณะการเงินส่วนบุคคล (เช่น จ่ายค่าบัตรเครดิตเวลา) ของการhouseholders ภายในกลุ่มกว่าชีวิต ในที่สุด เราเปรียบเทียบกลุ่มคืนสูงและต่ำในตัวแปรเหล่านี้กิจกรรมและลักษณะการทำงานสี่ hypotheses ทดสอบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกิจกรรมด้านการศึกษาการเงิน และพฤติกรรม และกลับบ้านครั้งแรกกังวลส่วนบุคคลการเงินการศึกษาประสบความสำเร็จทางการเงินขัดเกลาทางสังคม (จอห์น 1999 ทาง Moschis ที่ 1987) จอห์นเสนอที่เด็กผ่านขั้นตอนของการขัดเกลาทางสังคมของผู้บริโภค ผลมากขึ้นความรู้ที่ซับซ้อนของโฆษณา ผลิตภัณฑ์และแบรนด์ ดีกว่าช้อปปิ้งทักษะ ทักษะการตัดสินใจเพิ่มขึ้น และพัฒนามากขึ้นความเข้าใจของการใช้และระเริง เธอยังได้เสนอว่า การขัดเกลาทางสังคมสามารถเกิดขึ้นผ่านทางครอบครัว เพื่อน วัฒนธรรม และmass media and marketing. In an alternative conceptualization of thesesocialization processes, Moschis proposed that young adults learn aboutfinancial behavior via informal and formal financial socialization agents.Informal agents include family members and friends, and formal agentsinclude educational establishments. Learning from these agents occurs viathree processes: modeling, which involves imitating the agent’s behavior;reinforcement, which involves being rewarded or punished for certainbehaviors; and social interaction, a broad category of processes involvingencouragement from significant others to adopt certain norms and skills.Prior research has provided evidence of the influence of informalsocialization agents such as the family (Grinstein-Weiss et al. 2011;

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การกลับมาของใช้ในครัวเรือนที่เกษียณอายุ ย้อนกลับได้รับการกำหนดให้เป็นสัดส่วนของ
มูลค่าสุทธิของครัวเรือนที่จะมีรายได้ตลอดชีวิตของมัน ขั้นตอนนี้ได้รับแจ้งจาก
การวิจัยแสดงให้เห็นการดำรงอยู่ของการกระจายความมั่งคั่งขนาดใหญ่ที่เกษียณอายุ
สำหรับครัวเรือนที่มีรายได้อายุการใช้งานที่คล้ายกัน (เช่นโคลและ Shastry
2009 เฮ็นดริก 2007 Venti และฉลาด 2000) ผลของขั้นตอนนี้
คือกลุ่มของผู้ประกอบการที่มีผลตอบแทนที่สูงมากและกลุ่มที่มีมาก
ผลตอบแทนต่ำ ต่อไปเราจะเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาทางการเงินส่วนบุคคล
กิจกรรม (เช่นการศึกษาเกี่ยวกับการเงินส่วนบุคคลที่โรงเรียนมัธยม) และ
พฤติกรรมทางการเงินส่วนบุคคล (เช่นการจ่ายเงินค่าบัตรเครดิตในเวลา) ของ
กรมภายในกลุ่มในช่วงชีวิตของพวกเขา สุดท้ายเราเมื่อเทียบ
สูงและต่ำกลุ่มผลตอบแทนจากกิจกรรมและพฤติกรรมเหล่านี้ตัวแปร.
สี่ทดสอบสมมติฐานเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
กิจกรรมทางการเงินการศึกษาและพฤติกรรมและผลตอบแทนของใช้ในครัวเรือน.
ครั้งแรกที่เกี่ยวข้องการศึกษาทางการเงินส่วนบุคคลที่ประสบความสำเร็จทางการเงิน
การขัดเกลาทางสังคม (จอห์นปี 1999 Moschis 1987) จอห์นเสนอว่าเด็ก
ผ่านขั้นตอนของการขัดเกลาทางสังคมของผู้บริโภคส่งผลให้มากขึ้น
ความรู้ที่มีความซับซ้อนของการโฆษณาสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่า
ทักษะการช้อปปิ้งและทักษะในการตัดสินใจที่เพิ่มขึ้นและการพัฒนามากขึ้น
ความเข้าใจในการบริโภคและวัตถุนิยม นอกจากนี้เธอยังได้เสนอ
ว่าการขัดเกลาทางสังคมทางการเงินสามารถเกิดขึ้นได้ผ่านทางครอบครัว, เพื่อน, วัฒนธรรมและ
สื่อมวลและการตลาด ในแนวความคิดทางเลือกเหล่านี้
กระบวนการขัดเกลาทางสังคม, Moschis เสนอว่าคนหนุ่มสาวที่เรียนรู้เกี่ยวกับ
พฤติกรรมทางการเงินผ่านทางตัวแทนการขัดเกลาทางสังคมการเงินเป็นทางการและเป็นทางการ.
ตัวแทนทางการรวมถึงสมาชิกในครอบครัวและเพื่อน ๆ และตัวแทนอย่างเป็นทางการ
รวมถึงสถานศึกษา การเรียนรู้จากตัวแทนเหล่านี้เกิดขึ้นผ่าน
สามกระบวนการ: การสร้างแบบจำลองที่เกี่ยวข้องกับการเลียนแบบของตัวแทนพฤติกรรม
การเสริมแรงที่เกี่ยวข้องกับการได้รับรางวัลหรือลงโทษสำหรับบาง
พฤติกรรม; และการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมหมวดหมู่กว้างของกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับ
การให้กำลังใจจากคนอื่น ๆ อย่างมีนัยสำคัญที่จะนำมาใช้บรรทัดฐานและทักษะบางอย่าง.
การวิจัยก่อนที่ได้จัดให้มีหลักฐานของอิทธิพลของทางการ
ตัวแทนการขัดเกลาทางสังคมเช่นครอบครัว (Grinstein-Weiss et al, 2011.