2. The distinction between the Stat

2. The distinction between the State and government is not real. Both are the same. The State does not command, it serves and is a public or social service organization. 3. The State is one among other groups which man needs to fulfil the purposes of his life. His allegiance is, accordingly, not unified. It is divided. and diffused. His allegiance to the State may conflict with his allegiance to other associations, and may even take priority over his loyalty to the State. 4. The State is not in any way a mysterious formation with supernatural or metaphysical characteristics. Omnipotent sovereignty is not true to facts. It his not unitary, but federal. 3. The State can serve its purpose by and through good-will alone. It cannot destroy associations and groups as it cannot create them. Nor can it enforce its will against the opposition of associations and groups within it. Since the State expresses the will or purpose of the human beings within it, it does not enjoy any necessary pre-eminence for its demands. as Laski puts the State is only one of the many associations to which the individual happens to belong, "politically there is no such thing as sovereignty at all he concludes.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

2.ความแตกต่างระหว่างรัฐและรัฐบาลไม่จริง ทั้งสองเหมือนกัน สถานะการคำสั่ง ไม่ทำหน้าที่ และเป็นองค์กรสาธารณะหรือบริการสังคม 3. รัฐเป็นหนึ่งในกลุ่มอื่น ๆ ที่มนุษย์ต้องตอบสนองวัตถุประสงค์ของชีวิต เขาให้สัตยาบัน ตาม โดยรวมไม่ จะแบ่ง และอายุ เขาให้สัตยาบันรัฐอาจขัดแย้งกับการให้สัตยาบันของเขากับความสัมพันธ์อื่น ๆ และแม้จะสำคัญกว่าสมาชิกของรัฐ 4. รัฐไม่ได้ในทางใดทางหนึ่งกำเนิดลึกลับ มีลักษณะเหนือธรรมชาติ หรือขัดแย้ง อำนาจอธิปไตย omnipotent วัสดไม่จริงข้อเท็จจริง ก็เขาไม่ unitary แต่รัฐบาลกลาง 3. รัฐสามารถให้บริการการวัตถุประสงค์ด้วย และ จะดีเพียงอย่างเดียว มันไม่สามารถทำลายสมาคมและกลุ่มมันไม่สามารถสร้าง ไม่สามารถบังคับมันจะต่อต้านคัดค้านสมาคมและกลุ่มภายใน ตั้งแต่รัฐแสดงจะหรือวัตถุประสงค์ของมนุษย์อยู่ภายใน มันกับเนินใด ๆ ก่อนที่จำเป็นสำหรับความต้องการของ เป็น Laski ทำให้รัฐเป็นเพียงหนึ่งของสมาคมหลายที่ซึ่งแต่ละคนเกิดการ "ทางการเมืองมีสิ่งดังกล่าวเป็นอำนาจอธิปไตยที่เขาสรุป

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

2. ความแตกต่างระหว่างรัฐและรัฐบาลไม่ได้เป็นจริง ทั้งสองเหมือนกัน รัฐไม่ได้สั่งมันทำหน้าที่และเป็นองค์กรที่ให้บริการประชาชนหรือสังคม 3. รัฐเป็นหนึ่งในกลุ่มอื่น ๆ ที่มนุษย์ต้องการที่จะตอบสนองวัตถุประสงค์ของชีวิตของเขา ความจงรักภักดีของเขาคือตามไม่เป็นเอกภาพ มันแบ่ง และกระจาย ความจงรักภักดีของเขาไปยังรัฐอาจขัดแย้งกับความจงรักภักดีของเขาไปยังสมาคมอื่น ๆ และอาจจะมีความสำคัญมากกว่าความจงรักภักดีต่อรัฐ 4. รัฐไม่ได้อยู่ในทางใดทางหนึ่งก่อลึกลับเหนือธรรมชาติที่มีลักษณะหรือเลื่อนลอย อำนาจอธิปไตยอำนาจทุกอย่างไม่ได้เป็นความจริงกับข้อเท็จจริง มันไม่ได้รวมกันของเขา แต่ของรัฐบาลกลาง 3. รัฐสามารถตอบสนองวัตถุประสงค์ของตนโดยผ่านดีจะอยู่คนเดียว มันไม่สามารถทำลายความสัมพันธ์และกลุ่มในขณะที่มันไม่สามารถสร้างพวกเขา หรือมันจะสามารถบังคับใช้มันกับความขัดแย้งของสมาคมและกลุ่มที่อยู่ในนั้น ตั้งแต่รัฐเป็นการแสดงออกถึงความประสงค์หรือวัตถุประสงค์ของมนุษย์อยู่ภายในก็ไม่ได้สนุกกับการใด ๆ ที่จำเป็นก่อนโดดเด่นสำหรับความต้องการของตน เป็นลาสกี้ทำให้รัฐเป็นเพียงหนึ่งในหลายสมาคมที่บุคคลที่เกิดขึ้นจะเป็น "การเมืองไม่มีสิ่งดังกล่าวเป็นอำนาจอธิปไตยที่ทุกคนเขาสรุป

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

2 . ความแตกต่างระหว่างรัฐและที่ไม่ใช่ของจริง ทั้งสองจะเหมือนกัน รัฐไม่ได้สั่งให้บริการและเป็นสาธารณะหรือองค์กรบริการทางสังคม 3 . รัฐเป็นหนึ่งในกลุ่มอื่น ๆที่คนต้องการที่จะเติมเต็มวัตถุประสงค์ของชีวิตของเขา ความจงรักภักดีของเขาตาม ไม่รวม มันแบ่ง และการกระจาย .เขาจงรักภักดีต่อรัฐอาจขัดแย้งกับความจงรักภักดีกับสมาคมอื่น ๆและอาจจะสำคัญกว่าของเขาจงรักภักดีต่อรัฐ 4 . รัฐไม่ได้เป็นในทางใด ๆการก่อตัวลึกลับกับเหนือธรรมชาติหรืออภิปรัชญาของ อธิปไตยผู้มีอำนาจไม่ได้จริงจริง มันไม่คงที่ แต่รัฐ 3 . รัฐสามารถให้บริการจุดประสงค์ของมันโดยผ่านทางที่ดีจะอยู่คนเดียวมันไม่สามารถทำลายสมาคมและกลุ่มไม่สามารถสร้างพวกเขา หรือมันสามารถบังคับใช้จะกับฝ่ายค้านของสมาคมและกลุ่มภายใน ตั้งแต่รัฐแสดงจะหรือจุดประสงค์ของมนุษย์ภายใน มันไม่ได้สนุกกับการใด ๆที่จำเป็นก่อนขอบคุณสำหรับความต้องการของเป็นลัสกี้ทำให้รัฐเป็นเพียงหนึ่งในสมาคมหลายคนซึ่งแต่ละคนก็เป็น " การเมืองไม่มีสิ่งดังกล่าวเป็นอธิปไตยที่เขาสรุป .