การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความแตกต่างทางด้านประชากรศาสตร์ ส่วนประสมทางการตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีผลต่อการใช้บริการร้านสะดวกซื้อภายในสถานีบริการน้ำมันที่ตั้งอยู่บริเวณถนน 5 สายในเขตจังหวัดนนทบุรี ได้แก่ 1)ถนนพิบูลย์สงคราม 2) ถนนกรุงเทพ- นนทบุรี 3)ถนนรัตนาธิเบศร์ 4)ถนนกาญจนาภิเษก 5)ถนน บางกรวย-ไทรน้อย (สะพานพระราม 5) ของผู้บริโภคในจังหวัดนนทบุรีกลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ใช้บริการร้านสะดวกซื้อในสถานีบริการน้ำมันในเขตจังหวัดนนทบุรีจำนวน 400 คน ในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยไม่สามารถรู้จำนวนประชากรได้จึงใช้การสุ่มตัวอย่างโดยไม่ใช้ความน่าจะเป็น (Non Probability Sampling) โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบพบโดยบังเอิญ หรือแบบตามสะดวก (Accidental or Convenience Sampling) การสุ่มตัวอย่างแบบโควตา (Quota Sampling) จากผู้เข้าไปใช้บริการทั้งหมด 400 รายในสถานีบริการน้ำมันจำนวน 20 สถานี โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือและวิธีวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติแบบ One-way Analysis of Variance (ANOVA) เพื่อวัดความแตกต่างของกลุ่มตัวแปร โดย ใช้การคำนวณและการวิเคราะห์ผ่านโปรแกรม Excel สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่สถิติเชิงพรรณา(Descriptive Statistic) คือการแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าต่ำสุดและค่าสูงสุด และสถิติที่ใช้ทดสอบสมมุติฐานได้แก่สถิติอ้างอิง (Inference Statistic) เพื่อทดสอบสมมติฐาน คือสถิติค่าที Independent Sample (t-test) ในกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม หากกลุ่มตัวอย่างมีมากกว่า 2 กลุ่มขึ้นไป จะใช้สถิติ One-way ANOVA (F-test) ในกรณีที่กลุ่มตัวอย่างมีมากกว่า 2 กลุ่มที่มีระดับนัยสำคัญ 0.05
ผลการศึกษาพบว่า ผู้ใช้บริการร้านสะดวกซื้อภายในสถานีบริการน้ำมันโดยส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุระหว่าง 25 – 30 ปี มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 15,001-30,000 บาท การศึกษาระดับปริญญาตรี ผู้ใช้บริการยังคงเลือกสถานีบริการน้ำมันเดิมที่เคยใช้แม้ไม่ได้อยู่ในภูมิสำเนาเดิมและมักจะเลือกใช้บริการสถานีบริการน้ำมันใกล้ที่อยู่อาศัย ผู้ใช้บริการโดยส่วนใหญ่จะซื้อสินค้าประเภทอาหารสำเร็จรูปเป็นหลัก เหตุผลที่เข้ามาใช้บริการร้านสะดวกซื้อเนื่องจากแวะเข้ามาเพื่อเติมน้ำมันและต้องการซื้อสินค้าจากร้านสะดวกซื้อ โดยมีความถี่ในการใช้บริการร้านสะดวกซื้อเฉลี่ยจำนวน 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ และมีค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าโดยเฉลี่ยต่อครั้งต่ำกว่า 100 บาท การลดราคาสินค้าและการให้บริการที่รวดเร็วส่งผลต่อการเลือกใช้บริการมากที่สุด จากผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า ผู้ใช้บริการที่มีลักษณะข้อมูลทั่วไปได้แก่ เพศ อายุ การศึกษา รายได้ อาชีพและด้านพฤติกรรมได้แก่การเหตุผลและวัตถุประสงค์ในการซื้อเข้าไปใช้บริการ ช่วงเวลาที่เข้าไปใช้บริการและความถี่ในการใช้บริการที่แตกต่างกันมีการให้ระดับความสำคัญของปัจจัยทางการตลาดแตกต่างกันในด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคา ด้านสถานที่จัดจำหน่าย ด้านการส่งเสริมการตลาด ด้านพนักงานผู้ให้บริการ และด้านลักษณะทางกายภาพ มีการใช้บริการร้านสะดวกซื้อในสถานีบริการน้ำมันแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05