These pioneering features helped Mi

These pioneering features helped Michelin capture a significant portion of the European
market and the Akron-based companies also lost significant market share in a continent
they had dominated since the end of the First World War.
Goodyear’s major rivals – Firestone, Uniroyal, General Tire and BFGoodrich –
responded differently when faced with the “radial innovation”. Sull et al. (1997) describe
these different responses in detail. As the new radial technology offered substantial
benefits over the prevailing “bias ply” technology, major automakers in the Detroit area
embraced the change and adopted radial tires. Sull et al. (1997) note that while the
improved radial technology was profoundly beneficial for car owners, the change
proved disastrous for the tire manufacturers. Making radial tires required huge capital
expenditure because existing manufacturing infrastructure did not support the switch
and building greenfield plants meant added costs. Notwithstanding these difficulties,
Firestone, Uniroyal and General Tire continued to invest in building new plants that
could produce radial tires. The then Goodyear CEO and Chairman at that time, Charles
Pilliod, was a huge advocate of radial tires and the company invested “every penny” in
converting the existing plants to support the new technology (Sull et al., 1997).
Unfortunately, despite these huge investments, the Akron companies continued to
report very weak earnings (Sull, 1999; Sull et al., 1997). This led to plant closures in the
Akron area and in other parts of the USA. From the early to the mid-1980s, all five tire
makers faced acquisition threats. Goodyear remained independent by “putting its oil
and aerospace businesses on the block, and borrowing heavily to buy back over half its
stock” (Sull et al., 1997, p. 494). BFGoodrich, after forming a joint venture with Uniroyal,
sold its tire business to the latter and left the tire industry. Uniroyal was later acquired
by Michelin. Firestone did not survive either, as the Japanese giant Bridgestone acquired
it and gained its network of 1,500 automobile service centers in the USA (New York
Times, 1988). During the same period, General Tire sold its tire business to the German
firm, Continental.
Thus, with the exception of Goodyear, none of the Akron-based tire companies survived
the shocks they suffered in the radial revolution. During the 1970s, they all experienced
catastrophic declines. The Akron region also witnessed major decline. The waning of steel,
auto and tire production in the 1970s in this region has been attributed to internal factors
such as local mismanagement and high union labor costs (Braunerhjelm et al., 2000) and
external factors such as globalization and overseas competition

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

คุณลักษณะเหล่านี้บุกเบิกช่วยจับส่วนสำคัญของยุโรปที่มิชลินและตลาดสำคัญหายไปยังบริษัทที่ใช้ Akron ร่วมในทวีปพวกเขาได้ครอบงำนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งหนึ่งของ Goodyear คู่แข่งสำคัญ – Firestone, Uniroyal ยางรถ ยนต์ทั่วไป และ BFGoodrich –ตอบแตกต่างกันเมื่อประสบกับ "นวัตกรรมรัศมี" Sull et al. (1997) อธิบายการตอบสนองเหล่านี้แตกต่างกันในรายละเอียด เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่รัศมีให้พบประโยชน์ผ่านเทคโนโลยี "ตั้งชั้น" ยึด automakers สำคัญในดีทรอยต์กอดการเปลี่ยนแปลง และนำยางเรเดียล Sull et al. (1997) หมายเหตุว่า ในขณะปรับปรุงเทคโนโลยีรัศมีถูกซึ้งเป็นประโยชน์สำหรับเจ้าของรถ การเปลี่ยนแปลงพิสูจน์ร้ายผู้ผลิตยางรถยนต์ ทำให้ยางเรเดียลต้องใช้ทุนมากค่าใช้จ่ายเนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานการผลิตที่มีอยู่ไม่ได้สนับสนุนสวิตช์และอาคารพืชกรีนฟิลด์หมายถึงเพิ่มต้นทุน อย่างไรก็ตามปัญหาเหล่านี้Firestone, Uniroyal และ ยางทั่วไปต่อการลงทุนในการสร้างโรงงานใหม่ที่สามารถผลิตยางเรเดียล แล้ว Goodyear ประธานบริหารและประธานกรรมการในเวลานั้น ชาร์ลส์Pilliod เป็นทนายใหญ่ของยางเรเดียล และบริษัทลงทุน "ชอบ" ในแปลงพืชที่มีอยู่เพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีใหม่ (Sull และ al., 1997)อับ แม้ มีการลงทุนขนาดใหญ่เหล่านี้ บริษัท Akron ยังคงรายงานกำไรอ่อนมาก (Sull, 1999 Sull และ al., 1997) นี้นำไปสู่โรงงานปิดในการตั้ง Akron และ ในส่วนอื่น ๆ ของสหรัฐอเมริกา จากการกลางไฟต์ ทั้งห้าล้าผู้ประสบภัยมา Goodyear ยังคงอิสระ โดย "ใส่น้ำมันของธุรกิจการบินและอวกาศบนบล็อก การกู้ยืมเงินมากเพื่อซื้อกลับไปกว่าครึ่งหนึ่งของหุ้น" (Sull และ al., 1997, p. 494) BFGoodrich หลังจากการร่วมทุนกับ Uniroyal ขึ้นรูปขายธุรกิจยางไปหลัง และจากอุตสาหกรรมยาง ภายหลังมา Uniroyalโดยมิชลิน Firestone ไม่อยู่รอดการ บริดจ์สโตนยักษ์ญี่ปุ่นมามัน และได้รับของเครือข่ายของศูนย์บริการรถยนต์ 1500 ในสหรัฐอเมริกา (นิวยอร์กครั้ง 1988) ในช่วงเวลาเดียวกัน ยางรถยนต์ทั่วไปขายธุรกิจยางไปเยอรมันบริษัท คอนติเนนทัลดังนั้น ยกเว้น Goodyear บริษัทตาม Akron ยางไม่มีชีวิตรอดแรงกระแทกที่พวกเขาประสบในการปฏิวัติรัศมี ในช่วงทศวรรษ 1970 พวกเขาทั้งหมดพบลดอัตราการรุนแรง ภูมิภาค Akron ยังเห็นลดลงที่สำคัญ ชำระของเหล็กรถยนต์และยางรถยนต์ผลิตในปี 1970 ในภูมิภาคนี้มีการบันทึกปัจจัยภายในmismanagement เฉพาะและต้นทุนแรงงานสหภาพสูง (Braunerhjelm et al., 2000) และปัจจัยภายนอกเช่นโลกาภิวัตน์และการแข่งขันจากต่างประเทศ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

คุณสมบัติผู้บุกเบิกเหล่านี้จะช่วยมิชลินจับเป็นส่วนสำคัญของยุโรป
ตลาดและ บริษัท แอครอนที่ใช้ยังสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดที่สำคัญในทวีป
ที่พวกเขาได้โดดเด่นตั้งแต่ปลายสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง.
กู๊ดเยียร์คู่แข่งสำคัญ - ไฟร์สโตน, Uniroyal ยางทั่วไปและ BFGoodrich -
การตอบสนองที่แตกต่างกันเมื่อต้องเผชิญกับ "นวัตกรรมรัศมี" Sull และคณะ (1997) อธิบาย
การตอบสนองที่แตกต่างกันในรายละเอียดเหล่านี้ เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่นำเสนอในแนวรัศมีที่สำคัญ
กว่าผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น "แกว่งอคติ" เทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ที่สำคัญในพื้นที่ดีทรอยต์
กอดการเปลี่ยนแปลงและนำมาใช้ยางเรเดียล Sull และคณะ (1997) ทราบว่าในขณะที่
เทคโนโลยีรัศมีดีขึ้นเป็นประโยชน์อย่างสุดซึ้งสำหรับเจ้าของรถเปลี่ยนแปลง
ได้รับการพิสูจน์หายนะสำหรับผู้ผลิตยางรถยนต์ ทำให้ยางเรเดียลที่ต้องการเงินทุนขนาดใหญ่ที่
ค่าใช้จ่ายเพราะโครงสร้างพื้นฐานการผลิตที่มีอยู่ไม่ได้สนับสนุนสวิทช์
และอาคารพืชเขียวหมายถึงค่าใช้จ่ายเพิ่ม แม้จะมีความยากลำบากเหล่านี้
ไฟร์สโตน, Uniroyal และยางทั่วไปอย่างต่อเนื่องที่จะลงทุนในการสร้างโรงงานใหม่ที่
สามารถผลิตยางเรเดียล แล้วซีอีโอและประธานกู๊ดเยียร์ในเวลานั้นชาร์ลส์
PILLIOD, เป็นผู้สนับสนุนใหญ่ของยางเรเดียลและ บริษัท การลงทุน "เงินทุก" ใน
แปลงพืชที่มีอยู่เพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ (Sull et al., 1997).
แต่น่าเสียดายที่แม้จะมี เหล่านี้การลงทุนขนาดใหญ่ที่ บริษัท แอครอนยังคง
รายงานผลประกอบการที่อ่อนแอมาก (Sull 1999;. Sull, et al, 1997) นี้นำไปสู่การปิดโรงงานใน
พื้นที่ครอนและในส่วนอื่น ๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกา จากช่วงต้นถึงกลางทศวรรษที่ 1980 ทั้งห้ายาง
ผู้ผลิตต้องเผชิญกับภัยคุกคามการเข้าซื้อกิจการ กู๊ดเยียร์ยังคงเป็นอิสระโดย "วางน้ำมัน
และธุรกิจการบินและอวกาศในการป้องกันและการกู้ยืมเงินอย่างหนักที่จะซื้อกลับมามากกว่าครึ่งหนึ่งของ
หุ้น "(Sull et al., 1997 พี. 494) BFGoodrich หลังจากการจัดตั้ง บริษัท ร่วมทุนกับ Uniroyal,
ขายธุรกิจยางในการหลังซ้ายและอุตสาหกรรมยาง Uniroyal หลังจากที่ได้มา
โดยมิชลิน ไฟร์สโตนไม่รอดทั้งเป็นยักษ์ญี่ปุ่น Bridgestone ได้รับ
มันและได้รับเครือข่ายของ 1,500 ศูนย์บริการรถยนต์ในประเทศสหรัฐอเมริกา (นิวยอร์ก
ไทม์ส, 1988) ในช่วงเวลาเดียวกันทั่วไปยางขายยางรถยนต์ของเยอรมัน
บริษัท คอนติเนน.
ดังนั้นด้วยข้อยกเว้นของกู๊ดเยียร์ไม่มี บริษัท ยาง Akron-based รอดชีวิตจาก
แรงกระแทกที่พวกเขาได้รับความเดือดร้อนในการปฏิวัติรัศมี ในช่วงปี 1970 ที่พวกเขาทั้งหมดมีประสบการณ์
การลดลงของความหายนะ ภูมิภาคแอครอนยังเห็นการลดลงที่สำคัญ เสื่อมโทรมของเหล็ก
อัตโนมัติและการผลิตยางในปี 1970 ในภูมิภาคนี้ได้รับการบันทึกมาจากปัจจัยภายใน
เช่นการปรับตัวในท้องถิ่นและค่าใช้จ่ายสหภาพแรงงานสูง (Braunerhjelm et al., 2000) และ
ปัจจัยภายนอกเช่นโลกาภิวัตน์และการแข่งขันในต่างประเทศ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

คุณสมบัติเหล่านี้ช่วยบุกเบิกมิชลินจับส่วนสําคัญของตลาดยุโรป บริษัท ครอน
และยังสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดที่สำคัญในทวีป
พวกเขาได้ครอบงำตั้งแต่ปลายสงครามโลกครั้งที่สอง .
กู๊ดเยียร์รายใหญ่คู่แข่ง– Firestone , uniroyal , ยางทั่วไป และบีเ กูดริช (
ตอบสนองต่างกันเมื่อต้องเผชิญกับ " นวัตกรรม " รัศมี Sull et al .( 2540 ) อธิบาย
คำตอบเหล่านี้แตกต่างกันในรายละเอียด เป็นเทคโนโลยีแบบใหม่ให้ประโยชน์อย่างมาก
ไปออก " อคติเร่ " เทคโนโลยีผู้ผลิตรายใหญ่ในพื้นที่ดีทรอยต์
กอดเปลี่ยนใช้ยางเรเดียล Sull et al . ( 1997 ) โปรดทราบว่าในขณะที่
ปรับปรุงเทคโนโลยีรัศมีก็ซึ้งเป็นประโยชน์สำหรับเจ้าของรถ , เปลี่ยน
พิสูจน์ร้ายแรงสำหรับยางผู้ผลิต ทำให้ยางเรเดียลที่ต้องการขนาดใหญ่ทุน
จ่าย เพราะโครงสร้างพื้นฐานการผลิตที่มีอยู่ไม่สนับสนุนการสลับ
และอาคารเขียวพืช หมายถึง ต้นทุนเพิ่ม แต่เหล่านี้ยาก
ไฟร์สโตน , uniroyal ทั่วไปยางยังคงลงทุนในการสร้างโรงงานใหม่ที่
สามารถผลิตยางเรเดียลแล้วเยียร์ซีอีโอและประธานในตอนนั้น ชาร์ล
pilliod เป็นผู้สนับสนุนใหญ่ของยางเรเดียลและ บริษัท การลงทุน " ทุกบาททุกสตางค์ "
แปลงพืชที่มีอยู่เพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีใหม่ ( Sull et al . , 1997 ) .
น่าเสียดาย แม้จะมีการลงทุนขนาดใหญ่เหล่านี้ บริษัท ยังคงรายงานครอนผลประกอบการที่อ่อนแอมาก ( แรง 1 , 1999 ; Sull et al . , 1997 )นี้นำไปสู่การปิดโรงงานในพื้นที่
ครอนและในส่วนอื่น ๆของสหรัฐอเมริกา จากช่วงต้นถึงกลางทศวรรษที่ 1980 ทั้งห้าผู้ผลิตยาง
เผชิญอุปสรรคเข้า กู๊ดเยียร์ยังคงอิสระ โดยการใส่ " ของธุรกิจน้ำมัน
และการบินในบล็อค และการกู้ยืมเงินมากที่จะซื้อกลับมากกว่าครึ่งหนึ่งของหุ้น
" ( ปะแจ et al . , 2540 , หน้า 494 ) บีเ กู๊ดริช หลังจากการสร้าง บริษัท ร่วมทุนกับ uniroyal
,ขายธุรกิจยางของหลังและซ้ายอุตสาหกรรมยางรถยนต์ uniroyal ภายหลังได้มา
โดยมิชลิน ของคุณไปไม่รอดเหมือนกัน เป็นยักษ์ญี่ปุ่น Bridgestone ได้มา
มัน และได้รับ เครือข่ายของศูนย์บริการ รถยนต์ 1 , 500 ในสหรัฐอเมริกา ( New York
ครั้ง , 1988 ) ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน ทั่วไป ยางขายยางของธุรกิจเยอรมัน

ดังนั้น บริษัท คอนทิเนนทอลด้วยข้อยกเว้นของ กู๊ดเยียร์ ไม่มีแอครอนใช้ยางบริษัทรอด
กระแทกพวกเขาประสบในการปฏิวัติรัศมี ในช่วงปี 1970 พวกเขาทั้งหมดมีประสบการณ์
หายนะปฏิเสธ ภูมิภาคครอนยังเห็นหลักลดลง แรมของเหล็ก
อัตโนมัติและการผลิตยางในปี 1970 ในภูมิภาคนี้ที่ได้รับมาประกอบกับ
ปัจจัยภายในเช่นการจัดการท้องถิ่นและสหภาพสูงต้นทุนแรงงาน ( braunerhjelm et al . , 2000 ) และปัจจัยภายนอก เช่น
โลกาภิวัตน์และต่างประเทศการแข่งขัน