Cotton growing also consumes large

Cotton growing also consumes large amounts of natural resources. It takes up a large proportion of agricultural land, much of which is needed by local people to grow their own food. What is more, growing enough cotton for one t-shirt requires over one thousand litres of water. The raw cotton is then treated, meaning chemicals and heavy metals with harmful effects are released into the environment.
Regardless of whether the fibre is man-made or natural, each of the stages typically required to make a garment from any raw material, has a negative impact on the environment. Spinning, weaving and industrial manufacture undermine air quality. Dyeing and printing consume vast amounts of water and chemicals, and release numerous volatile agents into the atmosphere that are particularly harmful to our health. From wastewater emissions to air pollution and energy consumption, the textile industry weighs heavily on the environment.
Beyond this, many people feel that being 'green' includes a wish to avoid any form of animal exploitation. However in many of the areas where textile crops are grown, the exploitation of individual animals often goes hand in hand with intensive farming practises. Although many activists are campaigning against this, there are others who argue vehemently that animal welfare is a luxury that cannot be supported in today’s commercial world. Animal products used in clothing include fur, leather and silk (obtained by boiling or gassing to death many tens of thousands of silkworms).
More than anything, the sheer amount of production is a problem - it has been calculated for example that the Earth could not produce enough natural fibres to provide for the present-day demand for new clothes. This demand is driven by a fashion industry geared to constant change where our self-esteem, our social standing and even our job security can be seen to be at stake if we do not conform. Still, times are changing, fashion is less prescriptive now than for previous generations and this may be one area of life where consumers can help drive the changes. The textile industry is considered to be one of the most polluting sectors of industry. When moving to an environmentally-friendly lifestyle, one of the key elements to consider is Eco- fashion.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ฝ้ายเจริญเติบโตยังใช้ทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมาก ใช้ค่าสัดส่วนใหญ่การเกษตร มากซึ่งจำเป็นต้องใช้คนในท้องถิ่นเติบโตอาหารของตนเอง เกิดอะไรขึ้นคือ ปลูกฝ้ายเพียงพอสำหรับเสื้อยืดหนึ่งต้องหนึ่งพันลิตรน้ำ แล้วถือว่าฝ้ายดิบ ความหมายสารเคมีและโลหะหนัก มีอันตรายถูกนำออกใช้ในสภาพแวดล้อม
ไม่ว่าเส้นใยที่เป็นธรรมชาติ หรือมนุษย์สร้างขึ้น แต่ละขั้นตอนจะต้องทำให้เสื้อผ้าจากการวัตถุดิบ มีผลกระทบเชิงลบในสภาพแวดล้อม ปั่น ทอผ้าและอุตสาหกรรมผลิตบั่นทอนคุณภาพอากาศ ย้อมสี และพิมพ์ใช้ไพศาลน้ำและเคมี และปล่อยตัวแทนต่าง ๆ ที่ระเหยสู่ชั้นบรรยากาศที่อยู่โดยเฉพาะอันตรายต่อสุขภาพของเรา จากการปล่อยน้ำเสียมลพิษทางอากาศและการใช้พลังงาน อุตสาหกรรมสิ่งทอน้ำหนักมากในสภาพแวดล้อม
นี้ หลายคนรู้สึกว่า เป็น 'สีเขียว' รวมถึงต้องการหลีกเลี่ยงการเอารัดเอาเปรียบสัตว์รูปแบบใด ๆ อย่างไรก็ตาม ในหลายพื้นที่ที่ปลูกพืชสิ่งทอ เอารัดเอาเปรียบของสัตว์แต่ละตัวมักจะไปมือกับเร่งรัดทำฟาร์ม practises แม้ว่านักเคลื่อนไหวหลายมี campaigning ทำ มีคนโต้เถียงโดยว่าสวัสดิการสัตว์หรูที่ไม่ได้รับการสนับสนุนในโลกธุรกิจปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์สัตว์ที่ใช้ในเสื้อผ้าขนสัตว์ รวม หนังและผ้าไหม (ได้ โดยต้ม หรือ gassing ตายหลายหมื่น silkworms)
มากกว่าสิ่ง จำนวนผลิตแท้จริงคือ ปัญหา - จะมีการคำนวณตัวอย่างว่า โลกสามารถผลิตใยธรรมชาติเพียงพอสำหรับความต้องการใช้เหตุการณ์เสื้อผ้าใหม่ อุปสงค์นี้ถูกควบคุม โดยอุตสาหกรรมแฟชั่นที่มุ่งการเปลี่ยนแปลงคงที่นับถือตนเองของเรา ของเรามีสังคม และแม้แต่ความปลอดภัยของงานสามารถดูได้อย่างเดิมพันถ้าเราไม่สอดคล้อง ยังคง เปลี่ยนเวลา แฟชั่นน้อยรับมือขณะนี้มากกว่ารุ่นก่อนหน้านี้และนี้อาจเป็นพื้นที่หนึ่งของชีวิตที่ผู้บริโภคสามารถช่วยขับรถเปลี่ยนแปลง อุตสาหกรรมสิ่งทอถือเป็นหนึ่งในภาคอุตสาหกรรมมากที่สุด polluting เมื่อย้ายไปดำเนินชีวิตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม องค์ประกอบหลักในการพิจารณาคืออีโค่แฟชั่น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ที่เติบโตฝ้ายยังกินจำนวนมากของทรัพยากรธรรมชาติ มันจะขึ้นสัดส่วนขนาดใหญ่ของที่ดินทางการเกษตร ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประชาชนที่จะเติบโตอาหารของตัวเอง สิ่งที่เป็นมากกว่าเพียงพอสำหรับปลูกฝ้ายเสื้อยืดต้องมากกว่าหนึ่งพันลิตรของน้ำ ผ้าฝ้ายดิบ แล้วปฏิบัติหมายถึง สารเคมี และโลหะหนักที่มีผลกระทบที่เป็นอันตรายจะถูกปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อม .
ไม่ว่าเส้นใยธรรมชาติ หรือธรรมชาติของแต่ละขั้นตอนจะต้องให้เสื้อผ้าจากวัตถุดิบใด ๆที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ปั่นทออุตสาหกรรมผลิต ทำลาย และคุณภาพอากาศย้อมและการพิมพ์บริโภคจำนวนมากมายของน้ำและสารเคมี และปล่อยสารระเหยมากมายในบรรยากาศที่เป็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเรา จากการปล่อยน้ำเสีย มลพิษทางอากาศ และการใช้พลังงาน อุตสาหกรรมสิ่งทอ หนักหนักในสิ่งแวดล้อม
เกินกว่านี้ หลายคนรู้สึกว่า การเป็น ' สีเขียว ' รวมถึงต้องการที่จะหลีกเลี่ยงรูปแบบใด ๆของการใช้ประโยชน์จากสัตว์อย่างไรก็ตาม ในหลายพื้นที่ที่ปลูกพืช สิ่งทอ , การใช้ประโยชน์จากสัตว์บุคคลมักจะไปมือในมือกับการเพาะปลูกแบบใช้ . แม้ว่ากิจกรรมมากมายจะรณรงค์ต่อต้าน มีผู้อื่นที่โต้เถียงอย่างรุนแรงว่าสวัสดิภาพสัตว์เป็นหรูหราที่ไม่สามารถสนับสนุนในโลกธุรกิจวันนี้ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่ใช้ในเสื้อผ้าที่ประกอบด้วยขนสัตว์หนังและผ้าไหม ( ที่ได้จากการต้มหรือ gassing ตายนับหลายพันไหม )
ยิ่งกว่าสิ่งใด ปริมาณเลี่ยงของการผลิตมีปัญหา - มีการคำนวณตัวอย่างเช่นว่าโลกอาจไม่เพียงพอในการผลิตเส้นใยธรรมชาติที่จะให้สำหรับความต้องการในปัจจุบันสำหรับเสื้อผ้าใหม่ความต้องการนี้จะถูกขับเคลื่อนโดยอุตสาหกรรมแฟชั่นที่เหมาะกับการเปลี่ยนแปลงค่าคงที่ที่ถูกกระแทกของเรายืนอยู่ในสังคมของเราและแม้แต่งานรักษาความปลอดภัยที่สามารถเห็นได้เป็นเสี่ยง ถ้าเราไม่สอดคล้อง . แต่ครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง แฟชั่นเป็นคําน้อยตอนนี้กว่ารุ่นก่อนหน้า และนี่อาจเป็นหนึ่งในพื้นที่ของชีวิตที่ผู้บริโภคสามารถช่วยผลักดันการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมสิ่งทอถือเป็นหนึ่งในที่สุดมลพิษภาคอุตสาหกรรม เมื่อย้ายไปเป็นวิถีชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญที่ต้องพิจารณาคือ Eco -
แฟชั่น