Igneous rocks are formed by the sol

Igneous rocks are formed by the solidification of molten magma ejected from deep within the earth’s mantle. After ejection by either fissure eruption or volcanic eruption, some of the molten magma cools on the surface of the earth. Sometimes magma ceases its mobility below the earth’s surface and cools to form intrusive igneous rocks that are called plutons. Intrusive rocks formed in the past may be exposed at the surface as a result of the continuous process of erosion of the materials that once covered them. The types of igneous rock formed by the cooling of magma depend on factors such as the composition of the magma and the rate of cooling associated with it. After conducting several laboratory tests, Bowen (1922) was able to explain the relation of the rate of magma cooling to the formation of different types of rock. This explanation—known as Bowen’s reaction principle—describes the sequence by which new minerals are formed as magma cools. The mineral crystals grow larger and some of them settle. The crystals that remain suspended in the liquid react with the remaining melt to form a new mineral at a lower temperature. This process continues until the entire body of melt is solidified. Bowen classified these reactions into two groups: (1) discontinuous ferromagnesian reaction series, in which the minerals formed are different in their chemical composition and crystalline structure, and (2) continuous plagioclase feldspar reaction series, in which the minerals formed have different chemical compositions with similar crystalline structures. Figure 2.2 shows Bowen’s reaction series. The chemical compositions of the minerals are given in Table 2.1. Figure 2.3 is a scanning electron micrograph of a fractured surface of quartz showing glass-like fractures with no discrete planar cleavage. Figure 2.4 is a scanning electron micrograph that shows basal cleavage of individual mica grains. Thus, depending on the proportions of minerals available, different types of igneous rock are formed. Granite, gabbro, and basalt are some of the common types of igneous rock generally encountered in the field. Table 2.2 shows the general composition of some igneous rocks.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หิน igneous จะเกิดขึ้น โดย solidification ของหินหนืดหลอมเหลวออกจากส่วนลึกภายในหิ้งของโลก หลังจากขับโดย fissure ปะทุหรือภูเขาไฟปะทุ บางส่วนของหินหนืดหลอมละลายน่าบนพื้นผิวของโลก บางครั้งหินหนืดยุติความเคลื่อนไหวด้านล่างพื้นผิวของโลก และน่าฟอร์มบุก igneous หินที่เรียกว่า plutons หินรำคาญที่เกิดขึ้นในอดีตอาจจะสัมผัสที่พื้นผิวจากการกัดเซาะวัสดุที่ปกคลุมพวกเขาอย่างต่อเนื่อง ชนิดของหินอัคนีเกิดจากการระบายความร้อนของหินหนืดขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่นส่วนประกอบของหินหนืดและอัตราความร้อนเกี่ยวข้อง หลังจากทำการทดสอบห้องปฏิบัติการต่าง ๆ เวน (1922) ไม่สามารถอธิบายความสัมพันธ์ของอัตราของหินหนืดที่เย็นการก่อตัวของหินชนิดต่าง ๆ คำอธิบายนี้ — เป็นหลักปฏิกิริยาของโบเวน — อธิบายลำดับที่ก่อตั้งใหม่แร่เป็นหินหนืดจาม ผลึกแร่ขนาดใหญ่เติบโต และบางส่วนของพวกเขาจ่าย ผลึกที่ยังคงอยู่ระงับในการตอบสนองของเหลวเหลือ ละลายไปแร่ใหม่ที่อุณหภูมิต่ำ กระบวนการนี้อย่างต่อเนื่องจนกระทั่งแข็งตัวทั้งหมดของการละลาย เวนจัดปฏิกิริยาเหล่านี้เป็น 2 กลุ่ม: ชุด ferromagnesian ปฏิกิริยา (1) ไม่ต่อเนื่อง ซึ่งแร่ธาตุที่เกิดขึ้นจะแตกต่างกันในองค์ประกอบทางเคมีและโครงสร้างผลึก และชุดปฏิกิริยาเฟลด์สปาร์ plagioclase (2) อย่างต่อเนื่อง แร่ธาตุที่เกิดขึ้นมีองค์อื่นเคมีที่ มีโครงสร้างผลึกเหมือนกัน รูป 2.2 แสดงชุดปฏิกิริยาของโบเวน จนเคมีแร่แสดงไว้ในตาราง 2.1 2.3 ภาพ micrograph อิเล็กตรอนเป็นแกนของพื้นผิว fractured ของควอตซ์แสดงรอยแตกเหมือนกระจก มีแนวแตกเรียบระนาบไม่แยกกันได้ 2.4 ภาพ micrograph อิเล็กตรอนสแกนที่แสดงโรคปริของธัญพืชแต่ละแก้วได้ ดังนั้น ตามสัดส่วนของแร่ธาตุว่าง หินอัคนีชนิดต่าง ๆ มีรูปแบบ หินแกรนิต gabbro และหินบะซอลต์เป็นชนิดทั่วไปของหินอัคนีพบทั่วไปในฟิลด์ ตาราง 2.2 แสดงองค์ประกอบทั่วไปของหินบาง igneous

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หินอัคนีจะเกิดขึ้นจากการแข็งตัวของหินหนืดหลอมละลายพุ่งออกมาจากส่วนลึกภายในเสื้อคลุมของโลกที่ หลังจากที่ออกมาจากรอยแยกทั้งระเบิดหรือการระเบิดของภูเขาไฟบางส่วนของหินหนืดหลอมเหลวเย็นตัวลงบนพื้นผิวของโลก บางครั้งการเคลื่อนไหวของแมกมาสิ้นสุดลงที่ใต้พื้นผิวโลกและเย็นในรูปแบบหินอัคนีล่วงล้ำที่เรียก plutons หินล่วงล้ำที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมาอาจจะสัมผัสพื้นผิวที่เป็นผลมาจากกระบวนการที่ต่อเนื่องของการกัดเซาะของวัสดุที่ว่าเมื่อพวกเขาได้รับการคุ้มครอง ประเภทของหินอัคนีที่เกิดขึ้นจากการระบายความร้อนของแมกขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆเช่นองค์ประกอบของหินหนืดและอัตราของการทำความเย็นที่เกี่ยวข้องกับมัน หลังจากที่การดำเนินการทดสอบในห้องปฏิบัติการหลายเวน (1922) ก็สามารถที่จะอธิบายความสัมพันธ์ของอัตราการระบายความร้อนของแมกไปสู่​​การพัฒนาที่แตกต่างกันของหิน คำอธิบายนี้เรียกว่าปฏิกิริยาของเวนหลักการอธิบายลำดับโดยที่แร่ธาตุใหม่จะกลายเป็นหินหนืดเย็น ผลึกแร่ขนาดใหญ่ขึ้นและบางส่วนของพวกเขาเสร็จสมบูรณ์ ผลึกที่ยังคงลอยอยู่ในของเหลวที่ทำปฏิกิริยากับละลายที่เหลืออยู่ในรูปแบบใหม่แร่ที่อุณหภูมิต่ำ กระบวนการนี​​้ต่อไปจนกว่าร่างกายทั้งหมดของละลายจะแข็ง เวนจัดปฏิกิริยาเหล่านี้ออกเป็นสองกลุ่มคือ (1) ต่อชุดปฏิกิริยา ferromagnesian ซึ่งแร่ธาตุที่เกิดขึ้นจะแตกต่างกันในองค์ประกอบทางเคมีและโครงสร้างผลึกและ (2) ชุดปฏิกิริยาเฟลด์สปาร์ plagioclase อย่างต่อเนื่องซึ่งในแร่ธาตุที่เกิดขึ้นมีองค์ประกอบทางเคมีที่แตกต่างกัน ที่มีโครงสร้างผลึกคล้ายกัน รูปที่ 2.2 แสดงให้เห็นปฏิกิริยาของซีรีส์เวน องค์ประกอบทางเคมีของแร่ธาตุจะได้รับในตารางที่ 2.1 รูปที่ 2.3 เป็นอิเล็กตรอนแบบส่องกราด micrograph ของพื้นผิวร้าวของควอทซ์แสดงเผือกแก้วเช่นเดียวกับความแตกแยกไม่มีภาพถ่ายที่ไม่ต่อเนื่อง รูปที่ 2.4 เป็น micrograph อิเล็กตรอนแบบส่องกราดที่แสดงให้เห็นความแตกแยกฐานของเมล็ดแก้วของแต่ละบุคคล ดังนั้นขึ้นอยู่กับสัดส่วนของแร่ธาตุที่มีอยู่และชนิดของหินอัคนีที่เกิดขึ้น หินแกรนิต gabbro และหินบะซอลคือบางส่วนของประเภททั่วไปของหินอัคนีที่พบโดยทั่วไปในเขต ตารางที่ 2.2 แสดงให้เห็นถึงองค์ประกอบทั่วไปของหินอัคนีบาง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หินอัคนีเกิดจากการแข็งตัวของหินหนืดหลอมเหลวพุ่งออกจากลึกภายในโลกของเสื้อคลุม หลังจากดีดตัวขึ้น โดยการระเบิดของภูเขาไฟหรือบางส่วนของหินหนืดหลอมเหลวเย็นบนพื้นผิวของโลก บางครั้งหยุดการเคลื่อนไหวของหินหนืดใต้ผิวโลก และเย็นในรูปแบบที่เรียกว่าหินอัคนี ซึ่ง plutons .รบกวนหินขึ้นในอดีตอาจได้รับที่พื้นผิวเป็นผลของกระบวนการที่ต่อเนื่องของการพังทลายของวัสดุที่เคยปกคลุมพวกเขา ชนิดของหินอัคนีที่เกิดจากหินหนืดเย็นขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ส่วนประกอบของหินหนืดและอัตราการระบายความร้อนที่เกี่ยวข้องกับมัน หลังจากทำการทดสอบในห้องปฏิบัติการหลายเวน ( 1922 ) สามารถอธิบายความสัมพันธ์ของอัตราของหินหนืดเย็นกับการก่อตัวของประเภทที่แตกต่างกันของหิน นี้เรียกว่า ปฏิกิริยาของโบเวนอธิบายหลักการอธิบายลำดับซึ่งแร่ธาตุใหม่ มีรูปแบบเป็นหินหนืดเย็นตัวลง . ผลึกแร่เติบโตขนาดใหญ่และบางส่วนของพวกเขาจัดการผลึกที่ติดอยู่ในของเหลวที่ทำปฏิกิริยากับแร่ที่เหลือละลายในรูปแบบใหม่ ที่อุณหภูมิต่ำกว่า กระบวนการนี้อย่างต่อเนื่องจนทั้งร่างละลายเป็นก้อน . โบเวน ปฏิกิริยาเหล่านี้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ ( 1 ) ปฏิกิริยาแบบเฟร์โรแมกนีเซียนไม่ต่อเนื่อง ซึ่งแร่ธาตุที่เกิดขึ้นจะแตกต่างกันในส่วนประกอบทางเคมีของผลึกและโครงสร้างและ ( 2 ) ปฏิกิริยาต่อเนื่องแพลจิโอเคลสเฟลด์สปาร์ ชุด ซึ่งแร่ธาตุที่เกิดขึ้นมีองค์ประกอบทางเคมีที่แตกต่างกันที่มีโครงสร้างของผลึกที่คล้ายคลึงกัน รูปที่ 2.2 แสดงชุดปฏิกิริยาของโบเวน . องค์ประกอบทางเคมีของแร่จะได้รับตารางที่ 2.1 . รูปที่ 23 เป็นลักษณะของอิเล็กตรอนแบบสแกนพื้นผิวของผลึกแก้วร้าวแสดงเหมือนหักไม่ต่อเนื่องเชิงการแยกออก รูปที่ 2.4 เป็นลักษณะที่แสดงอิเล็กตรอนสแกนตัวแรกเริ่มของแต่ละบุคคล ไมเกรน ดังนั้น ขึ้นอยู่กับสัดส่วนของแร่ที่มีประเภทที่แตกต่างกันของหินอัคนีที่เกิดขึ้น แกรนิต หินแกบโบร ,และหินที่เกิดจากภูเขาไฟมีบางชนิดที่พบในหินอัคนีโดยทั่วไปที่พบในเขต ตารางที่ 2.2 แสดงองค์ประกอบทั่วไปของหินอัคนี