สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่าทางการไต้หวันสั่งสอบสวนการก่อสร้างอาคารแห่งหนึ่งที่พังถล่มจากเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.4 เมื่อวันที่ 6 ก.พ.2559 หลังจากพบว่าผนังอาคารบางส่วนทำจากกระป๋องน้ำมันพืชฉาบปูน
ซีเอ็นเอ็นอ้างข้อมูลจาก Central News Agency (CNA) สื่อทางการของไต้หวันที่ระบุว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยพบผนังปูนยัดไส้กระป๋องนี้ระหว่างปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตในซากอพาร์ตเมนต์สูง 17 ชั้นที่ถล่มลงมาจากเหตุแผ่นดินไหวที่เมืองไถหนาน ทางตอนใต้ของเกาะไต้หวัน ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตจากเหตุธรณีพิบัติภัยครั้งนี้ 36 คน
เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่สันนิษฐานว่าคนงานก่อสร้างใช้กระป๋องน้ำมันทำอาหารเป็นวัสดุเติมเต็มในการก่อสร้างเสาและผนังอาคาร (กระป๋องสีฟ้า-ขาวที่ในภาพประกอบข่าว)
อาคารที่อยู่อาศัยแห่งนี้ชื่อ Weiguan Jinlong เป็นหนึ่งในอาคาร 11 แห่งที่พังลงมาจากแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว แต่เป็นอาคารเดียวที่พังทลายลงมาทั้งหลัง มีห้องพักอาศัยราวๆ 200 ห้อง อาคารแห่งนี้ก่อสร้างเมื่อปี 1983 โดยบริษัทก่อสร้างได้ปิดกิจการไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว CNA ได้อ้างคำให้สัมภาษณ์ของวิศวกรคนหนึ่งที่อ้างว่า ตามกฎหมายก่อสร้างอาคารฉบับเดิม การก่อสร้างในลักษณะนี้ไม่ถือว่าผิดกฎหมาย แต่หลังจากเดือนกันยายน ปี 1999 เป็นต้นมาวิศวกรจะใช้วัสดุที่เรียกว่า styrofoam และ formwork boards แทน วิศวกรคนนี้บอกว่า บริษัทก่อสร้างอาจจะใส่กระป๋องน้ำมันเข้าไปแล้วฉาบปูนทับให้เสาดูมีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อความสวยงาม แน่นอนว่าเสานั้นสร้างจากวัสดุที่รองรับน้ำหนักได้อยู่แล้ว แต่การใส่กระป๋องเข้าไปข้างในมีวัตถุประสงค์เพื่่อเพิ่มขนาดของเสาให้ดูสวยงามโดยใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบา
เขาไม่คิดว่าการใช้เทคนิคการฉาบปูนทับกระป๋องน้ำมันพืชจะเป็นปัจจัยที่ทำให้อาคารนี้ถล่มลงมา
ขณะที่ผู้สื่อข่าวบีบีซีซึ่งลงพื้นที่เกิดเหตุสัมภาษณ์ผู้รอดชีวิตจากอาคารแห่งนี้ พวกเขาเรียกร้องให้มีการสอบสวนว่าอาคารแห่งนี้ก่อสร้างตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ และเหตุใดอาคารหลังนี้จึงพังถล่มลงมาทั้งหลังทั้งๆ ที่อาคารหลังอื่นที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกลับได้รับความเสียหายไม่มากเท่านี้