Summary Using case studies is the

Summary
Using case studies is the most appropriate research method when the purpose of the research requires holistic, in-depth investigation of a phenomenon or a situation from the perspective of all stakeholders involved. When context is vital to a research question then the investigation must allow for context, space and time to become part of the analysis of the situation. Although emergent design is a significant advantage of case study research, it is still possible to formulate a broad research design from the outset allowing the researcher a degree of control over the process. The role of the researcher is very much that of being a 'research instrument' interacting with the research community and allowing that community some degree of ownership of the research. Analysis is ongoing; although there will be a lot of work remaining after the fieldwork is over, it is impossible to conduct a viable case study without engaging in that analysis from the initial data collection. Case studies are not intended to produce generalizations, they are intended to allow for transfer ability of findings based on contextual applicability.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สรุป การใช้กรณีศึกษาเป็นวิธีวิจัยที่เหมาะสมที่สุดเมื่อวัตถุประสงค์ของการวิจัยต้องตรวจสอบแบบองค์รวม ชมปรากฏการณ์หรือสถานการณ์จากมุมมองของทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้อง เมื่อบริบทเป็นสำคัญคำถามวิจัย แล้วการสอบสวนต้องให้สำหรับบริบท อวกาศ และเวลาจะกลายเป็น ส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์สถานการณ์ แม้ว่าการออกแบบที่โผล่ออกมาเป็นประโยชน์สำคัญของกรณีศึกษาวิจัย เป็นยังสามารถกำหนดแบบกว้างวิจัยจากมือที่ช่วยให้นักวิจัยระดับการควบคุมกระบวนการ บทบาทของนักวิจัยเป็นอย่างมากของ 'เครื่องมือวิจัย' โต้ตอบกับวิจัยชุมชนและให้ชุมชนที่บางส่วนของความเป็นเจ้าของการวิจัย วิเคราะห์อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีจำนวนมากทำงานที่เหลืออยู่หลังจากสามารถผ่าน ได้ไปทำการทำงานกรณีศึกษา โดยในการวิเคราะห์ว่าจากการรวบรวมข้อมูล กรณีศึกษามีวัตถุประสงค์เพื่อผลิต generalizations พวกเขามีวัตถุประสงค์เพื่อให้สามารถถ่ายโอนสิ่งตามความเกี่ยวข้องของบริบท

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สรุป
การใช้กรณีศึกษาเป็นวิธีการวิจัยที่เหมาะสมที่สุดเมื่อวัตถุประสงค์ของงานวิจัยที่ต้องใช้แบบองค์รวมการตรวจสอบในเชิงลึกของปรากฏการณ์หรือสถานการณ์จากมุมมองของผู้มีส่วนได้เสียทุกคนที่เกี่ยวข้อง เมื่อบริบทมีความสำคัญต่อคำถามการวิจัยแล้วการตรวจสอบจะต้องอนุญาตให้มีบริบทพื้นที่และเวลาที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์สถานการณ์ แม้ว่าการออกแบบโผล่ออกมาเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญของกรณีศึกษาวิจัยก็ยังคงเป็นไปได้ที่จะกำหนดรูปแบบการวิจัยในวงกว้างจากเริ่มแรกที่ช่วยให้นักวิจัยการศึกษาระดับปริญญาของการควบคุมกระบวนการ บทบาทของนักวิจัยเป็นอย่างมากที่ของการเป็น 'การวิจัย' การมีปฏิสัมพันธ์กับชุมชนการวิจัยและช่วยให้ชุมชนในระดับหนึ่งของความเป็นเจ้าของของการวิจัย การวิเคราะห์ต่อเนื่อง; แม้ว่าจะมีจำนวนมากของการทำงานภาคสนามที่เหลืออยู่หลังจากที่จบไปแล้วมันเป็นไปไม่ได้ที่จะดำเนินการกรณีศึกษาการทำงานได้โดยไม่ต้องมีส่วนร่วมในการวิเคราะห์ว่าจากการเก็บข้อมูลเบื้องต้น กรณีศึกษาไม่ได้มีเจตนาในการผลิตภาพรวม, พวกเขามีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความสามารถในการถ่ายโอนของการค้นพบอยู่บนพื้นฐานของการบังคับใช้ตามบริบท

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สรุป
โดยใช้กรณีศึกษาเป็นวิธีการวิจัยที่เหมาะสมที่สุดเมื่อวัตถุประสงค์ของการวิจัยต้องแบบองค์รวม , การสืบสวนเชิงลึกของปรากฏการณ์หรือสถานการณ์จากมุมมองของผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง เมื่อบริบทมีความสําคัญต่อการวิจัยคำถามแล้ว การสอบสวนต้องให้บริบทพื้นที่และเวลาที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์สถานการณ์ถึงแม้ว่าการออกแบบซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากของการวิจัยกรณีศึกษา มันยังคงเป็นไปได้ที่จะสร้างการออกแบบการวิจัยที่กว้างตั้งแต่เริ่มต้นให้นักวิจัยระดับของการควบคุมกระบวนการบทบาทของผู้วิจัยมากว่าเป็น ' เครื่องมือ ' มีปฏิสัมพันธ์กับชุมชนการวิจัย และให้ชุมชนบางระดับของความเป็นเจ้าของของการวิจัย การวิเคราะห์อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีงานเหลืออีกเยอะ หลังจากฝึกภาคสนามแล้วมันเป็นไปไม่ได้ที่จะดำเนินการศึกษาได้โดยไม่ต้องมีส่วนร่วมในการวิเคราะห์ จากการเก็บข้อมูลเบื้องต้น การศึกษามีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตทั่วไป พวกเขามีวัตถุประสงค์เพื่ออนุญาตให้มีการถ่ายโอนความสามารถของข้อมูลตามบริบท
การบังคับใช้