The essence of Tannen's research is

The essence of Tannen's research is that men use talk to emphasize status, whereas women use it to create connection. Her conclusion, of course, doesn't apply to every man or every women. As she puts it, her generalization means "a larger percentage of women or men as a group talk in a particular way, or individual women and men are more likely to talk one way or the other.

Tannen states that communication is a continual balancing act, juggling the conflicting needs for intimacy and independence. Intimacy emphasizes closeness and commonalities. independence emphasizes separateness and differences. But here's the kick : women speak and hear a language of connection and intimacy; men speak and hear a language of status, power, and independence. So, for many men, conversations are primarily a means to preserve independence and maintain status in a hierarchical social order. For many women, conversations are negotiations for closeness in which people try to seek and give confirmation and support. A few examples will illustrate Tannen's thesis:

Men frequently complain that women talk on and on about their problems. Women criticize men for not listening. What's happening is that when men hear a problem, they frequently assert their desire for independence and control by offering solutions. Many women, on the other hand, view telling a problem as a means to promote closeness. The women present the problem to gain support and connection. not to get the man's advice.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สาระสำคัญของการวิจัย Tannen คือว่าผู้ชายที่ใช้พูดคุยเพื่อเน้นสถานะในขณะที่ผู้หญิงจะใช้มันเพื่อสร้างการเชื่อมต่อ ข้อสรุปของเธอแน่นอนไม่ได้นำไปใช้กับทุกคนหรือผู้หญิงทุก ขณะที่เธอวางไว้ทั่วไปของเธอหมายถึง "ร้อยละขนาดใหญ่ของผู้หญิงหรือผู้ชายเป็นกลุ่มพูดคุยในทางหนึ่งหรือบุคคลหญิงและผู้ชายมีแนวโน้มที่จะพูดคุยทางเดียวหรืออื่น ๆ . Tannen กล่าวว่าการสื่อสารเป็นสมดุลอย่างต่อเนื่อง . เล่นกลกับความต้องการที่ขัดแย้งกันเพื่อความสุขและความเป็นอิสระความใกล้ชิดเน้นความใกล้ชิดและความธรรมดาเหมือนเป็นอิสระเน้นแยกต่างหากและความแตกต่าง แต่นี่คือเตะ: ผู้หญิงพูดและได้ยินภาษาของการเชื่อมต่อและความใกล้ชิด; คนพูดและได้ยินภาษาของสถานะอำนาจและ.. เป็นอิสระ. ดังนั้นสำหรับคนจำนวนมาก, การสนทนาส่วนใหญ่จะมีวิธีการที่จะรักษาความเป็นอิสระและรักษาสถานะในการจัดระเบียบสังคมลำดับชั้น. สำหรับผู้หญิงหลายสนทนามีการเจรจาเพื่อความใกล้ชิดในการที่คนพยายามที่จะแสวงหาและให้ยืนยันและการสนับสนุน. ตัวอย่างจะ แสดงให้เห็นถึงวิทยานิพนธ์ของ Tannen: .. ผู้ชายบ่อยบ่นว่าผู้หญิงที่พูดคุยและที่เกี่ยวกับปัญหาของพวกเขาผู้หญิงวิพากษ์วิจารณ์คนที่ไม่ฟังสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือว่าเมื่อคนได้ยินปัญหาพวกเขามักอ้างความปรารถนาของพวกเขาสำหรับความเป็นอิสระและการควบคุมโดยการนำเสนอโซลูชั่น ผู้หญิงหลายคนในอีกมุมมองที่บอกปัญหาเป็นวิธีการส่งเสริมความใกล้ชิด ผู้หญิงนำเสนอปัญหาที่เกิดขึ้นได้รับการสนับสนุนและการเชื่อมต่อ ที่จะไม่ได้รับการแนะนำของชายคนนั้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สาระสำคัญของ tannen การวิจัยว่า ผู้ชายใช้พูดเน้นสถานะ ส่วนผู้หญิงใช้มันเพื่อสร้างการเชื่อมต่อ บทสรุปของเธอ แน่นอน ไม่ใช้กับผู้ชายหรือผู้หญิงทุกๆคน เธอใส่มันการของเธอหมายถึง " ร้อยละขนาดใหญ่ของผู้หญิงหรือผู้ชายเป็นกลุ่มพูดในทางที่เฉพาะเจาะจง หรือเดี่ยวหญิงและชายมีโอกาสที่จะพูดคุยในหนึ่งวิธีหรืออื่น ๆ .

tannen ระบุว่า การสื่อสารมีความสมดุลอย่างต่อเนื่องแสดงความต้องการที่ขัดแย้งกัน , เล่นกลเพื่อความใกล้ชิดและความเป็นอิสระ เน้นความใกล้ชิดและสนิทสนมสามัญชน . ความเป็นอิสระและเน้นความแตกต่าง separateness . แต่นี่เป็นเตะ : ผู้หญิงพูดและฟังภาษาของการเชื่อมต่อและความสนิทสนม ผู้ชายพูดและฟังภาษาของสถานะ อำนาจ และความเป็นอิสระ ดังนั้น สำหรับผู้ชายมากมายการสนทนาเป็นหลัก หมายถึง การรักษาเอกราช และรักษาสถานะในลำดับชั้นทางสังคมเพื่อ สำหรับผู้หญิงมาก การสนทนาจะเจรจาความสนิทสนมที่ผู้คนพยายามที่จะแสวงหาและให้ยืนยันและสนับสนุน ตัวอย่างจะแสดงให้เห็นถึง tannen วิทยานิพนธ์ของ :

ผู้ชายมักบ่นว่า ผู้หญิงพูดเรื่องปัญหาของพวกเขา . สตรีวิจารณ์คนไม่ฟังสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เมื่อคนได้ยินปัญหา พวกเขามักยืนยันความปรารถนาของพวกเขาเพื่อความเป็นอิสระและการควบคุม โดยเสนอโซลูชั่น ผู้หญิงหลายคนในมืออื่น ๆดู บอกปัญหาเป็นวิธีการส่งเสริมความใกล้ชิด ผู้หญิงปัจจุบันปัญหาที่จะได้รับการสนับสนุนและการเชื่อมต่อ ไม่ต้องขอคําแนะนําของมนุษย์