The development of research model a

The development of research model and hypotheses
Figure 1 illustrates the research model. The early research efforts have concentrated on customer satisfaction as a
cognitive evaluation process (Tam, 2004). However, relatively few studies have considered customer satisfaction as
an emotional feeling resulting from an evaluative response process (Ladhari, 2009). In addition, emotions may
distinguish the concept of SQ from customer satisfaction (Oliver, 1993 (a)). The basic model of the relationships
between SQ and E-SAC can be derived from evaluative-response-coping framework by Bagozzi (1992). According
to Bagozzi framework, cognitive evaluations precede emotional responses. Among the research that examines the
relationship between SQ and E-SAC, Wong (2004) found that SQ was positively associated with E-SAC. This leads
to the first hypothesis:
H1: SQ has a significant effect on E-SAC
The previous research indicates that customer emotions influence behaviors such as loyalty and word-of-mouth
communications (Westbrook, 1987; Derbaix & Vanhamme, 2003; White & Yu, 2005). Specifically, the customers’
positive emotions tend to link their decisions to stay or continue with the services. Furthermore, the positive
emotions lead the customers to share their positive experiences with others (Liljander & Strandvik, 1997). This leads
to the second hypothesis:
H2: E-SAC has a significant effect on FBI
Most previous research has examined the direct relationship between the SQ and FBI. Zeithaml, Berry and
Parasuraman (1996) offer strong empirical support for the intuitive notion that SQ could increase FBI. The research
has examined the association between SQ and FBI’s indicators. Lee, Yoon and Lee (2007) have empirically proven
that SQ has a positive relationship with tourists’ willingness to recommend to others. Alexandris, Dimitriadis and
Markata (2002) conducted a research to examine the relationships between SQ and behavioral intentions in hotel
industry. The results indicate that SQ dimensions have a significant effect on word-of-mouth communications. This
leads to the third hypothesis:
H3: SQ has a significant effect on FBI

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การพัฒนารูปแบบการวิจัยและสมมติฐานรูปที่ 1 แสดงให้เห็นถึงรูปแบบการวิจัย วิจัยก่อนจะมุ่งเน้นความพึงพอใจของลูกค้าเป็นการกระบวนการประเมินความรู้ความเข้าใจ (Tam, 2004) อย่างไรก็ตาม การศึกษาค่อนข้างน้อยได้พิจารณาความพึงพอใจของลูกค้าเป็นความรู้สึกทางอารมณ์ที่เกิดจากกระบวนการตอบสนองที่ประเมินทั้งภาพ (Ladhari, 2009) นอกจากนี้ อารมณ์อาจแยกแยะแนวคิดของ SQ จากลูกค้า (Oliver, 1993 (a)) รูปแบบพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างตร.และ E SAC ได้มาจากการประเมินทั้งภาพตอบรับมือกรอบ โดย Bagozzi (1992) ตามถึงกรอบการ Bagozzi การประเมินความรู้ความเข้าใจก่อนตอบสนองทางอารมณ์ ในการวิจัยที่ตรวจสอบการความสัมพันธ์ระหว่างตารางและ E-SAC วงศ์ (2004) พบว่า SQ เชิงบวกเกี่ยวข้องกับ E-SAC นี้นำไปสู่การสมมติฐานแรก:H1: SQ มีผล E-SACผลงานวิจัยบ่งชี้ว่า ลูกค้าอารมณ์มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมเช่นความจงรักภักดีและคำของปากการสื่อสาร (Westbrook, 1987 Derbaix & Vanhamme, 2003 สีขาวและ Yu, 2005) เฉพาะ ของลูกค้าอารมณ์เชิงบวกมักเชื่อมโยงประกอบการตัดสินใจ การเข้าพักพร้อมบริการ นอกจากนี้ ในแง่บวกอารมณ์นำลูกค้าที่แชร์ประสบการณ์บวกกับผู้อื่น (Liljander & Strandvik, 1997) นี้นำไปสู่การสมมติฐานที่สอง:H2: E-SAC มีผลสำคัญใน FBIMost previous research has examined the direct relationship between the SQ and FBI. Zeithaml, Berry andParasuraman (1996) offer strong empirical support for the intuitive notion that SQ could increase FBI. The researchhas examined the association between SQ and FBI’s indicators. Lee, Yoon and Lee (2007) have empirically proventhat SQ has a positive relationship with tourists’ willingness to recommend to others. Alexandris, Dimitriadis andMarkata (2002) conducted a research to examine the relationships between SQ and behavioral intentions in hotelindustry. The results indicate that SQ dimensions have a significant effect on word-of-mouth communications. Thisleads to the third hypothesis:H3: SQ has a significant effect on FBI

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การพัฒนารูปแบบการวิจัย และสมมติฐานรูปที่ 1 แสดงให้เห็นถึงรูปแบบการวิจัย ความพยายามในการวิจัยได้มุ่งเน้นความพึงพอใจของลูกค้าเป็นกระบวนการประเมิน ( ตำ , 2004 ) อย่างไรก็ตาม ไม่กี่ค่อนข้างมีการศึกษาพิจารณาความพึงพอใจของลูกค้าเป็นอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดจากกระบวนการประเมินผล ( ladhari , 2009 ) นอกจากนี้ อารมณ์ อาจจำแนกแนวคิดของตารางจากความพึงพอใจของลูกค้า ( โอลิเวอร์ ปี 2536 ( ) ) รูปแบบพื้นฐานของความสัมพันธ์และระหว่างตาราง e-sac สามารถได้มาจากการเผชิญความเครียดโดยประเมินกรอบ bagozzi ( 1992 ) ตามเพื่อ bagozzi กรอบการประเมินผลการจัดการการตอบสนองทางอารมณ์ ระหว่างที่ตรวจสอบงานวิจัยความสัมพันธ์ระหว่างตาราง และ e-sac วอง ( 2004 ) พบว่ามีความสัมพันธ์เชิงบวกกับ e-sac sq . นี้นักกับสมมติฐานแรก :H1 ซึ่งมีผลกระทบต่อ e-sacงานวิจัยก่อนหน้านี้พบว่ามีอิทธิพลต่อพฤติกรรม เช่น อารมณ์ลูกค้าภักดีและออนไลน์การสื่อสาร ( Westbrook , 1987 ; derbaix & vanhamme , 2003 ; สีขาวและยู , 2005 ) โดยเฉพาะ ของลูกค้าอารมณ์บวกมีแนวโน้มที่จะเชื่อมโยงในการตัดสินใจของพวกเขาจะอยู่ หรือ ต่อด้วยบริการ นอกจากนี้ บวกอารมณ์พาลูกค้าเพื่อแบ่งปันประสบการณ์บวกกับผู้อื่น ( liljander & strandvik , 1997 ) นี้นักกับสมมติฐานที่สอง :ราคา : e-sac มีผลกระทบต่อ FBIงานวิจัยก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่ได้ตรวจสอบความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างตาราง และ เอฟบีไอ Zeithaml , เบอร์รี่และการเมือง ( 1996 ) เสนอเชิงประจักษ์สนับสนุนที่แข็งแกร่งสำหรับการที่ง่ายตารางสามารถเพิ่ม FBI การวิจัยมีการตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างตารางและตัวชี้วัดของเอฟบีไอ . ลี ยูน และ ลี ( 2007 ) ได้ใช้พิสูจน์ที่ตารางมีความสัมพันธ์ทางบวกกับความตั้งใจที่จะแนะนำให้กับนักท่องเที่ยวคนอื่น alexandris dimitriadis , และmarkata ( 2545 ) ได้ทำการวิจัยเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ ระหว่างพฤติกรรมและความตั้งใจในโรงแรมตร.อุตสาหกรรม ผลการศึกษาพบว่า ด้านตร. ยังมีผลต่อการสื่อสารปากต่อปาก . นี้นำไปสู่สมมติฐานที่สามH3 ซึ่งมีผลกระทบต่อ FBI