Higher consumption of sugar-sweeten

Higher consumption of sugar-sweetened soda was associated
with a higher incidence of kidney stones, which
may be because of the fructose content. Fructose has been
shown to increase the urinary excretion of calcium (23),
oxalate (23), and uric acid (24), thus increasing the risk
of stones (15).
Artificially sweetened sodas were marginally associated
with kidney stones, with an inverse relation for colas and a
direct relation for noncolas. A previously published analysis
of two of three study cohorts reported no significant
association between soda beverages and development of
kidney stones (8,9). The apparent inconsistency may be explained
by differences in the number of cases and persontime
available.
We confirmed the previously reported inverse association
between coffee and tea consumption and kidney
stones (8,9). Coffee and tea are sources of caffeine, which
has been reported to increase diuresis moderately together
with the excretion of magnesium and potassium as well as
calcium and sodium (25). More recent evidence suggests
that caffeine-induced natriuresis might be caused by the
action on both the proximal and distal tubules (26). Using
an experimental model, Ming and Lautt (27) also suggested
that the diuretic and natriuretic effect of caffeine, an
inhibitor of adenosine receptors, might be explained by
interfering with the hepatorenal reflex mediated by hepatic
A1 adenosin receptors. However, the reduced risk
of stones associated with the increased intake of decaffeinated
coffee found in our study suggests that other mechanisms
may be involved, possibly related to the presence in
caffeinated and decaffeinated coffee and tea of phytochemicals
with potent antioxidant properties such as chlorogenic
acids (28,29).
We observed a reduced risk of stones in individuals who
consumed higher amounts of wine and beer consistently
with our previous report (8,9). Alcohol ingestion is associated
with a diuresis; although some evidence exists that alcohol
intake may reduce circulating levels of antidiuretic
hormone with subsequent urine dilution (30,31), these findings
were not confirmed in other studies (32–34). The mechanism
of alcohol-induced diuresis remains to be elucidated.
We found an inverse association between consumption
of orange juice and development of stones. Orange juice is
rich in potassium citrate, and it favorably affects urine
composition and risk of stone formation by increasing
citraturia, delivering an alkali load comparable with the
load obtained by administering potassium citrate (35,36).
Orange juice is also rich in fructose; however, the benefi-
cial effects of citrate might offset the calciuric or other effects
of fructose compared with other juices that are
comparably richer in fructose than citrate (e.g., apple juice)

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ปริมาณการใช้สูงของโซดาหวานน้ำตาลถูกเชื่อมโยงมีอัตราการเกิดสูงของนิ่วในไต ซึ่งอาจเป็น เพราะเนื้อหาฟรักโทส ฟรักโทสได้แสดงเพื่อเพิ่มการขับถ่ายปัสสาวะของแคลเซียม (23),ออกซาเลต (23), และกรดยูริก (24), จึง เพิ่มความเสี่ยงหิน (15)โซดาหวานเทียมถูกเกี่ยวข้องเล็กน้อยมีนิ่วในไต มีความสัมพันธ์ผกผันสำหรับโค้กและความสัมพันธ์ทางตรงสำหรับ noncolas การวิเคราะห์เผยแพร่ก่อนหน้านี้สองสามวิชา cohorts รายงานไม่มีนัยสำคัญความสัมพันธ์ระหว่างเครื่องดื่มโซดาและพัฒนานิ่ว (8,9) อาจอธิบายไม่สอดคล้องชัดเจนโดยความแตกต่างในจำนวนของกรณีและ persontimeพร้อมใช้งานเรายืนยันความสัมพันธ์ผกผันรายงานก่อนหน้านี้ระหว่างการบริโภคกาแฟและชาและไตหิน (8,9) ชาและกาแฟเป็นแหล่งของคาเฟอีน ซึ่งมีการรายงานการเพิ่ม diuresis นี้ค่อนข้างโดดด้วยการขับถ่ายแมกนีเซียมและโพแทสเซียมเป็นแคลเซียมและโซเดียม (25) แสดงให้เห็นหลักฐานล่าสุดnatriuresis คาเฟอีนที่เกิดนั้นอาจเกิดจากการการดำเนินการในทั้งสองใกล้เคียง และปลาย tubules (26) โดยใช้ทดลองแบบ หมิงและ Lautt (27) นอกจากนี้ยัง มีการแนะนำที่ผลของคาเฟอีน ยาขับปัสสาวะ และ natriuretic มียับยั้งตัวรับของ adenosine อาจสามารถอธิบายได้ด้วยรบกวนสะท้อน hepatorenal ไกล่เกลี่ย โดยตับรับ adenosin A1 อย่างไรก็ตาม ลดความเสี่ยงเกี่ยวข้องกับการบริโภคที่เพิ่มขึ้นของหินไม่มีกาเฟอีนกาแฟที่พบในการศึกษาของเราแสดงให้เห็นกลไกที่อื่นอาจเกี่ยวข้อง ความสัมพันธ์กับการปรากฏตัวในกาแฟมีคาเฟอีน และไม่มีคาเฟอินและชาของสารอาหารจากพืชมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพเช่นขึ้นกรด (28,29)เราสังเกตเห็นการลดความเสี่ยงของหินในบุคคลที่ใช้จำนวนไวน์และเบียร์สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องกับรายงานของเราก่อนหน้านี้ (8,9) บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีความเกี่ยวข้องด้วยการ diuresis นี้ แม้ว่าหลักฐานบางอย่างมีอยู่ที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์บริโภคอาจลดระดับการหมุนเวียนของต้านการขับปัสสาวะฮอร์โมนกับการปัสสาวะเจือจาง (30, 31), ค้นพบเหล่านี้ไม่ได้รับการยืนยันในการศึกษาอื่น ๆ (32 – 34) กลไกการของแอลกอฮอล์เกิด diuresis นี้ยังคงต้องสามารถอธิบายเราพบความสัมพันธ์ที่ผกผันระหว่างปริมาณการใช้น้ำส้มและการพัฒนาของหิน เป็นน้ำส้มอุดมไปด้วยโพแทสเซียมซิเตรต และมันมีผลต่อปัสสาวะพิทองค์ประกอบและความเสี่ยงของการเกิดหินโดยการเพิ่มcitraturia โหลดด่างเทียบกับการส่งมอบการโหลดได้ โดยจัดการโพแทสเซียมซิเตรต (35,36)น้ำส้มยังอุดมไปด้วยฟรักโทส เป็น อย่างไรก็ตาม benefi -ผลกระทบของของซิเตรทอาจตรงข้าม calciuric การหรือผลกระทบอื่น ๆการเปรียบเทียบกับน้ำผลไม้อื่น ๆ ที่มีฟรักโทสยิ่งปานฟรักโทสมากกว่าซิเตรท (เช่น น้ำแอปเปิ้ล)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การบริโภคที่สูงขึ้นของโซดารสหวานน้ำตาลที่เกี่ยวข้อง
กับอุบัติการณ์สูงขึ้นของนิ่วในไตซึ่ง
อาจจะเป็นเพราะเนื้อหาของฟรุกโตส ฟรุกโตสได้รับการ
แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของการขับถ่ายปัสสาวะของแคลเซียม (23)
ออกซาเลต (23) และกรดยูริค (24) ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยง
ของหิน (15).
โซดาหวานเทียมมีความสัมพันธ์เล็กน้อย
มีนิ่วในไตมีผกผัน ความสัมพันธ์สำหรับ Colas และ
ความสัมพันธ์โดยตรงสำหรับ noncolas การวิเคราะห์ที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้
สองสามผองรายงานการศึกษาอย่างไม่มีนัยสำคัญ
ความสัมพันธ์ระหว่างเครื่องดื่มโซดาและการพัฒนาของ
โรคนิ่วในไต (8,9) ไม่สอดคล้อง apparent อาจจะอธิบายได้
โดยความแตกต่างของจำนวนคดีและ persontime
ใช้ได้.
เราได้รับการยืนยันรายงานก่อนหน้านี้เกี่ยวกับความสัมพันธ์
ระหว่างกาแฟและการบริโภคชาและไต
หิน (8,9) กาแฟและชาเป็นแหล่งของคาเฟอีนซึ่ง
ได้รับรายงานว่าจะเพิ่มขึ้นในระดับปานกลาง diuresis ร่วมกัน
กับการขับถ่ายของแมกนีเซียมและโพแทสเซียมเช่นเดียวกับ
แคลเซียมและโซเดียม (25) หลักฐานล่าสุดที่แสดงให้เห็น
ว่าคาเฟอีนที่เกิด natriuresis อาจจะเกิดจาก
การกระทำของทั้งสองใกล้ชิดและท่อปลาย (26) โดยใช้
รูปแบบการทดลองหมิงและ Lautt (27) ยังชี้ให้เห็น
ว่ายาขับปัสสาวะและผลกระทบ natriuretic ของคาเฟอีนเป็น
สารยับยั้งผู้รับ adenosine อาจจะอธิบายได้ด้วยการ
รบกวนการทำงานของตับสะท้อนไกล่เกลี่ยโดยตับ
A1 ผู้รับ Adenosin อย่างไรก็ตามการลดความเสี่ยง
ของหินที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคที่เพิ่มขึ้นของไม่มีคาเฟอีน
กาแฟที่พบในการศึกษาของเราแสดงให้เห็นว่ากลไกอื่น ๆ
อาจมีส่วนเกี่ยวข้องอาจจะเกี่ยวข้องกับการปรากฏตัวใน
กาแฟมีคาเฟอีนและคาเฟอีนและชาของสารอาหารจากพืช
ที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพเช่น chlorogenic
กรด ( 28,29).
เราสังเกตลดความเสี่ยงของหินในบุคคลที่
มีการบริโภคในปริมาณที่สูงขึ้นของไวน์และเบียร์อย่างต่อเนื่อง
พร้อมกับรายงานก่อนหน้านี้ (8,9) การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีความเกี่ยวข้อง
กับการขับปัสสาวะนั้น แม้จะมีหลักฐานว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การบริโภคอาจลดระดับการไหลเวียนของ antidiuretic
ฮอร์โมนกับการเจือจางปัสสาวะตามมา (30,31) ค้นพบเหล่านี้
ไม่ได้รับการยืนยันในการศึกษาอื่น ๆ (32-34) กลไก
ของ diuresis เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เกิดขึ้นยังคงที่จะอธิบาย.
เราพบว่ามีความสัมพันธ์ผกผันระหว่างการบริโภค
น้ำผลไม้สีส้มและการพัฒนาของหิน น้ำผลไม้สีส้ม
อุดมไปด้วยโพแทสเซียมซิเตรตและมันก็อยู่ในเกณฑ์ดีมีผลต่อปัสสาวะ
องค์ประกอบและความเสี่ยงของการก่อหินโดยการเพิ่ม
citraturia ส่งมอบภาระด่างเทียบเคียงกับ
โหลดได้โดยการบริหารโพแทสเซียมซิเตรต (35,36).
น้ำส้มยังอุดมไปด้วยฟรุกโตส; อย่างไรก็ตาม benefi-
ผลกระทบทางการของซิเตรตอาจชดเชยผลกระทบ calciuric หรืออื่น ๆ
ของฟรุกโตสเมื่อเทียบกับน้ำผลไม้อื่น ๆ ที่มี
ปานที่ดียิ่งขึ้นในฟรุกโตกว่าซิเตรต (เช่นน้ำผลไม้แอปเปิ้ล)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การบริโภคที่สูงขึ้นของน้ำตาลหวานโซดามีความสัมพันธ์มีอุบัติการณ์ที่สูงขึ้นของโรคนิ่วในไต ซึ่งอาจเป็นเพราะของฟรักโทส เนื้อหา ฟรักโทสได้แสดงการเพิ่มการขับถ่ายปัสสาวะของแคลเซียม ( 23 )ออกซาเลต ( 23 ) และกรดยูริค ( 24 ) ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงหิน ( 15 )ตั้งใจ sweetened โซดาอยู่เล็กน้อยที่เกี่ยวข้องไตหินมีความสัมพันธ์ผกผันสำหรับ colas และความสัมพันธ์โดยตรง noncolas . ก่อนหน้านี้เผยแพร่การวิเคราะห์สองสาม cohorts รายงานการศึกษาไม่แตกต่างกันความสัมพันธ์ระหว่างเครื่องดื่มโซดาและการพัฒนาของนิ่วในไต ( 8,9 ) ความไม่สอดคล้องกันชัดเจนอาจอธิบายได้ว่าโดยความแตกต่างของจำนวนรายและ persontimeพร้อมใช้งานเราได้รับการยืนยันรายงานก่อนหน้านี้ 3 สมาคมระหว่างกาแฟและการบริโภคชา และ ไตหิน ( 8,9 ) กาแฟและชาเป็นแหล่งของคาเฟอีน ซึ่งมีรายงานว่า เพิ่มสเตด้วยกันปานกลางกับการขับถ่ายของแมกนีเซียมและโพแทสเซียม เช่นเดียวกับแคลเซียมและโซเดียม ( 25 ) หลักฐานล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่าคาเฟอีนกระตุ้น natriuresis อาจจะเกิดจากการกระทำทั้งในส่วนต้นและปลายท่อ ( 26 ) โดยใช้รูปแบบการทดลอง หมิงและ lautt ( 27 ) ยังแนะนำที่ผลขับปัสสาวะ และ natriuretic คาเฟอีน ,ยับยั้งตัวรับของอะดีโนซีนอาจจะอธิบายได้ด้วยรบกวนด้วย hepatorenal สะท้อน ) โดยเอนไซม์adenosin A1 receptor อย่างไรก็ตาม การลดความเสี่ยงหินมีความสัมพันธ์กับการบริโภคที่เพิ่มขึ้นของลาเต้กาแฟที่พบในการศึกษาของเราแสดงให้เห็นว่ากลไกอื่น ๆอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้อง อาจจะเกี่ยวข้องกับการปรากฏตัวในคาเฟอีนกาแฟไม่มีคาเฟอีนและชาของ phytochemicals และที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพ เช่น คลอโรเจนิกกรด ( 28,29 )เราพบว่าช่วยลดความเสี่ยงของหินในบุคคลที่บริโภคในปริมาณที่สูงขึ้นของไวน์และเบียร์อย่างต่อเนื่องกับรายงานก่อนหน้านี้ของเรา ( 8,9 ) การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เกี่ยวข้องกับโบ้ แม้ว่าหลักฐานมีอยู่ว่า แอลกอฮอล์บริโภคอาจลดระดับแอนติไดยูเรติกหมุนเวียนฮอร์โมนกับต่อมาปัสสาวะเจือจาง ( 30,31 ) , ผลนี้ไม่ได้รับการยืนยันในการศึกษาอื่น ๆ ( 32 – 34 ) กลไกแอลกอฮอล์ทำให้โบ้ยังคงต้องทำการ .เราพบความสัมพันธ์ผกผันระหว่างการบริโภคของน้ำส้มและการพัฒนาของหิน ส้มคืออุดมไปด้วยโพแทสเซียมซิเตรตและพ้องต้องกันมีผลต่อปัสสาวะองค์ประกอบและรูปแบบโดยการเพิ่มความเสี่ยงของหินcitraturia ส่งมอบ ด่าง โหลด เปรียบกับโหลดได้จากการให้โพแทสเซียมซิเตรต ( 35,36 )ส้มยังอุดมไปด้วยน้ำตาลฟรุกโตส อย่างไรก็ตาม benefi -ผลของสารเคมี่อาจจะชดเชยผลกระทบ calciuric หรืออื่น ๆของฟรักโทสเมื่อเทียบกับผลไม้อื่น ๆที่เป็นปานกันยิ่งขึ้นในฟรุกโตสกว่าซิเตรต ( เช่นน้ำแอปเปิ้ล )