Background:In most nursing curricul

Background:In most nursing curricula, simulation and problem-based learning (PBL) are used separately as individual learning methods. Nursing educators are in a unique position to improve students' clinical performance
and critical thinking skills by utilizing varied educational modalities.
Purpose: This study attempted to compare changes in nursing students' knowledge, confidence in skill performance (CSP), and satisfaction resulting from training using three educational modalities.
Participants: Data from a convenient sample of 205 senior nursing students from three nursing schools in Seoul
and Chuncheon, South Korea, was obtained between September 1 and December 10, 2013.
Methods:This comparison study used three groups: the PBL group, simulation with the PBL group, and the control
group. For data analysis, descriptive statistics, paired t-test, one-way ANOVA, and post-hoc tests (Duncan test)
were performed.
Results: No significant difference in the students' baseline knowledge of patient care for patients with bronchiolitis was found. There were significant differences in the mean scores of knowledge (F = 14.718, p b .001), CSP
(F = 12.693, p b .001), and students' satisfaction (F = 93.471, p b .001) among the three groups.
Conclusion: The positive impact of PBL and a combined learning method in this study suggests that it can be an
effective approach in pediatric nursing practice. These results provide a much-needed template and starting
point for educators introducing active learning approaches for pediatric nursing courses.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พื้นหลัง: ในหลักสูตรพยาบาลส่วนใหญ่ จำลองและปัญหาการเรียนรู้ (พีบีแอลกรุ๊ป) ที่ใช้แยกเป็นวิธีการเรียนรู้ นักการศึกษาพยาบาลอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ซ้ำกันเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพทางคลินิกของนักศึกษาและทักษะการคิดวิเคราะห์ โดยการใช้รังสีเพื่อการศึกษาที่แตกต่างกันวัตถุประสงค์: การศึกษานี้ความพยายามในการเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงในความรู้ของนักศึกษาพยาบาล confidence ทักษะสมรรถนะ (CSP), และความพึงพอใจที่เกิดจากการฝึกอบรมการใช้รังสีเพื่อการศึกษาที่สามเข้าร่วม: ข้อมูลจากตัวอย่างความสะดวกของนักศึกษาพยาบาลอาวุโส 205 จากโรงเรียนพยาบาลสามแห่งในโซลและชุนชอน เกาหลีใต้ ได้รับระหว่าง 1 กันยายนและ 10 ธันวาคม 2013วิธีการ: การศึกษาเปรียบเทียบนี้ใช้สามกลุ่ม: กลุ่มพีบีแอลกรุ๊ป จำลองกลุ่มพีบีแอลกรุ๊ป และการควบคุมกลุ่ม สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล สถิติเชิงพรรณนา คู่ t-ทดสอบ ทางเดียว ANOVA และเฉพาะกิจลงทดสอบ (ทดสอบดันแคน)ดำเนินการผลลัพธ์: พบไม่ต่างงมากในความรู้พื้นฐานของนักศึกษาการดูแลผู้ป่วยสำหรับผู้ป่วยที่มีความบกพร่อง มีงมากความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยของความรู้ (F = 14.718, p b .001), CSP(F = 12.693, p b .001), และความพึงพอใจของนักเรียน (F = 93.471, p b .001) หนึ่งในสามกลุ่มนี้สรุป: ของพีบีแอลกรุ๊ปและวิธีการเรียนรู้ร่วมในการศึกษานี้แนะนำว่า การแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการปฏิบัติการพยาบาลเด็ก ผลลัพธ์เหล่านี้มีความจำเป็นมากแบบและเริ่มต้นจุดสำหรับนักการศึกษาที่แนะนำวิธีการเรียนรู้สำหรับหลักสูตรการพยาบาลกุมารเวชศาสตร์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ประวัติความเป็นมา: ในหลักสูตรพยาบาลส่วนใหญ่การจำลองและการเรียนรู้ปัญหาตาม (PBL) จะใช้แยกเป็นวิธีการเรียนรู้ของแต่ละบุคคล
การศึกษาการพยาบาลอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ซ้ำกันในการปรับปรุงนักเรียนประสิทธิภาพทางคลินิกและทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณโดยใช้รังสีการศึกษาที่แตกต่างกัน.
วัตถุประสงค์: การศึกษานี้พยายามที่จะเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงในนักศึกษาพยาบาล 'ความรู้ความมั่นใจนักโทษไฟในการทำงานทักษะ (CSP) และความพึงพอใจที่เกิดจากการฝึกอบรม โดยใช้รังสีการศึกษาสาม.
ผู้เข้าร่วม: ข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่สะดวกในการ 205
นักศึกษาพยาบาลระดับสูงจากสามโรงเรียนพยาบาลในกรุงโซลและชุนชอนเกาหลีใต้ที่ได้รับระหว่างเดือนกันยายนที่1 และวันที่ 10 ธันวาคม 2013
วิธีการ: การศึกษาเปรียบเทียบนี้ใช้สามกลุ่มคือ กลุ่ม PBL จำลองกับกลุ่ม PBL
และควบคุมกลุ่ม สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติเชิงพรรณนาคู่ t-test หนึ่ง way ANOVA และการทดสอบ post-hoc (ดันแคนทดสอบ)
ได้ดำเนินการ.
ผล: ไม่มีมีนัยสำคัญแตกต่างลาดเทในนักเรียนมีความรู้พื้นฐานในการดูแลผู้ป่วยผู้ป่วยที่มีหลอดลมฝอยอักเสบก็พบว่า มีความแตกต่างลาดเทมีนัยสำคัญในคะแนนเฉลี่ยของความรู้ (F = 14.718, PB 001), ซีเอสพี
(F = 12.693, PB 001) และความพึงพอใจของนักเรียน (F = 93.471, PB 001) ในสามกลุ่ม.
สรุป : ผลกระทบในเชิงบวกของ PBL
และวิธีการเรียนรู้ร่วมกันในการศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่ามันอาจจะเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานการพยาบาลผู้ป่วยเด็ก
ผลการเหล่านี้ให้แม่แบบที่จำเป็นมากและเริ่มต้นจุดแนะนำสำหรับการศึกษาการเรียนรู้วิธีการใช้งานสำหรับหลักสูตรการพยาบาลผู้ป่วยเด็ก