The Purple Frog, scientific name as

The Purple Frog, scientific name asikabatrachus sahyadrensis, also known as the Indian Purple Frog, the Pignose Frog, and the Doughnut Frog, was first discovered in 2003. Despite it's recent discovery, the species is often described as a living fossil, and is thought to have been around at the same time as the dinosaurs.

The purple frog is a species of large burrowing frogs that, on average, reach a size of about 7 cm. They get their common name from the dark purple color of their skin. Their bodies are rounded and somewhat bloated looking. They have splayed out arms and legs, and relatively small heads with protruding snouts. These unusual frogs can make a sound that is described as sounding like a chicken (see video below).

These unique amphibians spend most of their lives underground, surfacing for only about 2 weeks each year during the monsoon season. For most of the year, Purple Frogs live below ground in borrows that they dig themselves. When it finally does leave it's burrow, it's usually to breed. They lay their eggs in ponds, ditches, and streams. Purple Frog tadpoles progress into adulthood in the same manner as most other frogs.

Purple Frogs are thought to dine mainly on termites and other small prey items, as it's narrow mouth prevents it from catching larger prey. Purple Frogs cannot borrow into hard ground, and so thus require damp loose soil to live in.

Purple Frogs where discovered in India, and is thought to survive only in two locations in India. It may in fact have a wider range that has not yet been discovered. The Purple Frog is considered to be rare and only 135 individual frogs have been observed in the wild, only 3 of which where females. The species population is unfortunately thought to be in decline and is listed as Endangered. Habitat loss mainly due to clearing land for cultivation is thought to be the main threat to this species.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สีม่วงกบ ชื่อวิทยาศาสตร์ asikabatrachus sahyadrensis รู้จัก กบสีม่วงอินเดีย กบ Pignose และ กบโดนัท ถูกค้นพบครั้งแรกใน 2003 แม้ มีเรื่องล่าสุดค้นพบ สายพันธุ์อธิบายมักจะเป็นซากดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิต และคิดว่า จะมากันเป็นไดโนเสาร์

กบสีม่วงเป็นพันธุ์ burrowing กบใหญ่ที่ ค่าเฉลี่ย ถึงขนาดประมาณ 7 ซม. พวกเขาได้รับชื่อทั่วไปจากสีม่วงเข้มของผิวของพวกเขา ศพปัด และบวมค่อนข้างมอง พวกเขามี splayed แขน และขา และหัวค่อนข้างเล็ก มีแหล่งน้ำ snouts กบผิดปกติเหล่านี้สามารถทำให้เสียงที่อธิบายเป็นหูเช่นไก่ (ดูวิดีโอด้านล่าง) .

สัตว์เหล่านี้ไม่ซ้ำกันใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตรถไฟใต้ดิน ซ่อมแซมผิวหน้าเพียง 2 สัปดาห์แต่ละปีในช่วงฤดูมรสุม สำหรับส่วนใหญ่ของปี กบสีม่วงที่อยู่ใต้ดินในมิตรที่พวกเขาขุดเอง เมื่อมันก็ปล่อยมันตัวน้อยหลากหลาย ได้ปกติขุน จะวางไข่ในบ่อ คู และกระแส สีม่วงกบ tadpoles ความคืบหน้าเป็นวุฒิในรูปแบบเดียวกับกบอื่น ๆ ส่วนใหญ่.

กบสีม่วงมีความคิดกับปลวกและรายการอื่น ๆ เหยื่อขนาดเล็ก ส่วนใหญ่เป็นของปากแคบทำให้ไม่จับเหยื่อที่มีขนาดใหญ่ กบสีม่วงไม่ยืมเป็นดินแข็ง และดังนั้นจึง ต้องใช้ดินหลวมชื้นอยู่ค่ะ

กบสีม่วงที่พบในอินเดีย และคิดว่า เพื่อความอยู่รอดในสถานที่สองแห่งในอินเดียเท่านั้น ในความเป็นจริงอาจเป็นช่วงกว้างที่ยังไม่ถูกค้นพบ กบสีม่วงถือว่าจะหายาก และมีได้พบกบละ 135 เท่านั้นในป่า 3 ที่ที่ฉัน ประชากรพันธุ์แต่คิดจะปฏิเสธ และระบุว่าเป็น Endangered อยู่อาศัยสูญเสียส่วนใหญ่เนื่องจากการโอนที่ดินสำหรับปลูกพืชเป็นความคิดที่จะคุกคามหลักการชนิดนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สีม่วงกบชื่อวิทยาศาสตร์ asikabatrachus sahyadrensis หรือที่เรียกว่าอินเดียม่วงกบ Pignose กบและโดนัทกบถูกค้นพบครั้งแรกในปี 2003. แม้จะมีก็ค้นพบเมื่อเร็ว ๆ นี้สายพันธุ์ที่มักจะถูกอธิบายว่าเป็นฟอสซิลมีชีวิตอยู่และคิดว่า ที่จะได้รับรอบในเวลาเดียวกันเป็นไดโนเสาร์กบสีม่วงเป็นสายพันธุ์ของกบขุดขนาดใหญ่ที่โดยเฉลี่ยถึงขนาดประมาณ 7 ซม. พวกเขาได้รับชื่อสามัญของพวกเขาจากสีม่วงเข้มของผิวของพวกเขา ร่างกายของพวกเขาจะถูกปัดเศษและค่อนข้างอ้วนที่กำลังมองหา พวกเขาได้ออกมากางแขนและขาและหัวมีขนาดค่อนข้างเล็กที่มีจมูกยื่นออกมา เหล่านี้กบที่ผิดปกติสามารถทำให้เสียงที่จะอธิบายว่าการทำให้เกิดเสียงเหมือนไก่ (ดูวิดีโอด้านล่าง) ครึ่งบกครึ่งน้ำที่ไม่ซ้ำกันเหล่านี้ใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตของพวกเขาใต้ดินผิวเพียงประมาณ 2 สัปดาห์ในแต่ละปีในช่วงฤดูมรสุม สำหรับส่วนมากของปีสีม่วงกบอาศัยอยู่ใต้พื้นดินในที่พวกเขายืมตัวเองขุด เมื่อในที่สุดมันก็ไม่ปล่อยให้มันเป็นโพรงก็มักจะก่อให้เกิด พวกเขาวางไข่ในบ่อคูและลำธาร ความคืบหน้าในลูกอ๊อดกบสีม่วงเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ในลักษณะเดียวกับที่อื่น ๆ ส่วนใหญ่กบกบสีม่วงมีความคิดที่รับประทานอาหารส่วนใหญ่ในปลวกและอื่น ๆ ที่เหยื่อขนาดเล็กที่เป็นปากแคบป้องกันไม่ให้มันจากการจับเหยื่อขนาดใหญ่ กบสีม่วงไม่สามารถยืมลงในพื้นดินที่แข็งและอื่น ๆ จึงจำเป็นต้องมีดินหลวมชื้นอยู่ค่ะกบสีม่วงที่ค้นพบในประเทศอินเดียและเป็นความคิดที่จะอยู่รอดได้ในสองสถานที่ในประเทศอินเดีย ในความเป็นจริงมันอาจจะมีช่วงกว้างที่ยังไม่ได้ค้นพบ สีม่วงกบถือว่าเป็นที่หายากและมีเพียง 135 บุคคลกบได้รับการปฏิบัติในป่าเพียง 3 ซึ่งที่เพศหญิง ประชากรสายพันธุ์ที่เป็นความคิดที่น่าเสียดายที่จะลดลงและจะปรากฏเป็นสัตว์ที่ใกล้สูญ การสูญเสียที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่เนื่องจากการล้างที่ดินสำหรับการเพาะปลูกเป็นความคิดที่จะเป็นภัยคุกคามหลักในสายพันธุ์นี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กบสีม่วง ชื่อวิทยาศาสตร์ asikabatrachus sahyadrensis เรียกว่ากบสีม่วงอินเดีย pignose กบ และโดนัท กบ ถูกค้นพบครั้งแรกในปี 2003 แม้จะเป็นการค้นพบล่าสุด , สายพันธุ์อธิบายมักจะเป็นที่อยู่อาศัยฟอสซิล และเป็นความคิดที่ได้รับรอบในเวลาเดียวกันเป็นไดโนเสาร์

กบสีม่วง เป็นสายพันธุ์ของโพรงขนาดใหญ่ กบว่า เฉลี่ยถึงขนาดประมาณ 7 ซม พวกเขาได้รับชื่อของพวกเขาจากสีม่วงเข้มของผิวของพวกเขา ร่างกายมีลักษณะกลม และค่อนข้างอ้วนดู พวกเขาได้กระจายออกไป แขนและขา และ หัวค่อนข้างเล็ก snouts ยื่นออกมา กบผิดปกติเหล่านี้สามารถสร้างเสียงที่อธิบายเป็นเสียงเหมือนไก่ ( เห็นภาพด้านล่าง ) .

สัตว์ที่ไม่ซ้ำกันเหล่านี้ใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตของพวกเขาใต้ดินที่พื้นผิวเพียงประมาณ 2 สัปดาห์ในแต่ละปีในช่วงฤดูมรสุม เพื่อที่สุดของปี , กบสีม่วงอยู่ ใต้พื้นดินในยืมที่พวกเขาขุดเอง เมื่อในที่สุดมันก็จะทิ้งมัน ขุด มันมักจะผสมพันธุ์ พวกเขาวางไข่ในบ่อ คู และลำธารสีม่วงลูกอ๊อดกบก้าวสู่วัยผู้ใหญ่ในลักษณะเดียวกับกบอื่น ๆ มากที่สุด

สีม่วง กบคิดว่าทานอาหารหลักในปลวกและเหยื่อขนาดเล็กอื่น ๆ สินค้า เป็นปากมันแคบ จะป้องกันไม่ให้มันจับเหยื่อขนาดใหญ่ กบสีม่วงไม่สามารถยืมในฮาร์ดบดและดังนั้นจึงต้องชื้นดินหลวมอยู่

สีม่วงกบที่พบในอินเดียและเป็นความคิดที่จะเอาตัวรอด ในสองสถานที่ในอินเดีย มันอาจจะในความเป็นจริงมีช่วงกว้างที่ยังไม่ได้ถูกค้นพบ กบสีม่วงถือว่าหายากและมีเพียง 135 คน กบได้ถูกพบในป่า แค่ 3 ที่ ที่ผู้หญิง ชนิดของประชากรคือโชคร้ายที่คิดว่าจะลดลงและอยู่ในฐานะใกล้สูญพันธุ์การสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่เนื่องจากการล้างที่ดิน สำหรับเพาะปลูก มีความคิดจะเป็นภัยคุกคามหลักชนิดนี้