The third mode, ‘community’, has it

The third mode, ‘community’, has its roots in
normative activist discourses of the 1960s and 1970s
(Dunn 1978; Lovins 1977). Through a community
approach, it was argued, energy hardware and
software configurations could be radically different
– smaller-scale, locally appropriate, environmentally
and socially benign. Such perspectives were brought
into the mainstream of energy policy in the early
2000s, largely for instrumental rather than normative
reasons, but drawing on a neo-communitarian
discourse of local participation and empowerment
(Walker et al. 2007a)

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โหมดสาม 'ชุมชน' มีรากของมันกฎเกณฑ์นักเคลื่อนไหว discourses ของ 1960 และ 1970(ดันน์ 1978 ทาง Lovins ที่ 1977) ผ่านชุมชนวิธี มันถูกโต้เถียง พลังงานฮาร์ดแวร์ และกำหนดค่าซอฟต์แวร์อาจจะแตกต่างกัน-มาตราส่วนเล็กลง ภายในเหมาะสม สิ่งแวดล้อมและใจดีต่อสังคม มุมมองดังกล่าวถูกนำมาเข้ากับกระแสหลักของนโยบายพลังงานในช่วงทศวรรษที่ 2000 ส่วนใหญ่สำหรับการบรรเลง มากกว่ากฎเกณฑ์เหตุผล แต่วาดภาพบนนีโอ-communitarianวาทกรรมของท้องถิ่นมีส่วนร่วมและเสริมสร้างศักยภาพ(Walker et al. 2007a)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โหมดที่สาม 'ชุมชน' มีรากใน
วาทกรรมกิจกรรมเชิงบรรทัดฐานของปี 1960 และ 1970
(ดันน์ 1978; Lovins 1977) ผ่านชุมชน
วิธีการมันก็เป็นที่ถกเถียงกัน, อุปกรณ์พลังงานและ
การกำหนดค่าซอฟต์แวร์อาจจะแตกต่างกันอย่างรุนแรง
- มีขนาดเล็กระดับที่เหมาะสมในพื้นที่ต่อสิ่งแวดล้อม
และเป็นพิษเป็นภัยต่อสังคม มุมมองดังกล่าวถูกนำมา
เป็นหลักของนโยบายพลังงานในช่วงต้น
ยุค 2000 ส่วนใหญ่สำหรับประโยชน์มากกว่ากฎเกณฑ์
เหตุผล แต่การวาดภาพบนนีโอ communitarian
วาทกรรมของการมีส่วนร่วมของท้องถิ่นและเพิ่มขีดความสามารถ
(วอล์คเกอร์ et al. 2007A)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โหมดที่สาม " ชุมชน " , มีรากในกิจกรรมเกี่ยวกับวาทกรรมของทศวรรษที่ 1960 และ 1970( ดัน 1978 ; Lovins 1977 ) ผ่านชุมชนวิธีการ มันแย้ง , พลังงานอุปกรณ์การกำหนดค่าซอฟต์แวร์อาจจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงและมาตราส่วนเล็กลงภายในที่เหมาะสมต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ใจดี เช่นมุมมองที่ถูกพามาเป็นกระแสหลักของนโยบายพลังงานในช่วงต้น2000 , ส่วนใหญ่สำหรับบรรเลงมากกว่าเชิงบรรทัดฐานเหตุผล แต่การวาดภาพที่นีโอ กลยุทธ์วาทกรรมและการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของท้องถิ่น( วอล์คเกอร์ et al . 2007a )