Many engravers in ancient times use

Many engravers in ancient times used engraving for the same reason we do today — to make or decorate things that were needed in everyday life. The same Mesopotamian carvers who made seals also carved and polished thousands upon thousands of beads for use in daily activities. Cloisonné work of gemstones set into gold was also quite popular among these people. Engravers in Central and South America worked primarily with jade to create earplugs, masks and plaques, among other household items.
Engraving has also played a very important role in mankind’s ability to understand Egyptian history. Before the Rosetta Stone was discovered in 1799, Egyptian hieroglyphics were a mystery. All meaning of the Egyptian writing had been lost to the ages since the 4th century AD, and for 1400 years, scholars had puzzled over the pictograph-writing. The discovery of the engraved Rosetta Stone changed all that in the early 1800s, when the code was finally broken by French scholar Jean Francois Champollion. The Rosetta Stone was engraved with an edict, issued in 196 BC, which recorded the benefits conferred on Egypt by the 13-year-old Ptolemy V Epiphanes at the time of his coronation. The edict was engraved in three scripts: Egyptian hieroglyphics, Demotic script (a cursive form of hieroglyphics) and Greek. Using the Greek engraving, Champollion was able to decipher the mysterious hieroglyphics, opening up a world of information and unlocking the key to Egyptian civilization.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

engravers หลายคนในสมัยโบราณที่ใช้ในการแกะสลักด้วยเหตุผลเดียวกับที่เราทำในวันนี้ - เพื่อให้หรือตกแต่งสิ่งที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน carvers เมโสโปเตเดียวกันที่ทำแมวน้ำยังแกะสลักและขัดพันเมื่อพันเม็ดสำหรับใช้ในกิจกรรมประจำวัน ทำงานcloisonnéของอัญมณีตั้งเป็นทองก็ยังนิยมมากในหมู่คนเหล่านี้ engravers ในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ทำงานที่เกี่ยวเนื่องกับหยกที่จะสร้างที่อุดหู, หน้ากากและโล่ในรายการในครัวเรือนอื่น ๆ .
แกะสลักยังมีบทบาทสำคัญมากในความสามารถของมนุษย์ที่จะเข้าใจประวัติศาสตร์อียิปต์ ก่อนที่ศิลาโรเซตตาถูกค้นพบใน 1799, อักษรอียิปต์โบราณอียิปต์มีความลึกลับ ความหมายของการเขียนอียิปต์ทั้งหมดได้รับการสูญเสียให้กับทุกเพศทุกวัยตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 และสำหรับปี 1400 นักวิชาการได้งงมากกว่าสัญลักษณ์เขียน การค้นพบของสลัก Rosetta Stone เปลี่ยนทั้งหมดว่าในช่วงต้นปี 1800 เมื่อรหัสที่ถูกทำลายในที่สุดโดยนักวิชาการชาวฝรั่งเศสฌองฟรองซัว Champollion ศิลาโรเซตตาได้รับการแกะสลักที่มีคำสั่งที่ออกใน 196 ปีก่อนคริสตกาลซึ่งบันทึกผลประโยชน์หารือกับอียิปต์โดยปโตเลมีที่ 13 ปี V อิฟิฟานิในช่วงเวลาของพิธีบรมราชาภิเษกของเขา คำสั่งที่ได้รับตราตรึงอยู่ในสามสคริปต์: อักษรอียิปต์โบราณอียิปต์สคริปต์ประชาชน (รูปแบบเล่นหางของอักษรอียิปต์โบราณ) และกรีก ใช้แกะสลักกรีก Champollion ก็สามารถที่จะถอดรหัสอักษรอียิปต์โบราณลึกลับเปิดขึ้นในโลกของข้อมูลและการปลดล็อคกุญแจสำคัญในอารยธรรมอียิปต์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ชาวหลายในสมัยโบราณใช้แกะสลักด้วยเหตุผลเดียวกัน เราต้องทำวันนี้ให้ หรือตกแต่ง สิ่งที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เดียวกันที่ทำให้ผนึกเมโสโปเตเมีย carvers ยังแกะสลักและขัดหลายพันเมื่อพันของลูกปัดสำหรับใช้ในกิจกรรมประจำวัน งาน cloisonn éพลอยตั้งเป็นทองยังเป็นที่นิยมมากในหมู่คนเหล่านี้ชาวภาคกลางและอเมริกาใต้ทำงานหลักกับหยกสร้างอุดหู , หน้ากากและโล่ของรายการอื่น ๆในครัวเรือน
แกะสลักยังเล่นบทบาทสำคัญมากในความสามารถมนุษย์ที่จะเข้าใจประวัติศาสตร์อียิปต์ ก่อนที่หิน Rosetta ถูกค้นพบใน 1799 , อียิปต์ hieroglyphics เป็นลึกลับความหมายของการเขียนที่อียิปต์ได้หายไปกับอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 AD และ 1400 ปี นักวิชาการได้งงงวยมากกว่าสัญลักษณ์ภาพเขียน การค้นพบของศิลาโรเซตตาจารึกการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่ในต้นศตวรรษที่ 18 เมื่อรหัสถูกเสียในที่สุด โดยนักวิชาการฝรั่งเศสฌอง ฟรังซัวส์ champollion . หิน Rosetta ถูกสลักเป็นพระราชกฤษฎีกาที่ออกในพ.ศ. 196 ,ซึ่งบันทึกประโยชน์อื่นในอียิปต์โดยปโตเลมีที่ 13 ปี 5 epiphanes เวลามงกุฎของเขา พรบ. อยู่ในสามสคริปต์ : บิณฑบาต อียิปต์อักษรเดโมติค ( แบบฟอร์มสคริปต์เล่นหางของ hieroglyphics ) และกรีก ใช้แกะสลักกรีก , champollion สามารถถอดรหัส hieroglyphics ลึกลับเปิดขึ้นในโลกของข้อมูลและปลดล็อคกุญแจอารยธรรมของอียิปต์