The difference between public/non-p

The difference between public/non-profit sector management and private sector management is supported by two argument which represent real differences in how public programs and private businesses strive to meet their objectives. First, public organizations do not always operate with objectives which can be clearly measured like in the private sector, which operates in a model of economic efficiency.

For example, a toy manufacturer is able to clearly set a goal of how much product to manufacture and sell, as well as establish a clear bottom line. This is not always possible in the public sector, where the goals aren’t so straightforward and there is no clear bottom line. So if a presidential directive calls for reducing poverty and the mission objectives include reducing “powerlessness” and “apathy", any measure of the success of this endeavor and the programs implemented along with it are going to be general and not easily identifiable. Traditional business or private sector methods of measuring success cannot be used in this instance. The end-result cannot be easily measured based on the establishment of one particular program or managerial factor.

One of the most influential people to have approached this question is Herbert Simon. In Simon’s highly regarded discussion on fact and value, Simon claims that public and private sector management, while sharing similarities in management methods, aren’t entirely similar. By accepting that the means of administration (the facts) are different than the ends (the values), one can assert that the values of the public sector differ from that of the private sector. The public sector values the public interest and political compromise, while the private sector values profit.



The second argument is that accountability differs largely between public and private organizations. Managers in public organizations are accountable to a much greater number of people and in turn are subjected to greater influence by those they are accountable to. This is will play a significant role in their decision making process as public administration is constantly under public scrutiny. The public manager will attempt to appease as many people as possible while achieving results. This adds to the complexity of their position as manager. Moreover, research supports the notion that organizational commitment is weaker in the public sector, so this will also influence public manager’s accountability.

The private sector operates without the checks and balances of the public sector. They are accountable to shareholders and their focus remains on maximizing the bottom-line. Yes, there is a blurring of the public and private sector, and the business man is certainly more subjected to public scrutiny than in the past, but on the whole, the private managers maintain accountability too far less people than the public managers do. Private organizations are also far less transparent than public organizations as there is less demand for “sunset clauses” and other mechanisms to ensure public organizations do not become too powerful and overshadow the abilities of the private sector to function as needed.

With varying objectives and degrees of accountability, managing a public organization will differ greatly from private sector management.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความแตกต่างระหว่างประชาชนจัดการภาค / ไม่แสวงหาผลกำไรและการจัดการภาคเอกชนที่ได้รับการสนับสนุนจากทั้งสองโต้แย้งซึ่งเป็นตัวแทนของความแตกต่างที่แท้จริงในวิธีการที่โปรแกรมภาครัฐและธุรกิจเอกชนมุ่งมั่นที่จะตอบสนองวัตถุประสงค์ของพวกเขา ครั้งแรกที่องค์กรภาครัฐไม่เคยทำงานกับวัตถุประสงค์ที่สามารถวัดได้อย่างชัดเจนเช่นในภาคเอกชนซึ่งทำงานในรูปแบบของประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ. ยกตัวอย่างเช่นผู้ผลิตของเล่นสามารถที่จะกำหนดอย่างชัดเจนว่าเป้าหมายของสินค้าที่มากในการผลิตและ ขายเช่นเดียวกับการสร้างบรรทัดล่างที่ชัดเจน นี้เป็นไปไม่ได้เสมอในภาครัฐซึ่งเป้าหมายไม่ได้ตรงไปตรงมามากและไม่มีเส้นด้านล่างที่ชัดเจน ดังนั้นถ้าโทรสั่งประธานาธิบดีในการลดความยากจนและวัตถุประสงค์ของภารกิจรวมถึงการลด "อำนาจ" และ "ไม่แยแส" วัดความสำเร็จของความพยายามนี้ใด ๆ และโปรแกรมดำเนินไปพร้อมกับมันจะไปได้ทั่วไปและไม่สามารถระบุตัวตนได้อย่างง่ายดาย. ธุรกิจแบบดั้งเดิม หรือวิธีการของภาคเอกชนในการวัดความสำเร็จไม่สามารถใช้ในกรณีนี้. ปลายผลจะไม่สามารถวัดได้อย่างง่ายดายขึ้นอยู่กับสถานประกอบการของโปรแกรมหนึ่งโดยเฉพาะหรือปัจจัยการบริหารจัดการ. หนึ่งในคนที่มีอิทธิพลมากที่สุดที่จะได้รับการทาบทามคำถามนี้เฮอร์เบิร์ไซมอน. ใน ไซมอนอภิปรายยกย่องในความเป็นจริงและความคุ้มค่า, ไซมอนบอกว่าการจัดการภาครัฐและภาคเอกชนในขณะที่การแบ่งปันความคล้ายคลึงกันในวิธีการจัดการที่คล้ายกันไม่ได้อย่างสิ้นเชิง. โดยยอมรับว่าวิธีการของการบริหารงาน (ข้อเท็จจริง) จะแตกต่างจากปลาย (ค่า ) หนึ่งสามารถยืนยันว่าค่านิยมของภาครัฐที่แตกต่างจากของภาคเอกชน. ภาครัฐค่าความสนใจของประชาชนและการประนีประนอมทางการเมืองในขณะที่ภาคเอกชนค่ากำไร. อาร์กิวเมนต์ที่สองคือความรับผิดชอบที่แตกต่างส่วนใหญ่ระหว่างภาครัฐและเอกชน องค์กร ผู้จัดการในองค์กรภาครัฐมีความรับผิดชอบเป็นจำนวนมากของผู้คนและในทางกลับกันอาจจะมีอิทธิพลมากขึ้นโดยที่พวกเขามีความรับผิดชอบต่อ นี่คือจะมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจของพวกเขาเป็นกระบวนการบริหารจัดการภาครัฐอย่างต่อเนื่องภายใต้การพิจารณาของประชาชน ผู้จัดการประชาชนจะพยายามที่จะเอาใจคนจำนวนมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ในขณะที่การบรรลุผล นี้จะเพิ่มความซับซ้อนของตำแหน่งของพวกเขาในฐานะผู้จัดการ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่สนับสนุนความคิดที่ว่าความมุ่งมั่นขององค์กรจะลดลงในภาครัฐดังนั้นนี้ยังจะมีผลต่อความรับผิดชอบของผู้จัดการของประชาชน. ภาคเอกชนโดยไม่ต้องดำเนินการตรวจสอบและถ่วงดุลของภาครัฐ พวกเขามีความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้นและโฟกัสของพวกเขายังคงอยู่ในการเพิ่มกำไร ใช่มีเบลอของภาครัฐและเอกชนและนักธุรกิจแน่นอนภายใต้มากขึ้นในการพิจารณาของประชาชนกว่าในอดีตที่ผ่านมา แต่ในทั้งผู้จัดการส่วนตัวคนมีความรับผิดชอบมากเกินไปที่จะน้อยกว่าผู้จัดการประชาชนทำ องค์กรภาคเอกชนนอกจากนี้ยังมีน้อยกว่าความโปร่งใสหน่วยงานของรัฐที่มีความต้องการน้อยสำหรับ "ข้อพระอาทิตย์ตก" และกลไกอื่น ๆ เพื่อให้หน่วยงานของรัฐไม่ได้กลายเป็นพลังมากเกินไปและมีอิทธิพลต่อความสามารถของภาคเอกชนในการทำงานตามที่ต้องการ. ด้วยวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันและองศา ของความรับผิดชอบในการจัดการองค์การมหาชนจะแตกต่างกันอย่างมากจากการจัดการของภาคเอกชน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความแตกต่างระหว่างการบริหารจัดการภาครัฐ / ภาคเอกชนที่ไม่แสวงหากำไรและส่วนบุคคลการจัดการภาคได้รับการสนับสนุนโดยสองอาร์กิวเมนต์ซึ่งเป็นตัวแทนของความแตกต่างจริงในวิธีการที่ประชาชนโปรแกรมและธุรกิจเอกชนมุ่งมั่นที่จะตอบสนองวัตถุประสงค์ของพวกเขา ครั้งแรกองค์กรสาธารณะไม่เสมอ ใช้กับวัตถุประสงค์ที่สามารถวัดได้อย่างชัดเจน เช่น ในภาคเอกชนซึ่งประกอบธุรกิจในรูปแบบของประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ .

ตัวอย่าง ผู้ผลิตของเล่นได้ชัดเจน ตั้งค่าเป้าหมายเท่าใดผลิตภัณฑ์เพื่อการผลิตและการขาย รวมทั้งการสร้างบรรทัดด้านล่างชัดเจน นี้ไม่ได้เป็นไปได้เสมอในภาครัฐ ซึ่งเป้าหมายจะไม่ตรงไปตรงมาและไม่ชัดเจน ด้านล่างบรรทัดถ้าประธานาธิบดีคำสั่งเรียกสำหรับการลดความยากจน และภารกิจวัตถุประสงค์รวมถึงการ " ประสิทธิภาพ " และ " อารมณ์ " วัดใด ๆของความสำเร็จของการแข่งขันนี้ และโปรแกรมที่ใช้ด้วยจะได้ทั่วไป และไม่สามารถระบุตัวตนได้ง่าย วิธีการทางธุรกิจแบบดั้งเดิมหรือภาคเอกชนของการวัดความสำเร็จไม่สามารถใช้ในกรณีนี้ผลสุดท้าย ไม่สามารถวัดได้อย่างง่ายดายโดยการอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะโปรแกรมหรือการจัดการปัจจัย

หนึ่งในผู้ที่มีอิทธิพลมากที่สุดจะต้องเข้าหาคำถามนี้ เฮอร์เบิร์ต ไซมอน ในการอภิปรายเกี่ยวกับความเป็นจริงของไซม่อน ถือว่าสูง และค่า ไซมอน กล่าวว่า ภาครัฐและเอกชน จัดการ ขณะที่แบ่งปันความคล้ายคลึงกันในวิธีการจัดการไม่ได้เหมือนกันทั้งหมดโดยยอมรับว่า หมายถึง การบริหารงาน ( ข้อเท็จจริง ) จะแตกต่างกว่าปลาย ( คุณค่า ) , หนึ่งที่สามารถยืนยันได้ว่าค่าของภาครัฐจะแตกต่างจากที่ของเอกชน คุณค่าประโยชน์สาธารณะและการประนีประนอมทางการเมืองของภาคประชาชน ในขณะที่ภาคเอกชนค่า



กำไรอาร์กิวเมนต์ที่สองคือความรับผิดชอบแตกต่างกันไประหว่างองค์กรภาครัฐและเอกชน ผู้จัดการในองค์กรภาครัฐจะรับผิดชอบกับจำนวนมากของผู้คน และในการเปิดภายใต้อิทธิพลมากขึ้นโดยผู้ที่พวกเขาจะรับผิดชอบให้ นี้จะมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจกระบวนการการบริหารสาธารณะอย่างต่อเนื่องภายใต้การพิจารณาผู้จัดการภาครัฐจะพยายามเอาใจคนให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ในขณะที่การบรรลุผล นี้จะเพิ่มความซับซ้อนของตำแหน่งของพวกเขาเป็นผู้จัดการ นอกจากนี้การวิจัยสนับสนุนความคิดที่ว่าความอ่อนแอในภาคสาธารณะ ดังนั้นนี้จะมีผลต่อสาธารณะเป็นผู้จัดการรับผิดชอบ .

ภาคเอกชนทำงานโดยไม่มีการตรวจสอบและยอดคงเหลือของภาคสาธารณะ พวกเขาจะรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น และโฟกัสของพวกเขายังคงอยู่ในการเพิ่มบรรทัดด้านล่าง ใช่ มีเบลอจากภาครัฐและภาคเอกชน และนักธุรกิจก็มากขึ้นภายใต้การตรวจสอบจากสาธารณะ มากกว่าในอดีต แต่ทั้งผู้จัดการส่วนรักษาความไกลน้อยกว่าผู้จัดการสาธารณะบ้าง องค์กรเอกชนยังห่างไกลใสน้อยกว่าองค์กรภาครัฐมีความต้องการน้อยสำหรับ " พระอาทิตย์ตกประโยค " และกลไกอื่น ๆเพื่อให้แน่ใจว่าหน่วยงานของรัฐไม่กลายเป็นที่มีประสิทธิภาพมากเกินไป และบดบังความสามารถของภาคเอกชนให้ทำงานได้ตามต้องการ

กับวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันและระดับของความรับผิดชอบ การจัดการองค์กรภาครัฐจะแตกต่างจากการจัดการภาคเอกชน .