การเมืองประเทศยูเครน ซึ่งลากยาวมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ในช่วง การแปล - การเมืองประเทศยูเครน ซึ่งลากยาวมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ในช่วง ไทย วิธีการพูด

การเมืองประเทศยูเครน ซึ่งลากยาวมาตั


การเมืองประเทศยูเครน ซึ่งลากยาวมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันกับไทย ขณะที่ผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองของไทยยังคงจำกัดอยู่ภายในประเทศ แต่สำหรับยูเครน ปัญหาดังกล่าวดูเหมือนจะกลายเป็นปัญหาระดับโลกไปแล้ว เมื่อมีประเทศมหาอำนาจของโลก อย่างสหรัฐฯ สหภาพยุโรป (EU) และรัสเซียเข้ามาเกี่ยวข้อง จนทำให้เกิดความกังวลในตลาดการเงิน และส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกตั้งแต่เปิดเดือนมีนาคมมาต่างก็ปรับตัวลงกันถ้วนหน้าทั้งนี้ ประเด็นเรื่องความขัดแย้งในยูเครน ได้ลุกลามขึ้นหลังจากรัฐบาลได้ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของประชาชน ส่งผลให้ประธานาธิบดียูเครนต้องหลบหนีไปพึ่งพันธมิตรอย่างรัสเซีย ขณะที่รัสเซียเอง ก็ได้ทำการส่งกำลังทหารเข้าไปยังเขตปกครองอิสระไครเมียของยูเครนเพื่อเข้ายึดสถานที่ราชการ และทำให้ขั้วอำนาจตะวันตก ซึ่งต้องการถ่วงดุลอำนาจรัสเซียอย่างสหรัฐฯและ EU แสดงความไม่พอใจ และต้องการให้มีการถอนกำลังทหารของรัสเซียออก ซึ่งอาจจะส่งผลไปถึงการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย หรือลุกลามเป็นสงครามขึ้นได้
จากประเด็นที่ลุกลาม และมีการดึงชาติอื่นๆ ทั้งสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และรัสเซียเข้ามาเกี่ยวข้องนี้เอง ส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลก เกิดความปั่นป่วนอย่างหนักหลังเปิดเดือนมีนาคมมา ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตลาดหุ้นเอเชีย ที่ต่างก็ปรับตัวลงกว่า 1% โดยเฉพาะตลาดหุ้นยุโรป ซึ่งดูจะได้รับผลกระทบเต็มๆ เพราะปรับตัวลงไปกว่า 3% เนื่องจากยุโรปเป็นภูมิภาคที่มีความใกล้ชิดทางด้านเศรษฐกิจกับรัสเซียเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะด้านพลังงาน เนื่องจากยุโรปมีการพึ่งพาพลังงานด้านน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเป็นหลัก โดยส่วนหนึ่ง มีการขนส่งผ่านทางยูเครน การคว่ำบาตรรัสเซีย และความไม่สงบในยูเครนที่อาจจะทำให้รัสเซียมีอิทธิพลเหนือยูเครนจะส่งผลในเชิงลบต่อเศรษฐกิจของบริษัทยุโรป และต้นทุนด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ตลาดหุ้นยุโรปดูจะได้รับผลกระทบมากกว่าตลาดอื่นๆ
ทั้งนี้ แม้ยากที่จะคาดเดาถึงผลลัพธ์สุดท้ายที่จะเกิดขึ้น ว่าจะลุกลามไปจนถึงขนาดไหน แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ เชื่อกันว่า ปัญหาในยูเครน น่าจะกระทบต่อตลาดในระยะสั้น เนื่องจากปัญหาดังกล่าว ไม่ก่อให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศใด ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ สหภาพยุโรป หรือแม้กระทั่งรัสเซียเอง ซึ่งท้ายที่สุด สหรัฐฯ รัสเซีย และสหภาพยุโรป น่าจะหันมาเจรจาเพื่อหาทางออกในการแก้ไขปัญหา มากกว่าจะมุ่งเน้นตอบโต้กันด้วยมาตรการคว่ำบาตร หรือมาตรการทางการทหาร ผลกระทบในเชิงลบต่อตลาด จึงน่าจะจบลงได้ในระยะสั้น ดังจะเห็นได้จากสถานการณ์ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 มีนาคม หลังจากรัสเซียมีมติให้ถอนกำลังทหารออกมาจากชายแดนยูเครน ก็ทำให้ตลาดหุ้นคลายความกังวลและเด้งกลับมาได้ อย่างไรก็ดี ทางรัสเซียเองยังคงกำลังทหารไว้ในบริเวณเขตปกครองพิเศษไครเมียอยู่ ซึ่งก็จะยังคงกดดันสถานการณ์การลงทุนอยู่เป็นระยะๆ ดังนั้น ในช่วงที่ตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงมา จึงอาจจะเป็นจังหวะเข้าทยอยสะสมการลงทุนในหุ้นเพิ่มเติมได้ โดยเฉพาะหุ้นในภูมิภาคยุโรปที่ดูจะปรับตัวลงแรงกว่าภูมิภาคอื่น
ด้วยปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจของยุโรปเอง ซึ่งได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วในปีที่ผ่านมา และกำลังเริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง อย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่บริษัทจดทะเบียนยุโรปเองยังมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และธนาคารกลางยังแสดงจุดยืนที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากนโยบายผ่อนคลายทางการเงินหากจำเป็น ล้วนแต่ส่งสัญญาณปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นยุโรป ขณะที่ระดับราคาเอง แม้จะปรับขึ้นมาพอสมควรในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าอดีต โดยอัตราส่วน Forward P/E ของดัชนี MSCI Europe ในเดือนกุมภาพันธ์ อยู่ที่ประมาณ 14 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ประมาณ 16 เท่า (Bloomberg มีนาคม 2557) ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีแนวโน้มที่สดใสจากเศรษฐกิจ แต่ระดับราคาปัจจุบันได้ปรับขึ้นมาค่อนข้างเยอะตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยยังไม่มีการปรับฐานลงมาอย่างชัดเจน จึงควรจะต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าหากจะเข้าลงทุนในช่วงนี้
จากความกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองดังกล่าว ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้น และหันกลับมาถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้ง และผลักดันราคาทองคำขึ้นมาที่เหนือระดับ 1,350 ดอลล่าร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี หากความกังวลในสถานการณ์การเมืองคลี่คลายแล้ว ราคาทองคำน่าจะอ่อนตัวลงมา เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยสนับสนุนในเชิงบวกต่อราคาทองคำ โดยเฉพาะนโยบายการปรับลดเม็ดเงินในมาตรการ QE ของสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลลบต่อทองคำ ดังนั้น ผู้ลงทุนอาจถือจังหวะที่ราคาปรับขึ้นมาในช่วงนี้ทำการขาย และรอเข้าซื้อเมื่ออ่อนตัว โดยมองการเคลื่อนไหวกรอบราคาทองคำในปีนี้ที่ 1,150 – 1,350 ดอลล่าร์ต่อออนซ์ เช่นเดียวกับน้ำมัน ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าปัญหาความไม่สงบจะส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมัน แต่เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ก็น่าจะอ่อนตัวลงมา จึงยังไม่ใช่จังหวะที่จะเข้าลงทุนในช่วงนี้

0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
การเมืองประเทศยูเครนซึ่งลากยาวมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันกับไทยขณะที่ผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองของไทยยังคงจำกัดอยู่ภายในประเทศแต่สำหรับยูเครนปัญหาดังกล่าวดูเหมือนจะกลายเป็นปัญหาระดับโลกไปแล้วเมื่อมีประเทศมหาอำนาจของโลกอย่างสหรัฐฯ สหภาพยุโรป (EU) และรัสเซียเข้ามาเกี่ยวข้องจนทำให้เกิดความกังวลในตลาดการเงินและส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกตั้งแต่เปิดเดือนมีนาคมมาต่างก็ปรับตัวลงกันถ้วนหน้าทั้งนี้ประเด็นเรื่องความขัดแย้งในยูเครนได้ลุกลามขึ้นหลังจากรัฐบาลได้ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของประชาชนส่งผลให้ประธานาธิบดียูเครนต้องหลบหนีไปพึ่งพันธมิตรอย่างรัสเซียขณะที่รัสเซียเองก็ได้ทำการส่งกำลังทหารเข้าไปยังเขตปกครองอิสระไครเมียของยูเครนเพื่อเข้ายึดสถานที่ราชการและทำให้ขั้วอำนาจตะวันตกซึ่งต้องการถ่วงดุลอำนาจรัสเซียอย่างสหรัฐฯและ EU แสดงความไม่พอใจและต้องการให้มีการถอนกำลังทหารของรัสเซียออกซึ่งอาจจะส่งผลไปถึงการคว่ำบาตรต่อรัสเซียหรือลุกลามเป็นสงครามขึ้นได้ จากประเด็นที่ลุกลามและมีการดึงชาติอื่น ๆ ทั้งสหรัฐฯ สหภาพยุโรปและรัสเซียเข้ามาเกี่ยวข้องนี้เองส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกเกิดความปั่นป่วนอย่างหนักหลังเปิดเดือนมีนาคมมาไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตลาดหุ้นเอเชียที่ต่างก็ปรับตัวลงกว่า 1% โดยเฉพาะตลาดหุ้นยุโรปซึ่งดูจะได้รับผลกระทบเต็ม ๆ เพราะปรับตัวลงไปกว่า 3% เนื่องจากยุโรปเป็นภูมิภาคที่มีความใกล้ชิดทางด้านเศรษฐกิจกับรัสเซียเป็นอย่างมากโดยเฉพาะด้านพลังงานเนื่องจากยุโรปมีการพึ่งพาพลังงานด้านน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเป็นหลักโดยส่วนหนึ่งมีการขนส่งผ่านทางยูเครนการคว่ำบาตรรัสเซียและความไม่สงบในยูเครนที่อาจจะทำให้รัสเซียมีอิทธิพลเหนือยูเครนจะส่งผลในเชิงลบต่อเศรษฐกิจของบริษัทยุโรปและต้นทุนด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ตลาดหุ้นยุโรปดูจะได้รับผลกระทบมากกว่าตลาดอื่น ๆ ทั้งนี้แม้ยากที่จะคาดเดาถึงผลลัพธ์สุดท้ายที่จะเกิดขึ้นว่าจะลุกลามไปจนถึงขนาดไหนแต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อกันว่าปัญหาในยูเครนน่าจะกระทบต่อตลาดในระยะสั้นเนื่องจากปัญหาดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศใดไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ สหภาพยุโรปหรือแม้กระทั่งรัสเซียเองซึ่งท้ายที่สุดสหรัฐฯ รัสเซียและสหภาพยุโรปน่าจะหันมาเจรจาเพื่อหาทางออกในการแก้ไขปัญหามากกว่าจะมุ่งเน้นตอบโต้กันด้วยมาตรการคว่ำบาตรหรือมาตรการทางการทหารผลกระทบในเชิงลบต่อตลาดจึงน่าจะจบลงได้ในระยะสั้นดังจะเห็นได้จากสถานการณ์ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 มีนาคมหลังจากรัสเซียมีมติให้ถอนกำลังทหารออกมาจากชายแดนยูเครนก็ทำให้ตลาดหุ้นคลายความกังวลและเด้งกลับมาได้อย่างไรก็ดีทางรัสเซียเองยังคงกำลังทหารไว้ในบริเวณเขตปกครองพิเศษไครเมียอยู่ซึ่งก็จะยังคงกดดันสถานการณ์การลงทุนอยู่เป็นระยะ ๆ ดังนั้นในช่วงที่ตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงมาจึงอาจจะเป็นจังหวะเข้าทยอยสะสมการลงทุนในหุ้นเพิ่มเติมได้โดยเฉพาะหุ้นในภูมิภาคยุโรปที่ดูจะปรับตัวลงแรงกว่าภูมิภาคอื่น ด้วยปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจของยุโรปเองซึ่งได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วในปีที่ผ่านมาและกำลังเริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องอย่างค่อยเป็นค่อยไปขณะที่บริษัทจดทะเบียนยุโรปเองยังมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและธนาคารกลางยังแสดงจุดยืนที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากนโยบายผ่อนคลายทางการเงินหากจำเป็นล้วนแต่ส่งสัญญาณปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นยุโรปขณะที่ระดับราคาเองแม้จะปรับขึ้นมาพอสมควรในช่วงปีที่ผ่านมาแต่ก็ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าอดีตโดยอัตราส่วน P/E ของดัชนี MSCI ส่งยุโรปในเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ประมาณ 14 เท่าเทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ประมาณ 16 เท่า (อาร์ซีมีนาคม 2557) ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีแนวโน้มที่สดใสจากเศรษฐกิจแต่ระดับราคาปัจจุบันได้ปรับขึ้นมาค่อนข้างเยอะตั้งแต่ปีที่ผ่านมาโดยยังไม่มีการปรับฐานลงมาอย่างชัดเจนจึงควรจะต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าหากจะเข้าลงทุนในช่วงนี้ จากความกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นและหันกลับมาถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้งและผลักดันราคาทองคำขึ้นมาที่เหนือระดับ 1350 ดอลล่าร์ต่อออนซ์อย่างไรก็ดีหากความกังวลในสถานการณ์การเมืองคลี่คลายแล้วราคาทองคำน่าจะอ่อนตัวลงมาเนื่องจากยังไม่มีปัจจัยสนับสนุนในเชิงบวกต่อราคาทองคำโดยเฉพาะนโยบายการปรับลดเม็ดเงินในมาตรการ QE ของสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลลบต่อทองคำดังนั้นผู้ลงทุนอาจถือจังหวะที่ราคาปรับขึ้นมาในช่วงนี้ทำการขายและรอเข้าซื้อเมื่ออ่อนตัวโดยมองการเคลื่อนไหวกรอบราคาทองคำในปีนี้ที่ 1,150 – 1350 ดอลล่าร์ต่อออนซ์เช่นเดียวกับน้ำมันซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าปัญหาความไม่สงบจะส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมันแต่เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลายก็น่าจะอ่อนตัวลงมาจึงยังไม่ใช่จังหวะที่จะเข้าลงทุนในช่วงนี้
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!

การเมืองประเทศยูเครน ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันกับไทย แต่สำหรับยูเครน เมื่อมีประเทศมหาอำนาจของโลกอย่างสหรัฐฯสหภาพยุโรป (อียู) และรัสเซียเข้ามาเกี่ยวข้องจนทำให้เกิดความกังวลในตลาดการเงิน ประเด็นเรื่องความขัดแย้งในยูเครน ขณะที่รัสเซียเอง และทำให้ขั้วอำนาจตะวันตก สหภาพยุโรปแสดงความไม่พอใจ
และมีการดึงชาติอื่น ๆ ทั้งสหรัฐฯสหภาพยุโรปและรัสเซียเข้ามาเกี่ยวข้องนี้เองส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นสหรัฐฯตลาดหุ้นเอเชียที่ต่างก็ปรับตัวลงกว่า 1% โดยเฉพาะตลาดหุ้นยุโรปซึ่งดูจะได้รับผลกระทบเต็ม ๆ เพราะปรับตัวลงไปกว่า 3% โดยเฉพาะด้านพลังงาน และก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเป็นหลักโดยส่วนหนึ่งมีการขนส่งผ่านทางยูเครนการคว่ำบาตรรัสเซีย และต้นทุนด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้น
ว่าจะลุกลามไปจนถึงขนาดไหน แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อกันว่าปัญหาในยูเครนน่าจะกระทบต่อตลาดในระยะสั้นเนื่องจากปัญหาดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯสหภาพยุโรปหรือแม้กระทั่งรัสเซียเองซึ่งท้ายที่สุดสหรัฐฯรัสเซียและสหภาพยุโรป หรือมาตรการทางการทหารผลกระทบในเชิงลบต่อตลาดจึงน่าจะจบลงได้ในระยะสั้น 4 มีนาคม อย่างไรก็ดี ดังนั้นในช่วงที่ตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงมา
อย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่ระดับราคาเอง โดยอัตราส่วน Forward P / E ของดัชนี MSCI ยุโรปในเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ประมาณ 14 เท่าเทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ประมาณ 16 เท่า (บลูมเบิร์กมีนาคม 2557) ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้น 1,350 ดอลล่าร์ต่อออนซ์อย่างไรก็ดี ราคาทองคำน่าจะอ่อนตัวลงมา QE ของสหรัฐฯซึ่งจะส่งผลลบต่อทองคำดังนั้น และรอเข้าซื้อเมื่ออ่อนตัว 1,150 - 1,350 ดอลล่าร์ต่อออนซ์เช่นเดียวกับน้ำมัน แต่เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลายก็น่าจะอ่อนตัวลงมา

การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!

การเมืองประเทศยูเครนซึ่งลากยาวมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันกับไทยขณะที่ผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองของไทยยังคงจำกัดอยู่ภายในประเทศแต่สำหรับยูเครนเมื่อมีประเทศมหาอำนาจของโลกอย่างสหรัฐฯ ethnic conflict ( EU ) และรัสเซียเข้ามาเกี่ยวข้องจนทำให้เกิดความกังวลในตลาดการเงินและส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกตั้งแต่เปิดเดือนมีนาคมมาต่างก็ปรับตัวลงกันถ้วนหน้าทั้งนี้ได้ลุกลามขึ้นหลังจากรัฐบาลได้ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของประชาชนส่งผลให้ประธานาธิบดียูเครนต้องหลบหนีไปพึ่งพันธมิตรอย่างรัสเซียขณะที่รัสเซียเองและทำให้ขั้วอำนาจตะวันตกซึ่งต้องการถ่วงดุลอำนาจรัสเซียอย่างสหรัฐฯและ EU แสดงความไม่พอใจและต้องการให้มีการถอนกำลังทหารของรัสเซียออกซึ่งอาจจะส่งผลไปถึงการคว่ำบาตรต่อรัสเซียหรือลุกลามเป็นสงครามขึ้นได้
จากประเด็นที่ลุกลามและมีการดึงชาติอื่นๆทั้งสหรัฐฯ ethnic conflict และรัสเซียเข้ามาเกี่ยวข้องนี้เองส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกเกิดความปั่นป่วนอย่างหนักหลังเปิดเดือนมีนาคมมาไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ต่างก็ปรับตัวลงกว่า 1% โดยเฉพาะตลาดหุ้นยุโรปซึ่งดูจะได้รับผลกระทบเต็มๆเพราะปรับตัวลงไปกว่า 3% เนื่องจากยุโรปเป็นภูมิภาคที่มีความใกล้ชิดทางด้านเศรษฐกิจกับรัสเซียเป็นอย่างมากโดยเฉพาะด้านพลังงานและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเป็นหลักโดยส่วนหนึ่งมีการขนส่งผ่านทางยูเครนการคว่ำบาตรรัสเซียและความไม่สงบในยูเครนที่อาจจะทำให้รัสเซียมีอิทธิพลเหนือยูเครนจะส่งผลในเชิงลบต่อเศรษฐกิจของบริษัทยุโรปจึงไม่น่าแปลกใจที่ตลาดหุ้นยุโรปดูจะได้รับผลกระทบมากกว่าตลาดอื่นๆ
ทั้งนี้แม้ยากที่จะคาดเดาถึงผลลัพธ์สุดท้ายที่จะเกิดขึ้นว่าจะลุกลามไปจนถึงขนาดไหนแต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อกันว่าปัญหาในยูเครนน่าจะกระทบต่อตลาดในระยะสั้นเนื่องจากปัญหาดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ethnic conflict หรือแม้กระทั่งรัสเซียเองซึ่งท้ายที่สุดสหรัฐฯรัสเซียและสหภาพยุโรปน่าจะหันมาเจรจาเพื่อหาทางออกในการแก้ไขปัญหามากกว่าจะมุ่งเน้นตอบโต้กันด้วยมาตรการคว่ำบาตรผลกระทบในเชิงลบต่อตลาดจึงน่าจะจบลงได้ในระยะสั้นดังจะเห็นได้จากสถานการณ์ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 มีนาคมหลังจากรัสเซียมีมติให้ถอนกำลังทหารออกมาจากชายแดนยูเครนก็ทำให้ตลาดหุ้นคลายความกังวลและเด้งกลับมาได้ทางรัสเซียเองยังคงกำลังทหารไว้ในบริเวณเขตปกครองพิเศษไครเมียอยู่ซึ่งก็จะยังคงกดดันสถานการณ์การลงทุนอยู่เป็นระยะๆดังนั้นในช่วงที่ตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงมาโดยเฉพาะหุ้นในภูมิภาคยุโรปที่ดูจะปรับตัวลงแรงกว่าภูมิภาคอื่น
ด้วยปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจของยุโรปเองซึ่งได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วในปีที่ผ่านมาและกำลังเริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องอย่างค่อยเป็นค่อยไปขณะที่บริษัทจดทะเบียนยุโรปเองยังมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งล้วนแต่ส่งสัญญาณปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นยุโรปขณะที่ระดับราคาเองแม้จะปรับขึ้นมาพอสมควรในช่วงปีที่ผ่านมาแต่ก็ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าอดีตโดยอัตราส่วนไปข้างหน้า P / E ของดัชนี MSCI ยุโรปในเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ประมาณเท่าเทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ประมาณ 16 เท่า ( Bloomberg มีนาคม 2557 ) ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯแม้ว่าจะมีแนวโน้มที่สดใสจากเศรษฐกิจแต่ระดับราคาปัจจุบันได้ปรับขึ้นมาค่อนข้างเยอะตั้งแต่ปีที่ผ่านมาจึงควรจะต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าหากจะเข้าลงทุนในช่วงนี้
จากความกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นและหันกลับมาถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้งและผลักดันราคาทองคำขึ้นมาที่เหนือระดับ 1350 ดอลล่าร์ต่อออนซ์อย่างไรก็ดีหากความกังวลในสถานการณ์การเมืองคลี่คลายแล้วราคาทองคำน่าจะอ่อนตัวลงมาเนื่องจากยังไม่มีปัจจัยสนับสนุนในเชิงบวกต่อราคาทองคำโดยเฉพาะนโยบายการปรับลดเม็ดเงินในมาตรการ QEซึ่งจะส่งผลลบต่อทองคำดังนั้นผู้ลงทุนอาจถือจังหวะที่ราคาปรับขึ้นมาในช่วงนี้ทำการขายและรอเข้าซื้อเมื่ออ่อนตัวโดยมองการเคลื่อนไหวกรอบราคาทองคำในปีนี้ที่ 1150 – 1
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: