Numerous studies have concluded tha

Numerous studies have concluded that the more tomatoes people eat the lower their risks of certain cancers, especially lung, stomach and prostate cancers. A substance called lycopene, which is responsible for tomatoes red color, is thought to be the reason for this cancer protective effect. Processed tomatoes contain even more lycopene than raw ones. The process of cooking breaks down the cell walls, helping to release the lycopene. Eating tomatoes with a little bit of fat, such as olive oil, helps lycopene to be better absorbed by the body.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ศึกษาจำนวนมากได้ข้อสรุปว่า คนมะเขือเทศมากกินที่ต่ำกว่าความเสี่ยงของมะเร็งบางชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งปอด กระเพาะอาหาร และมะเร็งต่อมลูกหมาก สารที่เรียกว่าไลโคปีน ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบสำหรับสีแดงมะเขือเทศ เป็นความคิดที่เป็นเหตุผลสำหรับการนี้มีผลป้องกันโรคมะเร็ง ประมวลผลมะเขือเทศประกอบด้วยไลโคปีนมากขึ้นกว่าคนดิบ กระบวนการของการปรุงอาหารแบ่งผนังเซลล์ ช่วยปล่อยให้ไลโคปีน กินมะเขือเทศเล็กน้อยไขมัน เช่นน้ำมันมะกอก ไลโคปีนเพื่อจะดูดซึม โดยร่างกายได้ดีขึ้นด้วย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาจำนวนมากได้ข้อสรุปว่ายิ่งคนกินมะเขือเทศลดความเสี่ยงของพวกเขาจากโรคมะเร็งบางชนิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งปอดกระเพาะอาหารและมะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นสารที่เรียกว่าไลโคปีนซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบสำหรับมะเขือเทศสีแดงก็คิดว่าจะเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งการป้องกันผลกระทบนี้ มะเขือเทศมีไลโคปีนการประมวลผลมากยิ่งขึ้นกว่าคนดิบ กระบวนการของการปรุงอาหารแบ่งลงผนังเซลล์เพื่อช่วยปล่อยไลโคปีน การรับประทานมะเขือเทศมีนิด ๆ หน่อย ๆ ของไขมันเช่นน้ำมันมะกอกจะช่วยให้ไลโคปีนจะถูกดูดซึมได้ดีโดยร่างกาย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษาจำนวนมากได้สรุปว่า มากกว่าคนที่กินมะเขือเทศลดของความเสี่ยงของมะเร็งบางอย่าง โดยเฉพาะปอด กระเพาะอาหาร และมะเร็งต่อมลูกหมาก . สารที่เรียกว่า ไลโคปีน ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบสำหรับมะเขือเทศสีแดง , เป็นความคิดที่จะเป็นเหตุผลนี้มะเร็งป้องกันผลกระทบ มะเขือเทศมีไลโคปีนแปรรูปมากกว่าดิบที่ กระบวนการของการปรุงอาหารทำลายลงผนังเซลล์ ช่วยปล่อยไลโคปีน . กินมะเขือเทศกับเล็กน้อยของไขมัน เช่น น้ำมันมะกอก ช่วยให้ไลโคปีนดีกว่า ดูดซึมโดยร่างกาย