After graduating from college, Wein

After graduating from college, Weinstein, along with his brother Harvey Weinstein, independently produced rock concerts as Harvey & Corky Productions in Buffalo through most of the 1970s.[8][9] Both Weinstein brothers had grown up with a passion for movies and they nurtured a desire to enter the film industry. In the late 1970s, using profits from their concert promotion business, the brothers created a small independent film distribution company called Miramax, named after their parents – Miriam and Max. The company's first releases were primarily music-oriented concert films such as Paul McCartney's Rockshow. In the early 1980s Miramax acquired the rights to two British films of benefit shows filmed for human rights organization Amnesty International. Working closely with Martin Lewis the producer of the original films, the Weinstein brothers edited the two films into one movie tailored for the American market. The resulting film was released as The Secret Policeman's Other Ball in May 1982 and it became Miramax's first hit. The movie raised considerable sums for Amnesty International and was credited by Amnesty with having helped to raise its profile in the US.

The Weinsteins slowly built upon this success throughout the 1980s with arthouse films that achieved critical attention and modest commercial success. Harvey Weinstein and Miramax gained wider attention in 1988 with the release of Errol Morris's documentary The Thin Blue Line which detailed the struggle of Randall Adams, a wrongfully convicted inmate sentenced to death row. The publicity that soon surrounded the case resulted in the release of Adams and nationwide publicity for Miramax. The following year, their successful launch release of Steven Soderbergh's Sex, Lies, and Videotape propelled Miramax to become the most successful independent studio in America.

Miramax continued to grow its library of films and directors until, in 1993, Disney offered Harvey and Bob $60 million for ownership of Miramax. Agreeing to the deal that would cement their Hollywood clout and ensure that they would remain at the head of their company, Miramax followed the next year with their first blockbuster, Quentin Tarantino's Pulp Fiction.

1996 brought Miramax's first Best Picture with the victory of The English Patient. This would start a string of critical successes that would include Shakespeare in Love and Good Will Hunting.

On March 29, 2005, it was announced that the Weinstein brothers would leave Miramax on September 30 and would form their own production company, The Weinstein Co.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หลังจากจบการศึกษาจากวิทยาลัย โอ กับน้องโอฮาร์วี่ อิสระผลิตคอนเสิร์ตร็อคฮาร์วี่และ Corky ผลิตในบัฟฟาโลผ่านมากที่สุดของทศวรรษ 1970 [8] [9] ทั้งสองพี่น้องโอได้เติบโตขึ้น ด้วยความรักหนัง และจะหล่อเลี้ยงความปรารถนาเพื่อป้อนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ในปลายทศวรรษที่ 1970 ใช้กำไรจากธุรกิจโปรโมชั่นคอนเสิร์ต พี่น้องสร้างบริษัทผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์อิสระขนาดเล็กเรียกว่า Miramax จากพ่อ – มิเรียมและสูงสุด รุ่นแรกของบริษัทเป็นหลักเน้นเพลงคอนเสิร์ตฟิล์มเช่น Rockshow Paul แม็กคาร์ตนีย์ได้ ในต้นทศวรรษ 1980 Miramax ซื้อสิทธิ์ภาพยนตร์อังกฤษสองของแสดงประโยชน์ที่มาถ่ายทำเรื่องสิทธิมนุษยชนองค์กรนิรโทษกรรมสากล ทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูอิสมาร์ตินโปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์ต้นฉบับ พี่โอแก้ไขสองเรื่องเป็นภาพยนตร์หนึ่งที่เหมาะสำหรับตลาดอเมริกัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถูกปล่อยออกมาเป็นลูกอื่น ๆ ของตำรวจลับที่ใน 1982 พฤษภาคม และมันกลายเป็นตีแรกของ Miramax ภาพยนตร์ยกผลมากสำหรับแอมเนสตีอินเตอร์ และเครดิต โดยการนิรโทษกรรม ด้วยได้ช่วยยกของโพรไฟล์ในสหรัฐอเมริกาWeinsteins สร้างขึ้นนี้ประสบความสำเร็จตลอดทศวรรษ 1980 ด้วยฟิล์มอาร์ทเฮาส์ที่ได้รับความสนใจที่สำคัญและเจียมเนื้อเจียมตัวความสำเร็จช้า โอฮาร์วี่และ Miramax ได้รับความสนใจกว้างขวางมากขึ้นในปี 1988 ด้วยสารคดี Errol มอร์ริสบางเส้นสีน้ำเงินที่มีรายละเอียดการต่อสู้ของ Randall Adams, inmate wrongfully convicted ที่พิพากษาให้ตาย เผยแพร่ที่เร็ว กรณีเกิดในรุ่นของ Adams และประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศสำหรับ Miramax ปีต่อมา รุ่นของพวกเขาเปิดตัวประสบความสำเร็จของ Steven Soderbergh เพศ ตั้งอยู่ และวิดีโอเทปจาก Miramax เป็น สตูดิโออิสระประสบความสำเร็จมากที่สุดในอเมริกาMiramax ต่อการเติบโตของไลบรารีของฟิล์มและกรรมการจน 1993 ดิสนีย์ให้ฮาร์วี่และบ๊อบ $60 ล้านสำหรับเจ้าของ Miramax ภายใต้การจัดการที่จะซีเมนต์ของ clout ฮอลลีวูด และมั่นใจว่า พวกเขาจะยังคงอยู่ในบริษัทของพวกเขา Miramax ตามปีถัดไปกับของพวกเขาจากแรก นิยายเยื่อเควนตินแทแรนติโนปี 1996 นำของ Miramax สุดภาพแรก ด้วยชัยชนะของผู้ป่วยภาษาอังกฤษ นี้จะเริ่มต้นของความสำเร็จที่สำคัญที่จะรวมเชกสเปียร์ในรักและล่าสัตว์ดีบน 29 มีนาคม 2005 ได้มีประกาศว่า พี่โอจะทิ้ง Miramax 30 กันยายน และจะฟอร์มตัวเองผลิตบริษัท บริษัทโอ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หลังจากจบการศึกษาจากวิทยาลัยไวน์สไตน์พร้อมกับพี่ชายของฮาร์วีย์ไวน์สไตน์ของเขาผลิตอิสระคอนเสิร์ตร็อคเป็นโปรดักชั่นฮาร์วีย์และก๊อกควายผ่านมากที่สุดของปี 1970. [8] [9] ทั้งพี่น้องเวนสไตน์เติบโตขึ้นมาด้วยความหลงใหลในภาพยนตร์และพวกเขา หล่อเลี้ยงความปรารถนาที่จะเข้าสู่วงการภาพยนตร์ ในช่วงปลายปี 1970 โดยใช้กำไรจากธุรกิจของพวกเขาโปรโมชั่นคอนเสิร์ตพี่น้องสร้างภาพยนตร์อิสระขนาดเล็กที่ บริษัท จัดจำหน่ายที่เรียกว่ามิราชื่อหลังจากที่พ่อแม่ของพวกเขา - เรียมและแม็กซ์ ของ บริษัท รุ่นแรกเป็นหลักภาพยนตร์คอนเสิร์ตเพลงที่มุ่งเน้นเช่นของ Paul McCartney Rockshow ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1980 มิรารับสิทธิในการภาพยนตร์สองเรื่องของผลประโยชน์ของอังกฤษแสดงให้เห็นการถ่ายทำสำหรับองค์กรสิทธิมนุษยชนขององค์การนิรโทษกรรมสากล ทำงานใกล้ชิดกับมาร์ตินลูอิสโปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์ต้นฉบับพี่น้องเวนสไตน์แก้ไขภาพยนตร์สองเรื่องเป็นภาพยนตร์หนึ่งเหมาะสำหรับตลาดอเมริกา ภาพยนตร์เรื่องนี้ส่งผลให้ได้รับการปล่อยตัวเป็นบอลอื่น ๆ ตำรวจลับในเดือนพฤษภาคมปี 1982 และมันก็กลายเป็นครั้งแรกของมิราแมกซ์ หนังเรื่องนี้ยกผลบวกมากสำหรับการองค์การนิรโทษกรรมสากลและได้รับการยกย่องจากองค์การนิรโทษกรรมกับมีส่วนช่วยในการเพิ่มรายละเอียดในสหรัฐอเมริกา. Weinsteins สร้างช้าความสำเร็จตลอดปี 1980 กับภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จศิลป์ความสนใจที่สำคัญและประสบความสำเร็จเจียมเนื้อเจียมตัว ฮาร์วีย์ไวน์สไตน์และมิราได้รับความสนใจในวงกว้างในปี 1988 ด้วยการเปิดตัวสารคดีมอร์ริเออร์รอลของเส้นสีฟ้าบางที่ระบุรายละเอียดการต่อสู้ของแรนดอดัมส์เป็นนักโทษที่ถูกตัดสินว่าผิดกฎหมายตัดสินให้ประหาร การประชาสัมพันธ์ว่าเร็ว ๆ นี้ล้อมรอบกรณีที่ส่งผลให้การเปิดตัวของอดัมส์และการประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศสำหรับมิรา ปีต่อไปนี้การเปิดตัวเปิดตัวที่ประสบความสำเร็จของพวกเขาในเพศสตีเว่นโซเดอเบิร์กที่ตั้งอยู่และวีดิทัศน์ขับเคลื่อนมิราแมกซ์จะกลายเป็นสตูดิโออิสระที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในอเมริกา. มิรายังคงเติบโตห้องสมุดของภาพยนตร์และกรรมการจนกระทั่งในปี 1993 ของดิสนีย์นำเสนอฮาร์วีย์และบ๊อบ 60 $ ล้านบาทสำหรับเจ้าของของมิราแมกซ์ เห็นพ้องที่จะจัดการที่จะประสานอิทธิพลฮอลลีวู้ดของพวกเขาและให้แน่ใจว่าพวกเขาจะยังคงอยู่ที่หัวของ บริษัท ของพวกเขา, มิราตามมาในปีต่อไปด้วยลูกระเบิดครั้งแรกของพวกเขา, นิยายเยื่อเควนตินทารันติโนของ. 1996 นำรูปภาพแรกที่ดีที่สุดของมิราด้วยชัยชนะของอังกฤษ ผู้ป่วย นี้จะเริ่มต้นสายของความสำเร็จที่สำคัญที่จะรวมถึงเช็คสเปียร์ในความรักและจะล่า. เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2005 ได้มีการประกาศว่าพี่น้องเวนสไตน์จะออกจากมิราวันที่ 30 กันยายนและจะเป็น บริษัท ผลิตของตัวเองไวน์สไตน์ จำกัด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หลังจากจบการศึกษาจากวิทยาลัย ไวน์สไตน์ พร้อมกับพี่ชายของเขา Harvey Weinstein , อิสระผลิตคอนเสิร์ตร็อคที่ฮาร์วีย์&ก่อนการผลิตในควายผ่านมากที่สุดของปี 1970 . [ 8 ] [ 9 ] ทั้ง Weinstein พี่น้องเติบโตขึ้นด้วยความรักสำหรับภาพยนตร์และพวกเขาหล่อเลี้ยงความปรารถนาที่จะป้อนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ . ในปลายทศวรรษ โดยใช้กำไรจากการส่งเสริมธุรกิจคอนเสิร์ตของพวกเขาพี่น้องที่สร้างอิสระขนาดเล็ก เรียกว่า บริษัทจัดจําหน่ายภาพยนตร์มิราแมกซ์ , ชื่อหลังจากที่พ่อแม่และมิเรียมและสูงสุดของบริษัทรุ่นแรกและเป็นเพลงที่มุ่งเน้น คอนเสิร์ต ภาพยนตร์ เช่น พอล แม็คคาร์ทนีย์ rockshow . ในต้นทศวรรษ 1980 มิราได้รับสิทธิ์สองภาพยนตร์ที่ได้รับแสดงให้เห็นออกสิทธิมนุษยชนองค์การนิรโทษกรรมสากลทำงานอย่างใกล้ชิดกับมาร์ติน ลูอิส โปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์ต้นฉบับ ไวน์สไตน์พี่น้องตัดต่อฟิล์มสองในหนึ่งภาพยนตร์ที่เหมาะสำหรับตลาดอเมริกัน ภาพยนตร์ได้รับการปล่อยตัวเมื่อผลลับของตำรวจอื่น ๆบอลพฤษภาคม 2525 และเป็นครั้งแรกของตีมิรา .ภาพยนตร์เลี้ยงมากผลรวมสำหรับองค์การนิรโทษกรรมสากลและเป็นเครดิตโดยการนิรโทษกรรม ที่มีช่วยเพิ่มโปรไฟล์ของในเรา

weinsteins ค่อยๆสร้างบนความสำเร็จนี้ตลอดทศวรรษ 1980 เป็นภาพยนตร์ที่ได้รับความสนใจกับวิกฤตและประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ที่เจียมเนื้อเจียมตัวและได้รับความสนใจ Harvey Weinstein มิรากว้างขึ้นในปี 1988 ด้วยการเปิดตัวของเออร์รอล มอร์ริส สารคดีบางเส้นสีฟ้าซึ่งรายละเอียดการต่อสู้ของแรนดอล อดัมส์ เป็นนักโทษที่ถูกตัดสินประหารชีวิตในข้อหาผิดแถว การประชาสัมพันธ์ในไม่ช้าแวดล้อมกรณีผลในรุ่นของอดัมส์และทั่วประเทศประชาสัมพันธ์มิรา . ปีต่อไปนี้ปล่อยเปิดตัวที่ประสบความสำเร็จของสตีเฟน โซเดอร์เบิร์กเพศของพวกเขา และใช้ขับเคลื่อนมิราเป็นสตูดิโออิสระที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในอเมริกา

มิราต่อการเติบโตของห้องสมุดของภาพยนตร์และผู้กำกับ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2536 ดิสนีย์ให้ฮาร์วีย์และบ๊อบ $ 60 ล้านสำหรับเจ้าของของมิราแมกซ์ .เห็นด้วยกับข้อตกลงที่จะซีเมนต์ของ Hollywood clout และให้แน่ใจว่าพวกเขาจะยังคงอยู่ในหัวของ บริษัท ของพวกเขา , มิราแมกซ์ตามปีหน้ากับภาคแรก ของ เควนติน ตารันติโน่นิยาย

1996 พามิราแรกภาพที่ดีที่สุดด้วยชัยชนะของคนไข้ ภาษาอังกฤษนี้จะเริ่มต้นสตริงของความสำเร็จที่สำคัญ เช่น เช็คสเปียร์ในความรักและการล่าสัตว์จะดี

เมื่อมีนาคม 29 , 2005 , มันก็ประกาศว่า ไวน์สไตน์ พี่น้องจะทิ้งมิราแมกซ์ เมื่อวันที่ 30 กันยายน และจะสร้าง บริษัท ผลิตของตนเอง , Weinstein Co .