Where you actually place the dispat

Where you actually place the dispatchEvent line of code requires some consideration. Typically, it should be the last line of code of the method in which it is written. This is so that any other code that also runs in that method can set properties or otherwise update the internal state of the object. By dispatching after this internal update is complete, the object is in a "clean" state at the time of the dispatch.

Consider, for example, our working example. Let's say the COMPLETE event is all about the processing of some data; a bunch of data so large that it will take several seconds to completely process, so the object's purpose is to handle the processing asynchronously so as not to block the UI. And we're dispatching the COMPLETE event as a way of saying that the data has been processed.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ที่คุณจริงวางบรรทัดของรหัส dispatchEvent ต้องพิจารณาบาง โดยทั่วไป มันควรเป็นบรรทัดสุดท้ายของรหัสของวิธีการที่จะเขียน นี่คือเพื่อให้รหัสอื่น ๆ ที่ยังทำงานในที่วิธีสามารถตั้งค่าคุณสมบัติ หรือไม่ ปรับปรุงสถานะภายในของวัตถุ โดยจัดส่งหลังจากการปรับปรุงภายในนี้เสร็จสมบูรณ์ วัตถุอยู่ในสถานะ "สะอาด" ในขณะการจัดส่งพิจารณา เช่น ตัวอย่างการทำงานของเรา สมมติว่า เหตุการณ์ทั้งหมดคือการประมวลผลของข้อมูลบางอย่าง พวงใหญ่ว่า จะใช้เวลาหลายวินาทีในการประมวลผลอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นวัตถุประสงค์ของวัตถุคือการ จัดการการประมวลผลข้อมูลแบบอะซิงโครนัสเพื่อไม่ให้บล็อก UI และเรากำลังจัดกิจกรรมสมบูรณ์เป็นวิธีการพูดที่ มีการประมวลผลข้อมูล

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ที่คุณวางสายจริง dispatchEvent ของรหัสที่ต้องพิจารณาบาง โดยปกติแล้วมันควรจะเป็นบรรทัดสุดท้ายของรหัสของวิธีการในการที่จะเขียน นี่คือเพื่อให้รหัสอื่น ๆ ที่ยังทำงานในวิธีการที่สามารถกำหนดคุณสมบัติหรือมิฉะนั้นอัพเดตสถานะภายในของวัตถุ โดยการฝึกอบรมหลังจากการปรับปรุงภายในนี้เสร็จสมบูรณ์วัตถุที่อยู่ในสถานะ "สะอาด" ในช่วงเวลาของการจัดส่งได้. พิจารณาเช่นตัวอย่างการทำงานของเรา สมมติว่าเหตุการณ์ที่สมบูรณ์เป็นข้อมูลเกี่ยวกับการประมวลผลของข้อมูลบางส่วนนั้น พวงของข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อว่ามันจะใช้เวลาหลายวินาทีกระบวนการที่จะสมบูรณ์ดังนั้นวัตถุประสงค์ของวัตถุคือการจัดการกับการประมวลผลแบบไม่พร้อมกันเพื่อที่จะไม่ปิดกั้น UI ที่ และเรากำลังเยี่ยงอย่างเหตุการณ์ที่สมบูรณ์เป็นวิธีที่บอกว่าข้อมูลที่ได้รับการประมวลผล