Social Farming (also known as ‘Gree

Social Farming (also known as ‘Green Care’/‘Care Farming’) is based on the recognition that working with
animals, plants, soil and being in contact with nature has special value for peoples’ wellbeing. Across Europe, it is
being utilised as a service option for people with mental health difficulties, people with disabilities (intellectual,
physical and sensory), drug/alcohol rehabilitation services, prisoner rehabilitation services, services for older people,
therapeutic activities for children etc(Aideen McGloin et al., 2013).
Social Farming is both a new and a traditional concept. It originates from the traditional rural self-help systems
that were well-established in rural areas before modernization of agriculture and the rise of the public welfare
system. Back in the 50s of the twentieth century in Europe a discussion began on the future of agriculture and
building a community between producers and consumers. Based on the new understanding of community, the
creating of a network of farms leads to:
-cooperation between farms - that allows the allocation of the production and then the production is shared
between them;
ensuring the purchase of products by consumers.
Community between producers and consumers is based on trust, support andequality.Further on quite naturally
one more thing is added:
- including socio-therapy – the community of manufacturers accept people with any disabilities or mental disorders,
who worked according to their abilities.
Residents of the farm are usually: 2-4 farming families who permanently live there.Each community involves
between 5 and 15 disabled people (it depends on the farm capacity), and each of them has certain obligations.
Meanwhile social workers assist people in their daily lives. The social workers usually do not live on the farm. They
travel from the nearest village, but there are exceptions. What does social farming do? First, it shows that a person
with health problems with relationship to the land could improve the conditions of his live, i.e. there is a direct
healing effect. Second – it illustrates that being in a community people could contribute to that effect with their daily
presence and labor. Third – it builds up a strong and cohesive community which can be self-supporting, changing the
fate of everyone, regardless of their health problems. Speaking of such a community, we have in mind the
consumers, as well.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นาสังคม (หรือที่เรียกว่า 'เขียวดูแล' / 'ดูแลเลี้ยง') จะใช้ในที่ทำงานกับสัตว์ พืช ดิน และอยู่กับธรรมชาติมีค่าพิเศษสำหรับคนชอบเวลบีอิ้ง ทั่วยุโรป เป็นถูกใช้เป็นตัวเลือกบริการสำหรับคนที่มีปัญหาสุขภาพจิต คนทุพพลภาพ (ปัญญาบริการทางกายภาพ และทางประสาทสัมผัส), ยาเสพติด/แอลกอฮอล์ฟื้นฟู บริการนักโทษฟื้นฟู สำหรับคนสูงอายุกิจกรรมบำบัดสำหรับเด็กฯลฯ (Aideen McGloin et al., 2013)นาสังคมมีทั้งใหม่และแนวคิดแบบดั้งเดิม มันเกิดจากระบบเฮ้ลพ์ชนบทดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงในชนบทก่อนที่จะทันสมัยของการเกษตรและการเพิ่มขึ้นของประชาสงเคราะห์ระบบ ในการผสมของศตวรรษที่ยี่สิบในยุโรป การสนทนาเริ่มในอนาคตของการเกษตร และสร้างชุมชนระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค ตามความเข้าใจใหม่ของชุมชน การสร้างเครือข่ายของฟาร์มนำไป:-ความร่วมมือระหว่างฟาร์ม - ที่ทำการปันส่วนของการผลิต และการผลิตถูกใช้ร่วมกันแล้วระหว่างใจซื้อผลิตภัณฑ์โดยผู้บริโภคชุมชนระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคจะขึ้นอยู่กับความไว้วางใจ สนับสนุน andequalityเพิ่มเติมบนค่อนข้างเป็นธรรมชาติอีกอย่างหนึ่งว่า:-รวมถึงสังคมบำบัด – ชุมชนผู้ผลิตยอมรับคนที่ มีความพิการหรือความผิดปกติทางจิต ใด ๆที่ทำงานตามความสามารถของพวกเขามักอาศัยอยู่ในฟาร์ม: ครอบครัว 2-4 นาที่อาศัยอยู่อย่างถาวรมีการเกี่ยวข้องกับแต่ละชุมชนระหว่าง 5 ถึง 15 ปิดคน (ขึ้นอยู่กับกำลังการผลิตฟาร์ม), และแต่ละของพวกเขามีภาระหน้าที่บางอย่างในขณะเดียวกัน สังคมช่วยเหลือคนในชีวิตประจำวัน ผู้ปฏิบัติงานสังคมมักจะไม่ได้อยู่ในฟาร์ม พวกเขาเดินทางจากหมู่บ้านที่ใกล้ที่สุด แต่มีข้อยกเว้น นาสังคมทำอะไรได้บ้าง ครั้งแรก มันแสดงให้เห็นว่าผู้กับสุขภาพ ปัญหาความสัมพันธ์กับแผ่นดินสามารถปรับปรุงเงื่อนไขของเขาสด เช่นมีความตรงผลการรักษา สอง – จะแสดงที่อยู่ในชุมชนคนสามารถมีส่วนร่วมที่มีผลกับทุกวันของพวกเขาสถานะและแรงงาน สาม – จะสร้างชุมชนที่แข็งแรง และเหนียวซึ่งสามารถสนับสนุนตนเอง การเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของทุกคน ไม่ว่าปัญหาสุขภาพของพวกเขา พูดของชุมชนดังกล่าว เรามีในจิตใจผู้บริโภค เช่นกัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

งานสังคม (หรือที่เรียกว่า 'การดูแลสีเขียว' / 'ดูแลงาน') จะขึ้นอยู่กับการรับรู้ว่าการทำงานกับ
สัตว์พืชดินและอยู่ในการติดต่อกับธรรมชาติมีค่าพิเศษสำหรับสุขภาพที่ดีของประชาชน ทั่วยุโรปก็จะ
ถูกนำมาใช้เป็นตัวเลือกบริการสำหรับคนที่มีปัญหาสุขภาพจิตคนพิการ (ทางปัญญา
ทางกายภาพและประสาทสัมผัส), ยาเสพติด / บริการฟื้นฟูสมรรถภาพแอลกอฮอล์บริการฟื้นฟูสมรรถภาพนักโทษบริการสำหรับผู้สูงอายุ,
การรักษากิจกรรมสำหรับเด็ก ฯลฯ ( aideen McGloin et al., 2013).
งานสังคมเป็นทั้งใหม่และแนวคิดแบบดั้งเดิม มันมาจากระบบ self-help ชนบทแบบดั้งเดิม
ที่ได้รับการที่ดีขึ้นในพื้นที่ชนบทก่อนที่ความทันสมัยของการเกษตรและการเพิ่มขึ้นของการจัดสวัสดิการของประชาชน
ระบบ ย้อนกลับไปในยุค 50 ของศตวรรษที่ยี่สิบในยุโรปเริ่มการสนทนาเกี่ยวกับอนาคตของการเกษตรและ
การสร้างชุมชนระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค บนพื้นฐานของความเข้าใจใหม่ของชุมชน,
การสร้างเครือข่ายของฟาร์มนำไปสู่:
-cooperation ระหว่างฟาร์ม - ที่ช่วยให้การจัดสรรการผลิตและจากนั้นการผลิตจะใช้ร่วมกัน
ระหว่างพวกเขา
. เพื่อให้มั่นใจว่าการซื้อสินค้าของผู้บริโภค
ชุมชนระหว่างผู้ผลิต และผู้บริโภคจะขึ้นอยู่กับความไว้วางใจสนับสนุน andequality.Further บนค่อนข้างเป็นธรรมชาติ
อีกหนึ่งสิ่งที่จะถูกเพิ่ม:
- รวมทั้งทางสังคมและการรักษาด้วย - ชุมชนของผู้ผลิตยอมรับคนที่มีความพิการหรือผิดปกติทางจิต
ที่ทำงานตามความสามารถของพวกเขา.
อาศัยอยู่ในฟาร์ม มักจะมี 2-4 ครอบครัวเกษตรกรที่อาศัยอยู่อย่างถาวรชุมชน there.Each เกี่ยวข้อง
ระหว่าง 5 และ 15 คนพิการ (มันขึ้นอยู่กับความจุฟาร์ม) และแต่ละคนมีภาระหน้าที่บางอย่าง.
แรงงานในขณะที่สังคมให้ความช่วยเหลือคนที่อยู่ในชีวิตประจำวันของพวกเขา นักสังคมสงเคราะห์มักจะไม่ได้อาศัยอยู่ในฟาร์ม พวกเขา
เดินทางจากหมู่บ้านที่ใกล้ที่สุด แต่มีข้อยกเว้น อะไรการเกษตรสังคมทำอย่างไร ประการแรกมันแสดงให้เห็นว่าเป็นคน
ที่มีปัญหาสุขภาพที่มีความสัมพันธ์กับที่ดินที่สามารถปรับปรุงเงื่อนไขของการมีชีวิตอยู่ของเขาคือมีโดยตรง
ผลการรักษา ประการที่สอง - มันแสดงให้เห็นว่าการอยู่ในชุมชนคนอาจนำไปสู่ผลกระทบกับชีวิตประจำวันของพวกเขา
ปรากฏตัวและแรงงาน สาม - มันสร้างขึ้นเป็นชุมชนที่แข็งแกร่งและเหนียวที่สามารถจะเป็นตัวสนับสนุนการเปลี่ยนแปลง
ชะตากรรมของทุกคนโดยไม่คำนึงถึงปัญหาสุขภาพของพวกเขา การพูดของชุมชนเช่นเรามีในใจ
ผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เกษตรสังคม ( หรือที่เรียกว่า ' ดูแล ' สีเขียว / 'care ฟาร์ม ' ) คือความสามารถในการรับรู้ว่า การทำงานกับ
สัตว์ พืช ดิน และการติดต่อกับธรรมชาติมีมูลค่าพิเศษสำหรับคุณภาพชีวิตของผู้คน ทั่วยุโรป มันถูกใช้เป็นบริการ
ตัวเลือกสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตคนพิการ ( สติปัญญา
ทางกายภาพและประสาทสัมผัส )บริการฟื้นฟูสมรรถภาพยาเสพติด / แอลกอฮอล์ บริการฟื้นฟูนักโทษให้บริการสำหรับผู้สูงอายุ กิจกรรมสำหรับเด็ก ฯลฯ การรักษา
( aideen mcgloin et al . , 2013 ) .
ฟาร์มสังคมมีทั้งใหม่ และแนวคิดแบบดั้งเดิม มันมาจากแบบดั้งเดิมในชนบทระบบช่วยเหลือตนเอง
ที่รู้จักในชนบทก่อน ความทันสมัยของการเกษตรและการเพิ่มขึ้นของประชาสงเคราะห์
ระบบ ใน 50s ของศตวรรษที่ 20 ในยุโรปเริ่มการสนทนาเกี่ยวกับอนาคตของการเกษตรและ
สร้างชุมชนระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค ตามความเข้าใจใหม่ของชุมชน การสร้างเครือข่ายฟาร์ม
นัก :
- ความร่วมมือระหว่างฟาร์ม - ที่ช่วยให้การจัดสรรการผลิตและการผลิตร่วมกันระหว่าง

;มั่นใจในการซื้อสินค้าของผู้บริโภค .
ชุมชนระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคจะขึ้นอยู่กับความไว้วางใจ andequality สนับสนุน เพิ่มเติมค่อนข้างเป็นธรรมชาติ
อีกอย่างคือเพิ่ม :
- รวมทั้งสังคมบำบัด–ชุมชนผู้ผลิตยอมรับประชาชนกับคนพิการหรือความผิดปกติทางจิต ,
ที่ทำงานตามความสามารถของพวกเขา .
ที่อาศัยอยู่ใน ฟาร์มมักจะ :2-4 ครอบครัวเกษตรกรที่อาศัยอยู่ที่นั่นอย่างถาวร แต่ละชุมชนที่เกี่ยวข้องกับ
ระหว่าง 5 และ 15 คนพิการ ( มันขึ้นอยู่กับฟาร์มความจุ ) และแต่ละของพวกเขามีภาระหน้าที่บางอย่าง
นักสังคมสงเคราะห์ในขณะเดียวกันช่วยผู้ใช้ในชีวิตประจำวัน นักสังคมสงเคราะห์มักจะไม่ได้อาศัยอยู่ในฟาร์ม พวกเขา
เดินทางจากหมู่บ้านที่ใกล้ที่สุด แต่ก็มีข้อยกเว้น เกษตรสังคมอะไรบ้าง ครั้งแรกมันแสดงให้เห็นว่าคน
มีปัญหาสุขภาพที่มีความสัมพันธ์กับที่ดินสามารถปรับปรุงเงื่อนไขของชีวิตของเขาคือมีโดยตรง
รักษาผล และสองมันแสดงให้เห็นถึง การเป็นชุมชนที่ผู้คนสามารถมีส่วนร่วมที่มีผลต่อการแสดงทุกวัน
และแรงงาน 3 ) สร้างขึ้นแข็งแรงและเหนียว ชุมชนที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ การเปลี่ยน
โชคชะตาของทุกคนไม่ว่าปัญหาสุขภาพของพวกเขา การพูดของชุมชนนั้น เราต้องระลึก
ผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี