Abstract Poverty is prevalent among

Abstract
Poverty is prevalent among small farms in transition economies such as the Lao PDR, where market failures prevail and subsistence production is the norm. Contract farming is emerging as a promising tool to facilitate market linkages and provide the necessary supports that enable small farms to transition to commercial production. Using data from a household survey of 332 contract farmers and 253 non-contract farmers, this study attempts to empirically assess the potential of contract farming as a development tool to increase small farm incomes and reduce rural poverty.
Using propensity score matching methodology and an endogenous switching regression model to assess the profitability of contract and non-contract rice farms in the Lao PDR, we found that contract farmers earn significantly higher profits than non-contract farmers. The results also show that contract farming tends to provide the greatest increase in income to farmers with below-average performance. These findings suggest that contract farming can be an effective private-sector-led mechanism to facilitate the transition to commercial agriculture. In addition to bringing foreign direct investment (FDI) into the rural sector, contract farming can be an effective tool to improve the profitability and raise the incomes of small farmers, thereby reducing poverty in rural areas with limited market development.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นามธรรม
ความยากจนเป็นที่แพร่หลายในฟาร์มขนาดเล็กในช่วงเศรษฐกิจเช่นลาว ที่เหนือกว่าความล้มเหลวของตลาด และผลิตชีพเป็นปกติ ทำฟาร์มสัญญาจะเกิดขึ้นเป็นเครื่องมือที่กำหนดการเชื่อมโยงตลาดการอำนวยความสะดวก และให้การสนับสนุนจำเป็นซึ่งทำให้ฟาร์มขนาดเล็กจะเปลี่ยนแปลงไปสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ ใช้ข้อมูลจากการสำรวจครัวเรือนเกษตรกรสัญญา 332 และเกษตรกรไม่ใช่สัญญา 253 ศึกษาพยายามเพื่อประเมินศักยภาพของเกษตรเป็นเครื่องมือพัฒนาเพื่อเพิ่มรายได้ฟาร์มขนาดเล็ก และลดความยากจนชนบทสัญญา empirically
ใช้คะแนนสิ่งที่ตรงกับวิธีการและแบบจำลองถดถอยสลับ endogenous เพื่อประเมินผลกำไรของสัญญาและไม่ใช่สัญญาข้าวฟาร์มในลาว เราพบว่า สัญญาเกษตรกรได้รับผลกำไรอย่างมีนัยสำคัญสูงกว่าเกษตรกรไม่ใช่สัญญา ผลลัพธ์แสดงว่า สัญญานามีแนวโน้มให้ยิ่งเพิ่มรายได้เกษตรกร มีประสิทธิภาพต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ผลการวิจัยเหล่านี้แนะนำว่า ทำฟาร์มสัญญาจะมีผลส่วนตัวภาคนำกลไกเพื่อให้ง่ายต่อการเปลี่ยนแปลงการเกษตรเชิงพาณิชย์ นอกจากนำต่างประเทศโดยตรงการลงทุน (FDI) ในภาคชนบท ทำฟาร์มสัญญาสามารถเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มผลกำไร และเพิ่มรายได้ของเกษตรกร จึงช่วยลดความยากจนในชนบทกับการพัฒนาตลาดจำกัด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทคัดย่อ
ความยากจนเป็นที่แพร่หลายในหมู่ฟาร์มขนาดเล็กในประเทศการเปลี่ยนแปลงเช่นสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวที่ล้มเหลวของตลาดและการผลิตที่เหนือกว่าการดำรงชีวิตเป็นบรรทัดฐาน การเกษตรสัญญาที่เกิดขึ้นเป็นเครื่องมือที่สัญญาว่าจะอำนวยความสะดวกในการเชื่อมโยงการตลาดและการให้การสนับสนุนที่จำเป็นที่ช่วยให้ฟาร์มขนาดเล็กที่จะเปลี่ยนไปสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ โดยใช้ข้อมูลจากการสำรวจครัวเรือนของเกษตรกร 332 สัญญาและ 253 เกษตรกรที่ไม่มีสัญญาการศึกษานี้พยายามที่จะสังเกตุประเมินศักยภาพของการทำฟาร์มสัญญาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาเพื่อเพิ่มรายได้ภาคเกษตรขนาดเล็กและลดความยากจนในชนบท
ใช้วิธีการจับคู่คะแนนความชอบและภายนอก การเปลี่ยนรูปแบบการถดถอยในการประเมินผลกำไรของสัญญาและไม่มีสัญญานาข้าวในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเราพบว่าเกษตรกรได้รับผลกำไรที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญกว่าเกษตรกรที่ไม่มีสัญญา ผลที่ได้ยังแสดงให้เห็นว่าการทำฟาร์มสัญญามีแนวโน้มที่จะให้เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรายได้ให้กับเกษตรกรที่มีผลการดำเนินงานต่ำกว่าค่าเฉลี่ย การค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่าการทำฟาร์มสัญญาจะเป็นกลไกของภาคเอกชนนำที่มีประสิทธิภาพเพื่ออำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนแปลงกับการเกษตรเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้จะนำเสนอการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในภาคชนบทการเกษตรสัญญาสามารถใช้เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มผลกำไรและเพิ่มรายได้ของเกษตรกรรายย่อยซึ่งจะช่วยลดความยากจนในพื้นที่ชนบทกับการพัฒนาตลาด จำกัด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความยากจนนามธรรม
เป็นที่แพร่หลายในหมู่ฟาร์มเล็ก ๆในการเปลี่ยนแปลงประเทศ เช่น ลาว ที่ความล้มเหลวของตลาดที่เหนือกว่าและการผลิตแบบยังชีพเป็นบรรทัดฐาน สัญญาซื้อขายเป็นสัญญาที่เกิดขึ้นใหม่เป็นเครื่องมือเพื่อความสะดวกในการเชื่อมโยงตลาด และให้ความสนับสนุนที่ช่วยให้ฟาร์มขนาดเล็กที่จะเปลี่ยนการผลิตเชิงพาณิชย์โดยใช้ข้อมูลจากการสำรวจครัวเรือนเกษตรกร 332 สัญญา และ สัญญาจึงไม่ใช่เกษตรกร การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินศักยภาพของการใช้สัญญาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาเพื่อเพิ่มรายได้ของฟาร์มขนาดเล็ก และลดความยากจนในชนบท
ด้วยวิธีการจับคู่คะแนนวิธีการและแบบจำลองการถดถอยแบบสลับเปลี่ยนภายในเพื่อประเมินสถานะของสัญญาและไม่มีสัญญาฟาร์มข้าวในลาว เราพบว่าเกษตรกรสัญญาได้รับกำไรสูงกว่าเกษตรกรที่สัญญาไม่ผลการวิจัยพบว่า ระบบเกษตรพันธะสัญญามีแนวโน้มที่จะให้เพิ่มมากที่สุดในรายได้ให้กับเกษตรกรด้วย ด้านล่าง ประสิทธิภาพเฉลี่ย จากการศึกษาครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่า สัญญาซื้อขายเป็นภาคเอกชนที่มีประสิทธิภาพนำกลไก เพื่อความสะดวกในการเปลี่ยนการเกษตรเชิงพาณิชย์ นอกจากจะทำให้การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ( FDI ) ในภาคชนบทระบบเกษตรพันธะสัญญาสามารถเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเพื่อปรับปรุงการทำกำไรและยกระดับรายได้ของชาวนา การลดความยากจนในชนบทกับการพัฒนาตลาด จำกัด