The European Union’s energy sector

The European Union’s energy sector is based mainly on fossil fuels, almost two-thirds of which are imported. If the current trends continue, import levels will reach more than 70% of the European Union’s overall energy needs by 2030. The development of renewable energy sources began with the 1970 oil crises and the stark realisation that fossil resources would, one day, run out. Additionally the European Union acknowledged that successful development of the renewable energy sector required strong, continued and smart political commitment. Five years after the 1992 Earth Summit, climate change was at the center of international debate in advance of the upcoming Third Conference of the Parties to the United Nations Framework Convention on Climate Change being held in Kyoto, Japan, December 1997. The European Union recognised the urgent need to tackle climate change. It also adopted a negotiating position of a 15% greenhouse gas emissions reduction target for industrialised countries by the year 2010, down from 1990 levels. To facilitate European Union Member States attainment of this objective, the Commission, through its 1997 Communication on the Energy Dimension of Climate Change, identified a series of energy actions, including a prominent role for renewables. Together with the binding 20% renewable energy target by 2020, the EU also adopted a target of 20% improvement in the EU’s energy efficiency as well as a 20% greenhouse gas reduction target (respectively 30%, if other industrialised countries commit to similar ambitions) by 2020.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ภาคพลังงานของสหภาพยุโรปอยู่ในเชื้อเพลิงฟอสซิล เกือบสองในสามของที่นำเข้าส่วนใหญ่ หากแนวโน้มปัจจุบัน นำเข้าระดับจะถึงกว่า 70% ของความต้องการพลังงานโดยรวมของสหภาพยุโรปปี 2030 การพัฒนาแหล่งพลังงานหมุนเวียนเริ่มวิกฤตน้ำมัน 1970 และปัญหาสิ้นเชิงที่ทรัพยากรฟอสจะ วันหนึ่ง หมด นอกจากนี้สหภาพยุโรปยอมรับว่า ประสบความสำเร็จในการพัฒนาภาคพลังงานทดแทนต้องแข็งแรง มั่นทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง และสมาร์ท ห้าปีหลังจากซัมมิทโลก 1992 สภาพภูมิอากาศเป็นที่อภิปรายระหว่างประเทศล่วงหน้าก่อนการประชุมสามกำลังเกิดขึ้นของภาคีในอนุสัญญาสหประชาชาติในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขึ้นในเกียวโต ญี่ปุ่น 1997 ธันวาคม สหภาพยุโรปยังต้องการด่วนเล่นงานเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มันยังนำมาเจรจาต่อรองของเรือนกระจก 15% ก๊าซปล่อยลดเป้าหมายสำหรับประเทศ industrialised ปี 2553 ลงจากระดับในปี 1990 เพื่ออำนวยความสะดวกโดยรัฐสมาชิกสหภาพยุโรปของวัตถุประสงค์นี้ นาย ผ่านการสื่อสาร 1997 การพลังงานมิติของสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง กำหนดชุดของการดำเนินการพลังงาน รวมทั้งบทบาทโดดเด่นเท่า พร้อมรวม 20% พลังงานหมุนเวียนเป้าหมาย 2563, EU ยังนำเป้าหมาย 20% ปรับปรุงในประสิทธิภาพการใช้พลังงานของ EU รวมทั้งเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก 20% (ตามลำดับ 30% ถ้าประเทศ industrialised ยืนยันเพื่อความทะเยอทะยานคล้าย) โดย 2020

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ภาคพลังงานของสหภาพยุโรปเป็นไปตามหลักเชื้อเพลิงฟอสซิลเกือบสองในสามของที่นำเข้า หากแนวโน้มในปัจจุบันยังคงระดับการนำเข้าจะถึงกว่า 70% ของความต้องการพลังงานโดยรวมของสหภาพยุโรปในปี 2030 การพัฒนาแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่เริ่มต้นด้วย 1970 วิกฤตการณ์น้ำมันและสำนึกสิ้นเชิงว่าทรัพยากรฟอสซิลจะวันหนึ่งวิ่งออกไป . นอกจากนี้สหภาพยุโรปได้รับการยอมรับว่าการพัฒนาที่ประสบความสำเร็จของภาคพลังงานทดแทนต้องแข็งแกร่งความมุ่งมั่นทางการเมืองอย่างต่อเนื่องและสมาร์ท ห้าปีหลังจากที่ 1992 ประชุมสุดยอดโลกเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เป็นศูนย์กลางของการอภิปรายระหว่างประเทศในอนาคตของการประชุมที่สามจะเกิดขึ้นของภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ถูกจัดขึ้นในเกียวโต, ญี่ปุ่น, ธันวาคมปี 1997 สหภาพยุโรปได้รับการยอมรับ ความจำเป็นเร่งด่วนที่จะแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ นอกจากนี้ยังนำมาใช้ในการเจรจาต่อรองตำแหน่งของก๊าซเรือนกระจก 15% ปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดเป้าหมายสำหรับประเทศที่พัฒนาแล้วโดยในปี 2010 ลดลงจากปี 1990 เพื่ออำนวยความสะดวกสำเร็จยุโรปประเทศสมาชิกสหภาพวัตถุประสงค์นี้คณะกรรมการที่ผ่านการ 1997 การสื่อสารที่มีต่อพลังงานขนาดของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศระบุชุดของการกระทำพลังงานรวมทั้งบทบาทที่โดดเด่นสำหรับพลังงานหมุนเวียน ร่วมกับมีผลผูกพัน 20% เป้าหมายพลังงานทดแทนในปี 2020 สหภาพยุโรปนอกจากนี้ยังนำมาใช้เป็นเป้าหมายของการปรับปรุง 20% ในประสิทธิภาพการใช้พลังงานของสหภาพยุโรปเช่นเดียวกับก๊าซเรือนกระจก 20% ของเป้าหมายลดลง (ตามลำดับ 30% ถ้าประเทศอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่มุ่งมั่นที่จะมีความทะเยอทะยานที่คล้ายกัน ) ในปี 2020

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

พลังงานของสหภาพยุโรปจะขึ้นอยู่กับเชื้อเพลิงฟอสซิล เกือบสองในสามของที่นำเข้า หากแนวโน้มปัจจุบันยังคงนำเข้า ระดับจะเข้าถึงได้มากกว่า 70% ของความต้องการพลังงานของสหภาพยุโรปโดยรวม โดยปี 2030 การพัฒนาแหล่งพลังงานทดแทนเริ่มต้นด้วยวิกฤตน้ำมัน และสตาร์ค 1970 ก่อให้เกิดทรัพยากรซากดึกดำบรรพ์ที่ได้วันเดียวหมดนอกจากนี้สหภาพยุโรปยอมรับว่า การพัฒนาภาคพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่องและความมุ่งมั่นทางการเมืองต้องแข็งแรง ฉลาด ห้าปีหลังจากปี 1992 โลกสุดยอดการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศคือที่ศูนย์กลางของการอภิปรายระหว่างประเทศล่วงหน้าของการประชุมที่สามที่จะเกิดขึ้นจากภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่จะจัดขึ้นในเกียวโต , ญี่ปุ่น , ธันวาคม 1997 สหภาพยุโรปได้รับการยอมรับความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมันยังเป็นลูกบุญธรรมการต่อรองตำแหน่งของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกก๊าซ 15% เป้าหมายสำหรับอุตสาหกรรมประเทศภายในปี 2553 ลดลงจากปี 1990 ระดับ . เพื่อให้ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ความสำเร็จของวัตถุประสงค์นี้คณะกรรมการผ่าน 1997 สื่อสารพลังงานมิติของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่ระบุชุดของการกระทำของพลังงานรวมทั้งบทบาทที่โดดเด่นสำหรับพลังงาน . พร้อมกับผูก 20 % พลังงานเป้าหมายในปี 2020 อียูยังใช้เป้าหมาย 20 % ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานของสหภาพยุโรปเป็นเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก 20% ( ตามลำดับ 30% ถ้าประเทศอื่นยอมรับเอาความทะเยอทะยานที่คล้ายกัน ) โดย 2020 .