Time for Change The current economi

Time for Change The current economic crisis, the world’s worst in over 80 years, has destroyed enormous wealth, humbled corporate giants, and shaken the global financial system to its core. More profoundly, the reputation of our traditional business practice, widely adopted by many managers, has taken a beating. Observers are beginning to ponder alternatives to the business approach of singular, relentless pursuit and idolization of profit and growth that, according to some, is a leading contributor to today’s dire situation. This makes now the best time to promote a better understanding of the King Bhumibol Adulyadej’s sufficiency economy concept, a thinking that advocates for responsible capitalism. His Majesty’s thinking emphasizes a balance between profit, sustainability, good governance, risk mitigation, and corporate social responsibility, while relating to Buddhism’s middle-path teaching and Thailand’s learning from the 1997 Asian Economic Crisis. It cautions against overriding the needs of the human beings who are affected by business decisions. So far, the King’s thinking has been in the realm of social development. In 1999-2000, academic working groups in
Thailand structured the philosophy for everyday application by the common citizens. Hence, the terms used to describe the three components that make up the thinking were nonbusiness in nature: mi-het-phon (reasonableness), pho-praman (moderation), and phum-khum-kan (self-immunity). However, the King’s thinking has never been properly framed in the business context. But it can be just as applicable to the business world as to the social development field. This is simply because the philosophy is essentially a guide to decision makings. While the concept has been widely discussed in Thailand, elsewhere there remain misunderstandings and skepticism. Without concrete and actionable business framework, the King’s thinking would be prone to such doubts in regards to its practicality and translatability. Therefore, it is the goal of this book to address some of these misperceptions and provide a starting point for a meaningful analysis and application of His Majesty’s thinking in a business context through the development of a concrete and actionable framework for assessment and use by business managers.
9
Inspired by the Principles for Responsible Business (and associated risk assessment tools—see Appendix), recognized as one of the most comprehensive statements of responsible business practice formulated by business leaders for business leaders, developed by the Caux Round Table, an international network of business leaders with a focus on promoting socially responsible capitalism, the authors of this book have devised a short questionnaire to methodologically frame His Majesty’s thinking in business terms for discussion and adoption. It comprises specific qualitative and quantitative assessments relating to each of the three pillars. A simple scoring matrix offers the ease of use and enables quick interpretations of strengths and areas for improvements. Section 2 of this book will elaborate this questionnaire in

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เปลี่ยนแปลงปัจจุบันวิกฤตเศรษฐกิจ ร้ายโลกในกว่า 80 ปี มีทำลายสมบัติมหาศาล นอบน้อมบริษัทยักษ์ และเขย่าระบบการเงินโลกยังต้องการ มากขึ้นและลึกซึ้ง ชื่อเสียงของเราปฏิบัติทางธุรกิจแบบดั้งเดิม นำมาใช้อย่างกว้างขวาง โดยมากผู้จัดการ มีการเต้นแบบ ผู้สังเกตการณ์จะเริ่มครุ่นคิดแทนวิธีธุรกิจของเอกพจน์ relentless แสวงหาและ idolization ของกำไรและการเติบโตที่ บาง ตามผู้นำวันนี้สถานการณ์เลวร้าย ทำให้ตอนนี้เวลาที่ดีสุดเพื่อส่งเสริมความเข้าใจแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช คิดที่สนับสนุนสำหรับทุนนิยมความรับผิดชอบ ความคิดของพระเน้นสมดุลระหว่างกำไร ความยั่งยืน กำกับ ความเสี่ยง และการ สังคม ในขณะที่เกี่ยวข้องกับสอนเส้นทางกลางของพระพุทธศาสนาและเรียนรู้ของประเทศไทยจากวิกฤตเศรษฐกิจเอเชียปี 1997 ก็ควรระวังกับการแทนที่ความต้องการของมนุษย์ที่ได้รับผลจากการตัดสินใจทางธุรกิจ เพื่อห่างไกล ความคิดของพระมหากษัตริย์ได้ในขอบเขตของการพัฒนาสังคม ในปี 1999-2000 วิชาการทำกลุ่มใน ไทยโครงสร้างปรัชญาประยุกต์ทุกวันโดยประชาชนทั่วไป ดังนั้น ศัพท์ที่ใช้อธิบายส่วนประกอบที่สามที่ทำให้ค่าคิดได้ nonbusiness ธรรมชาติ: mi-กรุณาโพน (reasonableness), โพธิ์-praman (ดูแล), และภูมิคุ้มกัน (ตนเองภูมิคุ้มกัน) อย่างไรก็ตาม พระคิดได้ไม่ได้อย่างกรอบในบริบทธุรกิจ แต่อาจจะเพียงใช้ได้กับโลกธุรกิจเป็นฟิลด์การพัฒนาสังคม นี้เป็นเพียงเพราะปรัชญา เป็นคู่มือการตัดสินใจ makings ในขณะที่แนวคิดมีการโจษขานในประเทศไทย อื่น ๆ มีอยู่เกิดความเข้าใจผิดและสงสัย โดยธุรกิจคอนกรีต และมุมกรอบ กษัตริย์คิดจะเสี่ยงกับข้อสงสัยเช่นในการปฏิบัติจริงและ translatability ดังนั้น จึงเป็นเป้าหมายของหนังสือเล่มนี้ที่อยู่ของ misperceptions เหล่านี้ให้เป็นจุดเริ่มต้นของความคิดของในหลวงในบริบทธุรกิจผ่านการพัฒนาของกรอบงานคอนกรีต และมุมสำหรับการประเมินและการวิ และใช้ โดยผู้จัดการธุรกิจ 9 แรงบันดาลใจหลักการธุรกิจที่รับผิดชอบ (และเครื่องมือประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง — ดูภาคผนวก), รู้จักเป็นหนึ่งในงบมากที่สุดของธุรกิจที่รับผิดชอบปฏิบัติโดยผู้นำธุรกิจสำหรับผู้นำธุรกิจ พัฒนาโดย Caux โต๊ะกลม เครือข่ายผู้นำทางธุรกิจโดยมุ่งเน้นส่งเสริมทุนนิยมชอบสังคม ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ได้กำหนดแบบสอบถามสั้น ๆ เพื่อ methodologically กรอบความคิดของในหลวงในแง่ธุรกิจและยอมรับ จะประกอบด้วยเฉพาะเชิงคุณภาพ และเชิงปริมาณประเมินเกี่ยวข้องกับแต่ละหลักสาม เมทริกซ์ให้คะแนนง่ายให้ความสะดวกในการใช้ และช่วยให้ตีความด่วนของจุดแข็งและพื้นที่สำหรับการปรับปรุง 2 ส่วนของหนังสือเล่มนี้จะอธิบายแบบสอบถามนี้ใน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เวลาสำหรับการเปลี่ยนวิกฤตเศรษฐกิจในปัจจุบันของโลกที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 80 ปีที่ผ่านมาได้ทำลายความมั่งคั่งมหาศาลถ่อม บริษัท ยักษ์ใหญ่และเขย่าระบบการเงินทั่วโลกเพื่อหลัก เพิ่มเติมอย่างสุดซึ้งชื่อเสียงของการปฏิบัติทางธุรกิจของเราแบบดั้งเดิมที่นำมาใช้กันอย่างแพร่หลายโดยผู้บริหารจำนวนมากได้ดำเนินการเต้น ผู้สังเกตการณ์เป็นจุดเริ่มต้นที่จะไตร่ตรองทางเลือกในการวิธีการทางธุรกิจของเอกพจน์, การแสวงหาอย่างไม่หยุดยั้งและการทำให้หลงใหลอย่างหลับหูหลับตาของกำไรและการเจริญเติบโตว่าตามที่บางคนเป็นผู้สนับสนุนที่นำไปสู่สถานการณ์ที่เลวร้ายในวันนี้ ซึ่งทำให้ตอนนี้เวลาที่ดีที่สุดที่จะส่งเสริมความเข้าใจอันดีของแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชของความคิดที่สนับสนุนสำหรับระบบทุนนิยมรับผิดชอบ ความคิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเน้นความสมดุลระหว่างผลกำไรอย่างยั่งยืน, การกำกับดูแลกิจการที่ดีลดความเสี่ยงและความรับผิดชอบต่อสังคมในขณะที่การเรียนการสอนที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางกลางของพระพุทธศาสนาและการเรียนรู้ของไทยจากปี 1997 วิกฤตเศรษฐกิจเอเชีย มันเตือนเอาชนะกับความต้องการของมนุษย์ที่ได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจทางธุรกิจ เพื่อให้ห่างไกลความคิดของพระมหากษัตริย์ที่ได้รับในขอบเขตของการพัฒนาสังคม 1999-2000
ในกลุ่มการทำงานทางวิชาการในประเทศไทยมีโครงสร้างปรัชญาในชีวิตประจำวันสำหรับการประยุกต์ใช้โดยประชาชนที่พบบ่อย ดังนั้นคำที่ใช้ในการอธิบายสามองค์ประกอบที่ทำขึ้นคิดเป็น nonbusiness ในธรรมชาติ: ไมล์ Het-พล (สมเหตุสมผล) โพธิ์-Praman (ดูแล) และพุ่มคุ้ม-kan (ภูมิคุ้มกันตัวเอง) แต่ความคิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่เคยได้รับกรอบอย่างถูกต้องในบริบททางธุรกิจ แต่มันสามารถเช่นเดียวกับที่ใช้บังคับกับโลกธุรกิจที่เป็นไปสาขาการพัฒนาสังคม นี้เป็นเพียงเพราะปรัชญาเป็นหลักแนวทางในการตัดสินใจของเงินเดือน ในขณะที่แนวคิดที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างกว้างขวางในประเทศไทยที่อื่น ๆ ยังคงมีความเข้าใจผิดและความสงสัย โดยไม่ต้องเป็นรูปธรรมและกรอบการดำเนินธุรกิจ, ความคิดของพระมหากษัตริย์จะมีแนวโน้มที่จะสงสัยดังกล่าวในเรื่องที่เกี่ยวกับการปฏิบัติจริงและ translatability ของ ดังนั้นจึงเป็นเป้าหมายของหนังสือเล่มนี้ไปยังที่อยู่บางส่วนไม่เข้าใจเหล่านี้และให้เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการวิเคราะห์ที่มีความหมายและการประยุกต์ใช้ความคิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในบริบททางธุรกิจผ่านการพัฒนาที่เป็นรูปธรรมและกรอบการดำเนินการสำหรับการประเมินและการใช้งานโดยผู้บริหารทางธุรกิจ .
9
แรงบันดาลใจจากหลักการทางธุรกิจที่มีความรับผิดชอบ (และการประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องเครื่องมือดูภาคผนวก) ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในงบครอบคลุมมากที่สุดของการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบสูตรโดยผู้นำทางธุรกิจสำหรับผู้นำธุรกิจพัฒนาโดย Caux โต๊ะกลมเครือข่ายระหว่างประเทศ ของผู้นำธุรกิจที่มีความสำคัญในการส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมทุนนิยมเป็นผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ได้วางแผนแบบสอบถามสั้น ๆ เพื่อ methodologically กรอบความคิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในแง่ธุรกิจสำหรับการอภิปรายและการยอมรับ โดยประกอบไปด้วยคุณภาพที่เฉพาะเจาะจงและการประเมินผลเชิงปริมาณที่เกี่ยวข้องกับแต่ละสามเสาหลัก เมทริกซ์คะแนนที่เรียบง่ายมีความสะดวกในการใช้งานและช่วยให้การตีความอย่างรวดเร็วของจุดแข็งและพื้นที่สำหรับการปรับปรุง ส่วนที่ 2 ของหนังสือเล่มนี้จะอธิบายรายละเอียดในแบบสอบถามนี้