A special test setup is designed to

A special test setup is designed to evaluate the performance of three natural fibers to be used as wetted
pads in evaporative cooling. The chosen fibers are date palm fibers (stem), jute and luffa. As a reference, a
widely used commercial wetted pad is chosen. The performance criteria include cooling efficiency, material
performance and cooling efficiency degradation. The results show that the average cooling efficiency is
highest for jute at 62.1%, compared to 55.1% for luffa fibers, 49.9% for the reference commercial pad and
38.9% for date palm fiber. Material performance tests comprise salt deposition and bio-degradation (mold
forming). Jute has the least salt deposition followed by palm and luffa fibers. The commercial type has the
highest salt deposits. The highest resistance to mold forming is offered by luffa followed by palm fibers. The
commercial type and jute have very poor performance. The results of the cooling efficiency degradation
indicate that luffa has an overall advantage over the other fibers. Palm fibers and the commercial type have
a significant reduction in the cooling efficiency, while jute has the highest deterioration. The total results
indicate that luffa has an overall advantage over the other fibers. However, if the jute surface can be treated
to offer higher mold resistance characteristics, it would provide the best alternative.
2002 Elsevier
Science Ltd. All rights reserved

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การตั้งค่าการทดสอบพิเศษถูกออกแบบมาเพื่อประเมินประสิทธิภาพของเส้นใยธรรมชาติที่สามที่จะใช้เป็น wetted
แผ่นในการทำลมเย็น เส้นใยท่านมีเส้นใยปาล์มวัน (ก้าน), ปอ และใยบวบ เป็นการอ้างอิง การ
เลือกแผ่น wetted พาณิชย์อย่างกว้างขวางใช้ เกณฑ์ประสิทธิภาพรวมเย็นประสิทธิภาพ วัสดุ
ประสิทธิภาพและการลดประสิทธิภาพการระบายความร้อน ผลลัพธ์แสดงว่า ค่าเฉลี่ยประสิทธิภาพการระบายความร้อน
สูงสุดสำหรับปอ 62.1% เมื่อเทียบกับ 55.1% เส้นใยผิว 49.9% พาณิชย์อ้างอิงผัด and
38.9% สำหรับใยปาล์มวัน ทดสอบประสิทธิภาพวัสดุประกอบด้วยเกลือสะสมและย่อยสลายทางชีวภาพ (แม่
ขึ้นรูป) ปอมีสะสมน้อยเกลือตาม ด้วยเส้นใยปาล์มและใยบวบ แบบเชิงพาณิชย์มีการ
เกลือฝากสูงสุด มีความต้านทานสูงสุดปั้นขึ้นรูปตามผิวตาม ด้วยเส้นใยปาล์ม ใน
ชนิดพาณิชย์และปอมีประสิทธิภาพต่ำมาก ผลของการลดประสิทธิภาพการระบายความร้อน
ระบุผิวที่ได้เปรียบมากกว่าเส้นใยอื่น ๆ โดยรวม เส้นใยปาล์มและชนิดค้า
ลดประสิทธิภาพการระบายความร้อน ขณะปอเสื่อมสภาพสูงสุดอย่างมีนัยสำคัญ ผลรวม
ระบุผิวที่ได้เปรียบมากกว่าเส้นใยอื่น ๆ โดยรวม อย่างไรก็ตาม ถ้าสามารถรักษาผิวปอ
เสนอลักษณะความต้านทานของแม่พิมพ์สูง มันจะให้ดีที่สุดคือการ 2002 Elsevier
วิทยาศาสตร์ จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ทั้งหมด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การตั้งค่าการทดสอบพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อประเมินประสิทธิภาพของ 3 เส้นใยธรรมชาติเพื่อใช้เป็นเปียก
แผ่นความเย็นแบบระเหย การเลือกเส้นใยเป็นเส้นใยอินทผลัม ( ต้น ) , ปอ และใยบวบ เป็นข้อมูลอ้างอิง ,
ใช้กันอย่างแพร่หลายในเชิงพาณิชย์เปียกแผ่นเลือก เกณฑ์ประสิทธิภาพ ได้แก่ ประสิทธิภาพการทำความเย็น ประสิทธิภาพการย่อยสลายและวัสดุ
ประสิทธิภาพการระบายความร้อนผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า ประสิทธิภาพความเย็นสูงสุดเฉลี่ย
ปอที่ 62.1 , เมื่อเทียบกับร้อยละ 55.1 ไฟเบอร์ใยบวบ 49.9 % สำหรับการอ้างอิงเชิงพาณิชย์ , แผ่นและ
38.9 % วันที่ปาล์ม เส้นใย การทดสอบประสิทธิภาพของวัสดุประกอบด้วยการสะสมเกลือ และไบโอ การย่อยสลายแม่พิมพ์
รูป ) ปอที่มีเกลือน้อยสะสมตามด้วยฝ่ามือและเส้นใยของใยบวบ ประเภทเชิงพาณิชย์มี
สูงสุดเกลือเงินฝากความต้านทานสูงสุดปั้นขึ้นรูปเป็นเส้นใย ใยบวบ เสนอ โดยตามด้วยฝ่ามือ
พิมพ์เชิงพาณิชย์ และปอ มีงานมากจน ผลของประสิทธิภาพการทำความเย็นลดลง
บ่งชี้ว่า ใยบวบมีรวมประโยชน์มากกว่าเส้นใยอื่น ๆ เส้นใยปาล์มและประเภทธุรกิจ
ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ประสิทธิภาพความเย็นในขณะที่ปอมีความเสื่อมโทรมมากที่สุด
ผลทั้งหมดบ่งชี้ว่า ใยบวบ มีรวมประโยชน์มากกว่าเส้นใยอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม หากพื้นผิวปอสามารถรักษา
เสนอคุณสมบัติการต้านทานสูง แม่พิมพ์ จะให้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
2002 บริษัท
วิทยาศาสตร์ จำกัด