Koji is not actually a yeast, as ma

Koji is not actually a yeast, as many people mistakenly believe. Koji is cooked rice and/or soya beans that have been inoculated with a fermentation culture, Aspergillus oryzae. This naturally occurring culture is particularly prevalent in Japan, where it is known as koji-kin, which explains why so many Japanese foods have been developed over the centuries using it. It is used to make popular foods like soya sauce, miso, mirin and sake.

The first step in making these products is creating the koji. This involves adding the Aspergillus culture to steamed rice or soya beans or, in the case of shoyu soya sauce, to a combination of steamed soya beans and roasted, cracked wheat. 
The resulting mixture is then placed in a warm and humid place for up to 50 hours, often in wooden trays called koji buta in Japanese. During this time the Aspergillus feeds on the rice or soya beans, using enzymes that are adept at breaking down carbohydrates and proteins.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จิไม่ได้จริงเชื้อยีสต์ เป็นหลายคนเชื่อว่าแสดง จิสุกถั่วเหลืองหรือข้าวที่มีการ inoculated กับวัฒนธรรมหมัก Aspergillus แห้งระดับต่าง ๆ วัฒนธรรมนี้เกิดขึ้นตามธรรมชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งพบมากในประเทศญี่ปุ่น ที่เป็นที่รู้จักเป็นจิกิน อธิบายทำไมอาหารญี่ปุ่นมากมายได้ถูกพัฒนาขึ้นมาในสังคมไทยที่ใช้ ได้ ใช้ทำอาหารยอดนิยมเช่นซอสถั่วเหลือง มิโซะ mirin และสาเกขั้นตอนแรกในการทำให้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะสร้างจิ นี้เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม Aspergillus เพิ่มถั่วเหลืองหรือข้าวนึ่ง หรือ ในกรณีของ shoyu ซอสถั่วเหลือง ชุดของถั่วเหลืองนึ่งถั่ว คั่ว cracked ข้าวสาลี จากนั้นได้วางในอุ่น และชื้นผสมได้ถึง 50 ชั่วโมง มักอยู่ในถาดไม้เรียก buta จิในภาษาญี่ปุ่น ในช่วงเวลานี้ Aspergillus เนื้อหาสรุปบนเมล็ดข้าวหรือถั่วเหลือง ใช้เอนไซม์ที่คุณหญิงแบ่งคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โคจิไม่จริงยีสต์เป็นคนจำนวนมากเข้าใจผิดว่า โคจิสุกข้าวและ / หรือถั่วเหลืองที่ได้รับเชื้อด้วยวัฒนธรรมหมัก, Aspergillus oryzae วัฒนธรรมนี้เกิดขึ้นตามธรรมชาติเป็นที่แพร่หลายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นที่รู้จักกันเป็นโคจิญาติซึ่งอธิบายว่าทำไมอาหารญี่ปุ่นจำนวนมากได้รับการพัฒนาขึ้นในช่วงศตวรรษที่ใช้มัน มันถูกใช้ในการทำอาหารที่เป็นที่นิยมเช่นซอสถั่วเหลือง, มิโซะ, มิรินและสาเก. ขั้นตอนแรกในการทำผลิตภัณฑ์เหล่านี้คือการสร้างโคจิ นี้เกี่ยวข้องกับการเพิ่มวัฒนธรรม Aspergillus เพื่อข้าวสวยหรือถั่วเหลืองหรือในกรณีของซอสโชยุถั่วเหลืองเพื่อการรวมกันของถั่วเหลืองนึ่งย่างและข้าวสาลีแตก ผสมทำให้อยู่แล้วในสถานที่อบอุ่นและชื้นได้นานถึง 50 ชั่วโมงมักจะอยู่ในถาดไม้ที่เรียกว่าโคจิ buta ในภาษาญี่ปุ่น ในช่วงเวลานี้ Aspergillus ฟีดบนเมล็ดข้าวหรือถั่วเหลืองโดยใช้เอนไซม์ที่มีความเชี่ยวชาญในการทำลายลงคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โคจิไม่ได้จริง ๆ ยีสต์ หลายคนเข้าใจผิดว่า โคจิ ข้าวสุก และ / หรือ เมล็ดถั่วเหลืองที่ได้รับการปลูกเชื้อด้วยการหมักวัฒนธรรม , Aspergillus oryzae . นี้เกิดขึ้นตามธรรมชาติเป็นวัฒนธรรมที่แพร่หลายในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่รู้จักกันเป็นโคจิ คิน ซึ่งอธิบายว่า ทำไมอาหารญี่ปุ่นมากมายได้ถูกพัฒนามาหลายศตวรรษ ใช้มันมันถูกใช้เพื่อทำให้อาหารที่นิยมเช่นซอสถั่วเหลืองมิโซะ สาเก มิริน และ .

ขั้นตอนแรกในการทำผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะสร้าง โคจิ นี้เกี่ยวข้องกับการเพิ่มการเลี้ยง Aspergillus จะนึ่งข้าว หรือเมล็ดถั่วเหลือง หรือในกรณีของซอสโชยุ เพื่อการรวมกันของเมล็ดถั่วเหลืองอบนึ่งและแตกข้าวสาลี 
อันเป็นส่วนผสมแล้ววางไว้ในสถานที่ที่อบอุ่นและชื้นได้ถึง 50 ชั่วโมงมักจะอยู่ในถาดไม้ เรียกว่า โคจิ บูตะ ในญี่ปุ่น ในช่วงเวลานี้ ฟีด Aspergillus บนข้าว หรือเมล็ดถั่วเหลืองด้วยเอนไซม์ที่เก่งที่ทำลายลงคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน