บัสสานิโยชาวเมืองเวนิสขอยืมเงินจากอันโตนิโยซึ่งเป็นพ่อค้าเพื่อเป็นค่าเดินทางไปเลือกคู่ที่เมืองเบลมอนต์ ขณะนั้นอันโตนิโยไม่มีเงินจึงไปขอยืมเงินจากไชล็อกชาวยิวโดยสัญญาว่าถ้าไม่มีเงินมาคืนตามกำหนดจะต้องใช้หนี้เป็นเนื้อของตนหนักหนึ่งปอนด์
บัสสานิโยได้นางปอร์เซียทายาทเศรษฐีแห่งเมืองเบลมอนต์สมปรารถนา อันโตนิโยมาชำระหนี้ไชล็อกตามสัญญาได้เนื่องจากเรือสินค้ายังมาไม่ถึงและมีข่าวว่าเรืออับปางหมด ไชล็อกจึงไปฟ้องคดีต่อศาล นางปอร์เซียให้บัสสานิโยนำเงินไปชำระหนี้แทนอันโตนิโย ส่วนตนเองปลอมตัวเป็นชายทำหน้าที่ทนายว่าความ เมื่อไชล็อกไม่ยอมรับเงินแต่ยืนยันจะให้ทำตามสัญญา นางปอร์เซียจึงให้อันโตนิโยตัดเนื้อตนเองให้ได้จำนวนหนึ่งปอนด์และไม่มีเลือดติดที่เนื้อมิฉะนั้นจะถือว่าทำผิดสัญญา ไชล็อกจึงขอถอนฟ้อง นางปอร์เซียจึงอ้างกฎหมายให้เจ้าเมืองประหารชีวิตไชล็อกและริบทรัพย์สินของไชล็อกทั้งหมด เจ้าเมืองยกโทษประหารให้ไชล็อกแต่ให้ริบทรัพย์ของไชล็อกครึ่งหนึ่งให้เป็นของรัฐอีกครึ่งเป็นค่าทำขวัญอันโตนิโยแทน แต่อันโตนิโยไม่รับเงินแต่ขอให้ไชล็อกหันมานับถือศาสนาคริสต์และทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้เจสซิกาลูกสาวซึ่งหนีไปอยู่กับลอเรสโตสามีชาวศริสต์แทน เรื่องจบลงเมื่อเรือสินค้าของอันโตนิโยมาถึงท่าเรือโดยปลอดภัย