The Colossus was an enormous bronze

The Colossus was an enormous bronze sculpture of the sun god Helios built by the Rhodians over 12 years in the third century B.C. The city was the target of a Macedonian siege early in the fourth century B.C. and, according to legend, the Rhodians sold the tools and equipment left behind by the Macedonians to pay for the Colossus. Designed by the sculptor Chares, the statue was, at 100 feet, the tallest of the ancient world. It was completed around 280 B.C. and stood for sixty years until it was toppled in an earthquake. It was never rebuilt. Hundreds of years later, Arabs invaded Rhodes and sold the remains of the statue as scrap metal. Because of this, archeologists do not know much about the exact location of the statue or what it looked like. Most believe that it depicted the sun god standing naked while he lifted a torch with one hand and held a spear in the other. It was once believed that the statue stood with one leg on each side of a harbor, but most scholars now agree that the statue’s legs were most likely built close together to support its immense weight.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โคลอสซัสเป็นรูปปั้นมหาศาลของเจ้าซันเฮลิออสแห่ง โดย Rhodians มากกว่า 12 ปีในบีศตวรรษที่สาม เมืองเป็นเป้าหมายของล้อมมาซิโดเนีย ใน บีศตวรรษที่สี่ช่วง และ ตำนาน Rhodians ขายเครื่องมือ และอุปกรณ์ที่ทิ้ง โดย Macedonians ชำระค่าอะโคลอสซัส ออกแบบ โดยประติมากร Chares รูปปั้นได้ ที่เท้า 100 สูงที่สุดของโลก จะเสร็จสมบูรณ์ประมาณ 280 บี และยืนหกปีจนมันถูก toppled ในแผ่นดินไหว มันถูกไม่เคยสร้างใหม่ หลายร้อยปีต่อมา อาหรับรุกรานโรดส์ และขายของรูปปั้นเป็นเศษโลหะ ด้วยเหตุนี้ ปัจจุบันไม่ทราบมากเกี่ยวกับที่ตั้งของรูปปั้นหรืออะไรที่มันดูเหมือนกัน ส่วนใหญ่เชื่อว่า มันแสดงพระอาทิตย์ยืนเปลือย ขณะเขายกไฟฉาย ด้วยมือหนึ่งถือหอกในอีก มันไม่เคยเชื่อว่ารูปปั้นที่ยืน ด้วยขาข้างหนึ่งแต่ละด้านของการท่าเรือ แต่นักวิชาการส่วนใหญ่ตอนนี้เห็นว่า ขาของรูปปั้นมักสร้างกันเพื่อรองรับน้ำหนักอันยิ่งใหญ่ของ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ยักษ์ใหญ่เป็นประติมากรรมสำริดมหาศาลของดวงอาทิตย์พระเจ้า Helios สร้างขึ้นโดย Rhodians กว่า 12 ปีในศตวรรษที่สามเมืองที่เป็นเป้าหมายของการล้อมมาซิโดเนียในช่วงต้นศตวรรษที่สี่และตามตำนาน Rhodians ขายเครื่องมือ และอุปกรณ์ทิ้งไว้ข้างหลังมาซีโดเนียนที่จะจ่ายสำหรับยักษ์ใหญ่ ออกแบบโดยประติมากร Chares รูปปั้นเป็นที่ 100 ฟุตสูงที่สุดของโลกโบราณ มันเสร็จสมบูรณ์ประมาณ 280 BC และยืนหกสิบปีจนกว่ามันจะถูกโค่นล้มในกรณีแผ่นดินไหว มันก็ไม่ได้สร้างขึ้นมาใหม่ หลายร้อยปีต่อมาชาวอาหรับบุกโรดส์และขายส่วนที่เหลือของรูปปั้นเป็นเศษโลหะ ด้วยเหตุนี้นักโบราณคดีไม่ได้รู้มากเกี่ยวกับสถานที่ตั้งของรูปปั้นหรือสิ่งที่มันดูเหมือน ส่วนใหญ่เชื่อว่าภาพดวงอาทิตย์พระเจ้ายืนเปลือยกายในขณะที่เขายกไฟฉายด้วยมือข้างหนึ่งและถือหอกในที่อื่น ๆ มันเป็นความเชื่อครั้งว่ารูปปั้นยืนอยู่กับขาข้างหนึ่งในแต่ละด้านของท่าเรือ แต่นักวิชาการส่วนใหญ่ในขณะนี้ยอมรับว่าขาของรูปปั้นที่ถูกสร้างขึ้นส่วนใหญ่มีแนวโน้มใกล้กันที่จะรองรับน้ำหนักอันยิ่งใหญ่ของ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โคลอสซัสเป็นประติมากรรมบรอนซ์มหึมาของสุริยเทพเฮลิออสสร้างขึ้นโดย rhodians กว่า 12 ปีในศตวรรษที่สามก่อนคริสตกาล เมืองที่เป็นเป้าหมายของ มาซิโดเนีย ล้อมต้นในศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล และตามตำนาน , rhodians ขายเครื่องมือและอุปกรณ์การทิ้งไว้ข้างหลังโดยมาซีโดเนียนที่จะจ่ายสำหรับโคลอสซัส ออกแบบโดยประติมากรชาเรส รูปปั้นอยู่ที่ 100 ฟุตที่สูงที่สุดของโลกโบราณ มันเสร็จประมาณ 280 ปีก่อนคริสตกาล และยืนสำหรับหกสิบปีจนถูกโค่นล้มในแผ่นดินไหว มันก็ไม่เคยสร้าง หลายร้อยปีต่อมาชาวอาหรับบุก โรดส์ และขายซากรูปปั้นเป็นเศษโลหะ เพราะเหตุนี้ นักโบราณคดีได้รู้เกี่ยวกับสถานที่ที่แน่นอนของรูปปั้น หรือ ว่ามันดูเหมือนอะไรส่วนใหญ่เชื่อว่า ภาพพระอาทิตย์ยืนเปลือยกายในขณะที่เขายกไฟฉายด้วยมือข้างหนึ่งและถือหอกในอื่น ๆ ครั้งหนึ่งเคยเชื่อกันว่า พระพุทธรูปประทับยืนด้วยขาข้างหนึ่งในแต่ละด้านของท่าเรือ แต่นักวิชาการส่วนใหญ่ตอนนี้ยอมรับว่า รูปปั้นของขาน่าจะสร้างปิดด้วยกันน้ำหนักมหาศาลของ