รัฐประศาสนศาสตร์ในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆและเป็นไปอย่างยืดเยื้อหรือค่อยๆ เปลี่ยนไปโดยได้รับอิทธิพลจากหลายๆปัจจัยคือการ เปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง กฎหมายและเทคโนโลยีรวมไปถึงอิทธิพลจากต่าง ประเทศแนวคิดที่ ผลต่อการเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงการบริหารภาครัฐ
1. ระบบราชการ (bureaucracy)
ระบบราชการตามทฤษฎีของแม็กซ์ เวเบอร์ (Max Weber)
2.เทคนิคการจัดการ (management techniques)
“วิทยาการจัดการ” (management science)
แนวโน้มของการบริหารภาครัฐ
แนวโน้มการบริหารภาครัฐซึ่งเป็นตัวกำหนดค่านิยมและทิศทางการบริหารภาครัฐสำหรับแนวโน้มที่สำคัญมีดังนี้
การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการนิยามความ หมายใหม่ให้กับรัฐบาล(economic changes and redefining government)
โลกาภิวัตน์ (Globalization)
เทคโนโลยีและสภาพแวดล้อมของงาน (technology and work environment)
บทบาทของพลเมืองในกระบวนการปกครอง (role of citizens in the governance process)
การท้าทายทางจริยธรรมที่ข้าราชการกำลังเผชิญ (ethical challenges facing the public service)
รูปแบบองค์การสมัยหลัง ระบบราชการ
วอร์เรน เบนนิส (Warren Bennis)
องค์การที่ไม่มีลำดับชั้นการบังคับบัญชา
ใช้วิธีบังคับบัญชา แบบประชาธิปไตย
การเปลี่ยนแปลงของรัฐประศาสนศาสตร์ในฐานะสาขาวิชา
ปัจจัยที่มีผลต่อทิศทางของสาขารัฐประศาสนศาสตร์มีดังต่อไปนี้
มีการเรียกร้องให้รัฐประศาสนศาสตร์เรียนในสิ่งที่สอดคล้องกับความจริง
รัฐประศาสนศาสตร์แยกตัวออกมาจากรัฐศาสตร์ที่เป็นสรรพบุรุษและมีเนื้อหาเป็นของตนเอง
เกิดสาขาวิชาใหม่ที่พยายามศึกษาแบบบูรณาการ
คณะบริหารธุรกิจและการจัดการเริ่มมีการจัดหลักสูตรในการจัดการภาครัฐ
สถาบันด้านรัฐประศาสนศาสตร์แพร่หลายในช่วงทศวรรษที่ 1960 และ 1970 จะมีลักษณะเฉพาะตัว
แนวคิดของกลุ่ม “รัฐประศาสนศาสตร์แนวใหม่”
แนวคิดมนุษยนิยมในองค์การ
การสอนจริยธรรมการบริหาร
โอเรียน ไวท์ (Orion White)
เป็นสังคมที่มีความหลากหลายไทเออร์ (Thayer)
“ทฤษฎีที่ไม่มีลำดับชั้น การบังคับบัญชา แต่มีโครงสร้าง”(theory of structured nonhierarchy)วิกฤตเอกลักษณ์และรัฐประศาสนศาสตร์ในอนาคตรัฐประศาสนศาสตร์สมัยใหม่มีประ เด็นขัดแย้งอยู่ 6ประเด็นคือ
1. การผลักดันอำนาจแก่ท้องถิ่นขัดแย้งกับการผลักรวมอำนาจ
2. การผลักดันให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหาร
3. นักเศรษฐศาสตร์ การจัดการ และนักรัฐธรรมนูญนิยม
4. ค่านิยมได้กลับมาอีกครั้งทั้งที่นักรัฐประศาสนศาสตร์
5. การสร้างมาตรฐานวิชาชีพเป็นการทำลายการมีชีวิตขององค์การ
6. โลกสมัยใหม่ให้ความสำคัญกับองค์การมากเกินไป
สรุป
รัฐประศาสนศาสตร์มีความรู้หลากหลายและกำลังคัดแยกความรู้ที่มี ประโยชน์ต่อตัวเอง ขณะเดียวกันก็เปลี่ยนแปลงไปตามกระแสสังคม อาจกล่าวได้ว่ารัฐประศาสนศาสตร์เป็นการศึกษาการบริหารภาครัฐ อันมีแกนกลางอยู่ 3 ด้าน คือ การบริหารคนบริหารเงินและองค์การ นอกนั้นก็เป็นความรู้เกี่ยวข้องกับบบกกการเมืองและการพพพัฒนา ซึ่งเป็นบริบทที่ใหญ่กว่าและอยู่รอบนอกการบริหาร ได้แก่
นโยบายสาธารณะการบริหาร เปรียบเทียบและการบริหารการพัฒนา