Starting in 2008, each division was

Starting in 2008, each division was measured on the basis ofits return on assets, which was defined to be the division's net income divided by its total assets. Net income for a division was calculated by taking the division's "direct income before taxes," then subtracting the division's share of corporate administrative expenses (allocated on the basis of divisional revenues) and its share of income tax expense (the tax rate applied to the division's "direct income before taxes" after subtraction ofthe allocated corporate administrative expenses). Although Johnson realized there were other ways to define a division's income, he and the president preferred this method since "it made the sum ofthe [divisional] parts equal to the [corporate] whole.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เริ่มต้นในปี 2008 ส่วนในแต่ละวัดใน ofits พื้นฐานผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ได้รับการกำหนดให้เป็นรายได้สุทธิส่วนที่หารด้วยสินทรัพย์รวม รายได้สุทธิสำหรับส่วนที่คำนวณโดยการใช้ส่วนของ "รายได้โดยตรงก่อนหักภาษี" แล้วลบส่วนแบ่งส่วนของค่าใช้จ่ายในการบริหารองค์กร (จัดสรรบนพื้นฐานของรายได้จากการหาร) และส่วนแบ่งของค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ (อัตราภาษีที่นำไปใช้กับ ส่วนของ "รายได้ก่อนหักภาษีโดยตรง" หลังหักค่าใช้จ่ายในการบริหาร ofthe องค์กรจัดสรร) แม้ว่าจอห์นสันตระหนักมีวิธีการอื่น ๆ ในการกำหนดรายได้ส่วนของเขาและประธานที่ต้องการวิธีการนี​​้ตั้งแต่ "มันทำให้ผลรวม ofthe [กองพล] ส่วนเท่า ๆ กันเพื่อที่ [องค์กร] ทั้ง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เริ่มต้นใน 2008 , แต่ละหน่วยอยู่ในวัดบนพื้นฐานของอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ ซึ่งถูกกำหนดเป็นส่วนรายได้สุทธิหารด้วยสินทรัพย์รวมของ รายได้สุทธิสำหรับกองถูกคำนวณโดยการเป็น " กองตรงรายได้ก่อนภาษี" แล้วแบ่งกองแบ่งค่าใช้จ่ายในการบริหารองค์กร ( จัดสรรบนพื้นฐานของรายได้กองพล ) และส่วนแบ่งของค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ ( อัตราภาษีที่ใช้กับ " กองตรงรายได้ก่อนภาษี " หลังจากการลบการจัดสรรค่าใช้จ่ายในการบริหารของบริษัท ) แม้ว่า จอห์นสัน ตระหนัก มีวิธีการอื่น ๆเพื่อกำหนดรายได้ของแผนกเขาและท่านประธานชอบวิธีนี้เพราะ " มันทำให้ผลรวมของ [ แผนก ] ส่วนเท่ากับ [ ธุรกิจ ] ทั้งหมด