After evaluating so many educationa

After evaluating so many educational institutes in Thailand for a long time,
Office for National Education Standards and Quality Assessment (ONESQA) now faces a tough time from a recognised external assessment of its performance.
According to the assessment, the ONESQA has failed to reflect the actual quality of schools and universities it has evaluated.
"It's time that ONESQA reforms itself," its former director Prof Somwang Pitiyanuwat said.
Last week, Office of Higher Education Commission (Ohec) secretary general Kamjorn Tatiyakavee revealed the assessment results of the ONESQA performance and said he would report them to Education Minister Narong Pipattanasai in detail.
The Ohec set up a committee to evaluate the performance of the ONESQA in response to an order from the National Council for Peace and Order (NCPO), which acts on complaints filed jointly by four groups of university presidents including the Council of University Presidents of Thailand (CUPT).
Srinakharinwirot University's president Asst Prof Dr Chalermchai Boonyaleepun even suggested that the NCPO should abolish the ONESQA. According to him, discussions among members of the Council of University Presidents of Thailand (CUPT), Rajabhat universities and Rajamangala universities of technology pointed to the fact that ONESQA assessments had caused big burdens to higher-educational institutes.
"These burdens have become obstacles in delivering educational services," he said.
So many university lecturers have complained in recent years that they have had to spend so much time preparing documents for ONESQA assessments - time they believe would be better used preparing their classes.
Opposition against the ONESQA has been mounting particularly after it unveiled its plan for its fourth round of assessments that is set to be implemented between 2016 and the 2020.
"In the fourth round, we will deduct points of an institute if it is found to have withheld information," ONESQA Prof Dr director Channarong Pornrungroj said earlier this year. If the ONESQA sticks to its plan, the passing grade will be at 70 per cent. Educational institutes may fail in no more than two of existing indicators.
Somwang, who now chairs the National Institute of Educational Testing Service, said ONESQA in fact had a commitment to conduct an external assessment based on internal assessments of a university.
"But it has lately tried to exert its set of indicators over what a university has used in conducting internal assessments," Somwang pointed out, "On this ground, I can understand that universities will refuse to bow down. Every university has the right to lay down its own quality-assurance system. Every university has the right to decide whether it wants to be a research university or else".
Somwang said ONESQA should realise that it had the duty to support and promote universities in their mission.
"ONESQA is not supposed to force all universities to pass criteria laid down by it," he said.
In the wake of latest development, Channarong said his agency was ready to improve and adjust itself based on the results of the Ohec-commissioned assessment.
"We will try to improve indicators used in our assessments. We welcome opinions from all sides," he said.
Channarong also said the ONESQA did not at all ignore the fact one set of indicators could not fit all.
"We are preparing to categorise universities into different groups based on their nature and identity," he said.
Kamjorn said he felt external assessments remained important but whether the ONESQA would continue to take this mission depended on the education minister's decision.
Dr Rung Kaewdang, a former deputy education, has said that assessments of educational quality are needed and so are the quality of assessors.
"On procedures used, assessors should ensure that assessments don't cause any burden," he said.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หลังจากประเมินสถาบันการศึกษาจำนวนมากในประเทศไทยเป็นเวลานาน สำนักงานมาตรฐานการศึกษาและประเมินคุณภาพ (ONESQA) ตอนนี้ใบหน้าเวลายากจากมีรับการยอมรับการประเมินภายนอกของมัน ตามการประเมิน ONESQA ล้มเหลวถึงคุณภาพแท้จริงของโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่มีประเมิน กรรมการของอดีตศาสตราจารย์ศักย์รินทร์ Pitiyanuwat กล่าวว่า "ได้เวลาปฏิรูป ONESQA นั้นเอง สัปดาห์ Tatiyakavee กำจรทั่วไปเลขานุการสำนักงานอุดมศึกษาเสริม (Ohec) เปิดเผยผลการประเมินประสิทธิภาพการทำงานของ ONESQA และกล่าวว่า เขาจะรายงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาณรงค์ Pipattanasai รายละเอียด Ohec การตั้งคณะกรรมการเพื่อประเมินประสิทธิภาพของ ONESQA ตอบสนองใบสั่งจากสภาแห่งชาติเพื่อสันติสุขและสั่ง (NCPO), ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการร้องเรียนยื่นร่วมด้วยกลุ่มสี่ประธานาธิบดีมหาวิทยาลัยรวมทั้งสภาของมหาวิทยาลัยประธานาธิบดีของประเทศไทย (CUPT) ประธานของมหาวิทยาลัย Boonyaleepun อาจารย์ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.แม้แต่แนะนำว่า NCPO ที่ควรยุบที่ ONESQA ตามเขา สนทนาในหมู่สมาชิกของในสภาของมหาวิทยาลัยประธานาธิบดีของประเทศไทย (CUPT), มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยราชมงคลเทคโนโลยีชี้ในความเป็นจริงว่า ONESQA ประเมินได้เกิดภาระใหญ่เพื่อสถาบันการศึกษาสูง "ภาระเหล่านี้ได้กลายเป็น อุปสรรคในการส่งมอบบริการการศึกษา เขากล่าวว่า อาจารย์มหาวิทยาลัยจำนวนมากได้แนะนำในปีที่ผ่านมาว่า พวกเขาได้มีเวลามากเตรียมเอกสารสำหรับการประเมิน ONESQA - เวลาที่พวกเขาเชื่อว่าจะดีกว่าใช้กำลังเตรียมนักเรียน ฝ่ายค้านกับ ONESQA มีการติดตั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ได้เปิดตัวแผนในรอบสี่ของการประเมินผลจะดำเนินการระหว่าง 2016 และ 2020 "ในรอบสี่ เราจะหักคะแนนของสถาบันถ้าพบจะได้หักข้อมูล กรรมการ ONESQA ศาสตราจารย์ดร.ชาญณรงค์ Pornrungroj กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ปีนี้ ถ้า ONESQA แท่งของแผน ผ่านจะเป็นที่ร้อยละ 70 สถาบันการศึกษาอาจล้มเหลวในไม่เกิน 2 ตัวชี้วัดที่มีอยู่ ศักย์รินทร์ ซึ่งขณะนี้ เก้าอี้ชาติสถาบันการศึกษาทดสอบบริการ กล่าว ONESQA ในความเป็นจริงมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการประเมินภายนอกตามการประเมินภายในของมหาวิทยาลัย "แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้พยายามจะเป็นชุดของตัวชี้วัดผ่านอะไรที่มหาวิทยาลัยได้ใช้ในการดำเนินการประเมินภายใน ศักย์รินทร์ชี้ "บนพื้นดินนี้ ฉันสามารถเข้าใจว่า มหาวิทยาลัยจะปฏิเสธการก้มลง ทุกมหาวิทยาลัยมีสิทธิที่จะวางระบบประกันคุณภาพของตนเอง ทุกมหาวิทยาลัยได้ต้องตัดสินใจว่า จะต้องเป็น มหาวิทยาลัยวิจัย หรืออื่นๆ" ศักย์รินทร์กล่าวว่า ONESQA ควรตระหนักว่า มันมีหน้าที่สนับสนุน และส่งเสริมมหาวิทยาลัยในภารกิจของพวกเขา "ONESQA ไม่ควรไปบังคับให้ผ่านเกณฑ์ตามมันทุกมหาวิทยาลัย เขากล่าวว่า ในการปลุกของการพัฒนาล่าสุด ชาญณรงค์กล่าวว่า หน่วยงานของเขาไม่พร้อมที่จะปรับปรุง และปรับตัวเองตามผลการประเมินมอบหมายอำนาจหน้าที่ Ohec "เราจะพยายามปรับปรุงตัวบ่งชี้ที่ใช้ในการประเมินผลของเรา เรายินดีต้อนรับความคิดเห็นจากทุกฝ่าย เขากล่าวว่า ชาญณรงค์ยังกล่าวว่า ONESQA ไม่ได้ละเว้นความจริงชุดหนึ่งของตัวชี้วัดได้พอดีทั้งหมด "เราเตรียม categorise มหาวิทยาลัยเป็นกลุ่มต่าง ๆ ตามธรรมชาติและตัวตนของพวกเขา เขากล่าวว่า กำจรกล่าวว่า เขารู้สึกว่ายังคงสำคัญประเมินภายนอก แต่ว่า ONESQA จะทำภารกิจนี้จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐมนตรีการศึกษา ดร.รุ่ง Kaewdang ศึกษาอดีตรอง กล่าวว่า การประเมินคุณภาพการศึกษามีความจำเป็น และดังนั้นคุณภาพของการประเมิน "ในขั้นตอนใช้ ประเมินควรให้แน่ใจว่า ประเมินไม่ก่อให้เกิดภาระใด ๆ เขากล่าวว่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หลังจากที่ประเมินสถาบันการศึกษาจำนวนมากในประเทศไทยเป็นเวลานาน,
สำนักงานรับรองมาตรฐานการศึกษาแห่งชาติและการประเมินคุณภาพ (สมศ) ตอนนี้ใบหน้าเวลาที่ยากลำบากจากการประเมินภายนอกได้รับการยอมรับจากผลการดำเนินงาน
ตามการประเมินสมศล้มเหลวในการสะท้อนให้เห็นถึง ที่มีคุณภาพที่แท้จริงของโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่ได้รับการประเมิน
"มันเป็นเวลาที่สมศปฏิรูปตัวเอง" อดีตผู้อำนวยการของศาสตราจารย์สมหวัง Pitiyanuwat กล่าวว่า
สัปดาห์ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ) เลขาธิการกำจรตติยกวีเปิดเผยผลการประเมินการดำเนินงานของสมศ และบอกว่าเขาจะรายงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการศึกษาณรงค์ Pipattanasai ในรายละเอียด
คณะกรรมการการอุดมศึกษาตั้งคณะกรรมการเพื่อประเมินประสิทธิภาพการทำงานของสมศในการตอบสนองต่อคำสั่งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (NCPO) ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับข้อร้องเรียนที่ยื่นร่วมกัน โดยสี่กลุ่มอธิการบดีมหาวิทยาลัยรวมทั้งสภาอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (CUPT)
ประธานมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒของผศดรเฉลิมชัยบุญยะลีพรรณได้ชี้ให้เห็นว่า NCPO ควรยกเลิกสมศ ตามที่เขาพูดการอภิปรายในหมู่สมาชิกของสภาอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (CUPT), มหาวิทยาลัยราชภัฏและราชมงคลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีชี้ไปที่ความจริงที่ว่าการประเมินสมศได้ก่อให้เกิดภาระใหญ่เพื่อสถาบันการศึกษาที่สูงขึ้น
"ภาระเหล่านี้ได้กลายเป็นอุปสรรคในการ การส่งมอบบริการการศึกษา "เขากล่าวว่า
อาจารย์มหาวิทยาลัยหลายคนบ่นในปีที่ผ่านมาว่าพวกเขาได้มีการใช้เวลามากการจัดเตรียมเอกสารสำหรับการประเมินสมศ - เวลาที่พวกเขาเชื่อว่าจะถูกนำมาใช้ที่ดีกว่าการเตรียมการเรียนของพวกเขา
ฝ่ายค้านกับสมศได้รับการติดตั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ได้เปิดตัวแผนสำหรับรอบที่สี่ของการประเมินผลที่จะได้รับการดำเนินการระหว่าง 2016 และ 2020
"ในรอบที่สี่เราจะหักคะแนนของสถาบันหากมีการพบว่ามีข้อมูลที่ไม่เป็นที่เปิดเผย" สมศศาสตราจารย์ดร ผู้อำนวยการ Pornrungroj ชาญณรงค์กล่าวว่าก่อนหน้านี้ในปีนี้ ถ้าสมศเกาะติดแผนของคะแนนสอบผ่านจะได้รับร้อยละ 70 สถาบันการศึกษาอาจล้มเหลวในไม่เกินสองของตัวชี้วัดที่มีอยู่
สมหวังซึ่งตอนนี้เป็นประธานสถาบันทดสอบทางการศึกษากล่าวว่าสมศในความเป็นจริงมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการประเมินคุณภาพภายนอกขึ้นอยู่กับการประเมินผลภายในของมหาวิทยาลัย
"แต่มันมี เมื่อเร็ว ๆ นี้พยายามที่จะออกแรงชุดของตัวชี้วัดกว่าสิ่งที่มหาวิทยาลัยได้ใช้ในการดำเนินการประเมินผลภายใน "สมหวังชี้ให้เห็น" บนพื้นดินนี้ผมสามารถเข้าใจว่ามหาวิทยาลัยจะปฏิเสธที่จะน้อมลง. มหาวิทยาลัยทุกคนมีสิทธิที่จะล้มตัวลงนอนของตัวเอง ระบบประกันคุณภาพ. มหาวิทยาลัยทุกคนมีสิทธิที่จะตัดสินใจว่ามันต้องการที่จะเป็นมหาวิทยาลัยวิจัยหรืออื่น ๆ "
สมหวังกล่าวว่าสมศควรตระหนักว่ามันมีหน้าที่ที่จะสนับสนุนและส่งเสริมมหาวิทยาลัยในภารกิจของพวกเขา
"สมศไม่ควรจะมีผลบังคับใช้ มหาวิทยาลัยที่จะผ่านเกณฑ์ที่วางไว้โดยมัน "เขากล่าวว่า
ในการปลุกของการพัฒนาใหม่ล่าสุด, ชาญณรงค์กล่าวว่าหน่วยงานของเขาก็พร้อมที่จะปรับปรุงและปรับตัวขึ้นอยู่กับผลของการประเมินคณะกรรมการการอุดมศึกษานาย
"เราจะพยายามที่จะปรับปรุงตัวชี้วัด ที่ใช้ในการประเมินผลของเรา เรายินดีรับความคิดเห็นจากทุกด้าน "เขากล่าว
ชาญณรงค์ยังกล่าวสมศไม่ได้ที่ทุกคนไม่สนใจความเป็นจริงหนึ่งชุดของตัวชี้วัดไม่สามารถพอดีทั้งหมด
"เรากำลังเตรียมที่จะจัดหมวดหมู่เป็นกลุ่มมหาวิทยาลัยที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับธรรมชาติและความเป็นตัวตนของพวกเขา" เขากล่าวว่า
กำจรกล่าวว่าเขารู้สึกว่าการประเมินภายนอกคงมีความสำคัญ แต่ไม่ว่าสมศจะยังคงที่จะใช้ปฏิบัติภารกิจขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการศึกษานี้
ดรรุ่ง Kaewdang รองการศึกษาในอดีตได้กล่าวว่าการประเมินคุณภาพการศึกษามีความจำเป็นและเพื่อเป็น คุณภาพของการประเมิน
"ในขั้นตอนการใช้ประเมินควรให้แน่ใจว่าการประเมินไม่ก่อให้เกิดภาระใด ๆ " เขากล่าว

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หลังจากประเมินหลายสถาบันการศึกษาในประเทศไทยเป็นเวลานาน
สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา ( สมศ. ) ตอนนี้ใบหน้าที่ยากลำบากจากการยอมรับจากภายนอก การประเมินสมรรถนะ
ตามผลการประเมินที่ สมศ. ได้ล้มเหลวที่จะสะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพที่แท้จริงของโรงเรียน และมหาวิทยาลัยได้ประเมิน .
" มันถึงเวลาแล้วที่สมศ. การปฏิรูปตัวเอง" อดีต ผอ. ศสมหวัง
สุดากล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ( สกอ. ) เลขาธิการ พินิจภูวดล เปิดเผยผลการประเมินของ สมศ. งานและกล่าวว่าเขาจะรายงานให้ รมว. pipattanasai
ณรงค์ในรายละเอียดที่สกอ. จัดตั้งคณะกรรมการเพื่อประเมินผลการปฏิบัติงาน ของ สมศ. ในการตอบสนองคำสั่งจากสภาแห่งชาติเพื่อสันติภาพและการสั่งซื้อ ( ncpo ) ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการร้องเรียนที่ยื่นร่วมกันโดยสี่กลุ่มของอธิการบดีมหาวิทยาลัยรวมทั้งสภาอธิการบดีแห่งประเทศไทย (
cupt )ประธานของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ผศ ดร เฉลิมชัย boonyaleepun ชี้ให้เห็นว่าแม้ ncpo ควรยุบสมศ. . ตามเขา , การอภิปรายระหว่างสมาชิกของสมาคมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ( cupt )มหาวิทยาลัยราชภัฏ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลชี้ไปที่ความจริงที่ว่าประเมินสมศ. ได้สร้างภาระใหญ่ให้สถาบันอุดมศึกษา .
" เหล่านี้ได้กลายเป็นอุปสรรคในการศึกษาภาระการส่งมอบบริการ
" เขากล่าวอาจารย์มหาวิทยาลัยจำนวนมากได้ร้องเรียนในปีล่าสุดที่พวกเขามีการใช้จ่ายมากเวลาในการจัดเตรียมเอกสารสำหรับการประเมินสมศ. - เวลาที่พวกเขาเชื่อว่าจะใช้ดีกว่าการเตรียมชั้นเรียนของพวกเขา .
ต่อต้านสมศ. ได้ถูกยึดโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่มันเปิดตัวแผนในรอบที่สี่ของการประเมินที่กำหนดจะดำเนินการระหว่างปี 2016 และ 2020 .
" ในรอบสี่ เราจะหักคะแนนของสถาบัน หากพบต้องปกปิดข้อมูล " ผอ. สมศ. ผศ ดร ชาญณรงค์ pornrungroj กล่าวว่าเมื่อต้นปีนี้ ถ้า สมศ. เกาะติดแผน ผ่าน เกรดจะอยู่ที่ 70 เปอร์เซ็นต์ สถาบันการศึกษาอาจล้มเหลวในไม่เกินสองตัวที่มีอยู่ สมหวัง
,ที่ตอนนี้เก้าอี้ที่สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ กล่าวว่า สมศ. ในความเป็นจริงมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการประเมินภายนอกที่ใช้ในการประเมินภายในของมหาวิทยาลัย .
" แต่มันมีเมื่อเร็ว ๆนี้พยายามที่จะใช้ชุดของตัวชี้วัดว่า มหาวิทยาลัยได้ใช้ในการดำเนินการประเมินผลภายใน " สมหวัง ชี้ " บนพื้นดินนี้ ,ฉันสามารถเข้าใจได้ว่า มหาวิทยาลัยจะปฏิเสธที่จะน้อมลง ทุกมหาวิทยาลัยมีสิทธิที่จะวางระบบการประกันคุณภาพของตัวเอง . ทุกมหาวิทยาลัยมีสิทธิที่จะตัดสินใจว่าต้องการเป็นมหาวิทยาลัยวิจัยหรืออื่น ๆ " .
สมหวัง บอกว่า สมศ. ควรตระหนักว่ามันมีหน้าที่ที่จะสนับสนุนและส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยในภารกิจของพวกเขา .
" สมศ. ไม่ควรจะบังคับให้ทุกมหาวิทยาลัยที่ผ่านเกณฑ์การวางมัน " เขากล่าว .
ในการปลุกของการพัฒนาล่าสุด , ชาญณรงค์ กล่าวว่า หน่วยงานของเขาก็พร้อมจะปรับปรุง และปรับตัวเองตามผลการประเมินของสกอ. มอบหมาย .
" เราจะพยายามปรับปรุงตัวชี้วัดที่ใช้ในการประเมิน เรายินดีต้อนรับความคิดเห็นจากทุกด้าน " เขากล่าว .
ชาญณรงค์ ยังกล่าวว่า สมศ. ไม่ได้ เลยละเว้นข้อเท็จจริงชุดหนึ่งของตัวชี้วัดได้ ไม่สมควรเลย .
" เรากำลังเตรียมที่จะจัดประเภทมหาวิทยาลัยในกลุ่ม ตามลักษณะและเอกลักษณ์ , " เขากล่าว .
นพ บอกว่าเขารู้สึกการประเมินภายนอกยังคงสำคัญ แต่ว่า สมศ. จะยังคงรับภารกิจนี้ขึ้นอยู่กับ การตัดสินใจของรัฐมนตรีศึกษา .
ดร. รุ่ง แก้วแดง การศึกษาอดีตรอง ได้กล่าวว่า จากการประเมินคุณภาพการศึกษา จำเป็น และมีคุณภาพของผู้ประเมิน .
" ในกระบวนการใช้ ผู้ประเมินควรแน่ใจว่า การประเมินไม่ก่อให้เกิดภาระใด ๆ " เขากล่าว .