ความแตกต่างด้านวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศที่เห็นได้ง่ายๆ ก็คือเรื่อง 'อาหารการกิน' ครับคืออย่างนี้ ชาวอเมริกันเป็นักบุกเบิกมาตั้งแต่ตั้งประทศใหม่ๆ ดังนั้ชีวิตจึงอยู่ทีการเดินทางตลอดเวลา ในสมัยที่ดินแดนฝั่งตะวันพึ่งถูกค้นพบใหม่ ผู้คนทางฝั่งตะวันออกที่ด้อยโอกาศในการจับจองหาพื้นที่ในการทำปศุสัตว์หรือเพราะปลูกจึงตัองเดินทางมาฝั่งตะวันตก ใช้ชีวิตรอนแรมมาในเกวียน ต้องผจญกับอันตรายนานาชนิดรวมไปถึงอินเดียนแดงที่หวงแหนแผ่นดินพยายามหยุดการแห่เข้ามาของพวกผิวขาว ดังนั้นอเมริกันจึงไม่มีเวลามาประดิษฐ์ประดอยอาหาร ดังนั้นอาหารของชาวอเมริกันจึงเรียบง่ายเช่น สเต๊ก ฮ๊อตด๊อก ถั่วต้ม มันบด เป็นต้น กล่าวคือต้องทำเร็ว กินเร็ว แล้วเดินทางต่อ ส่วนของประเทศไทย ที่ได้มีการลงหลักปักฐานมาเป็นพันปีแล้ว และเมื่อยามว่างจากศึกสงคราม ชาวฝ่ายใน ผู้ดีในสมัยนั้นต่างก็ค้นคว้า ปรุงแต่ง ประดิษฐ์ อาหารรสเริศ เจริญตา เจริญใจ อร่อยตั้งแต่ดู ไปจนสัมผัสที่ลิ้น เอาง่าย แค่เรื่อง ไข่ อเมริกัน มีเพียง ไข่คน หรือ scrambel eggs ส่วนของไทย มีทั้งไข่ตุ๋น ไข่เจียมหมูสับ ไข่ลูกเขย ไข่พะโล้ ไข่ต้มยางมะตูม เป็นต้น นอกจากนี้แล้วยังเอามาทำเป็นของหวานได้ร้อยอย่าง
อีกเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องทรงผม อเมริกา เป็นประเทศที่มีอากาศเย็นถึงค่อนข้างเย็นอยู่เกือบตลอดทั้งปี (สมัยก่อนอเมริกันจะอยู่กันแถวฝั่งตะวันออกเช่น New York) ดังนั้นการที่จะสระผมบ่อยๆ ก็เป็นเรื่องที่เสียงจะทำให้ไม่สบาย และผมยาวๆ ก็ทำให้ศีรษะอบอุ่นด้วย แต่เมืองไทยเป็นเมืองร้อน บรรพบุรุษท่านก็ไว้ผมทรงมหาดไทย คือกล้อนด้านหลังจนเตียนแล้วมีเป็นปีกอยู่บนศีรษะ คือรับกับภูมิอากาศ ที่นี้คนไทยสมัยก่อนดูหนังฝรังแล้วก็เอาอย่างไว้ผมยาวทรงต่างๆ ตามหนังฝรัง ก็เลยตามๆ กันมา