ake the notion of a KPI, or key per

ake the notion of a KPI, or key performance indicator, for example. You’ll hear a lot in different organisations about KPIs, but they are not always used effectively.

As the name indicates, KPIs concern “key” areas of the business. You only want a few of them, but they have to be linked directly to the main goals of your enterprise.

When you know where you want your business to go, what you want it to achieve, and which areas of the business will be crucial for that, then those few KPIs should tell you if those crucial areas are performing sufficiently well.
What examples of relevant KPIs can you give?

Let’s start with manufacturing. In this environment, an effective key performance indicator might be “adherence to plan”. This is the critical measure of how well the factory did in making the products it was asked to make, on the day it was asked to make them. We might also use a KPI to track adherence to cost standards within manufacturing; for example, to see how effective a yield we get from a fixed number of man-hours or a fixed amount of material.

Customer satisfaction and costs are two vital measures for supply chains and logistics as well. To measure how well we are doing on customer satisfaction, we can use a KPI to measure how well the supply chain does in delivering in full and on time to our customers who order products from us.

To check up on our performance in managing costs, a key performance indicator can be the amount of inventory we have in stock. This is often expressed in the number of days of inventory, or “finished goods turns”, the number of times your inventory is turned over in a year.

“Inventory days” (or “inventory turns”) is a KPI that some people find difficult to understand. Here’s a simple way of looking at it. If you have a million dollars’ worth of inventory in your warehouse, how many days would that inventory last you at your current or projected sales rate, if you made no further re-stocks of inventory? If it lasted you two months, or say sixty days, you would have sixty “inventory days”.

If it just lasted two days, you would have two “inventory days”. Yet it’s a KPI worth understanding because it’s important both for managing costs (you want low inventory and high turnover) and customer satisfaction (you still need enough
inventory to meet peak customer demand).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เอกแนวคิด KPI หรือตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพหลัก ตัวอย่าง คุณจะได้ยินมากในองค์กรต่าง ๆ เกี่ยวกับ Kpi แต่พวกเขาจะไม่ใช้เสมอได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นชื่อบ่งชี้ Kpi เกี่ยวกับเรื่อง "หลัก" ของธุรกิจ คุณต้องการกี่ของพวกเขา แต่พวกเขาจะต้องเชื่อมโยงกับเป้าหมายหลักขององค์กรของคุณโดยตรงเมื่อคุณทราบที่คุณต้องการให้ธุรกิจของคุณไป สิ่งที่คุณต้องการบรรลุ และพื้นที่ของธุรกิจจะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับที่ Kpi นั้นไม่ควรบอกคุณถ้า พื้นที่สำคัญกำลังพอดีคุณสามารถแสดงตัวอย่างสิ่งของ Kpi ที่เกี่ยวข้องเริ่ม มีการผลิต ในสภาพแวดล้อมนี้ ตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพหลักอาจจะ "ต่าง ๆ ในการวางแผน" วัดสำคัญของโรงงานไม่ได้ในการทำผลิตภัณฑ์ที่ต้องทำ ในวันที่ถูกขอให้วิธีที่ดีอยู่ นอกจากนี้เรายังอาจใช้ KPI เป็นการติดตามต่าง ๆ ต้นทุนมาตรฐานในการผลิต ตัวอย่าง เพื่อดูผลตอบแทนเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ ที่เราได้จากจำนวนค่าคงที่หรือยอดเงินคงที่ของวัสดุความพึงพอใจของลูกค้าและต้นทุนสองมาตรการที่สำคัญในห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์เป็นอย่างดี วัดอย่างไรดีเราทำบนความพึงพอใจของลูกค้า เราสามารถใช้ KPI เป็นการวัดด้วยวิธีโซ่ไม่ในส่งเต็มจำนวน และ ตรงเวลาเพื่อลูกค้าของเราที่สั่งผลิตภัณฑ์จากเราการตรวจสอบค่าของประสิทธิภาพในการจัดการทุน ตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพหลักได้จำนวนสินค้าคงคลังที่มีอยู่ในสต็อก นอกจากนี้นี้มักจะแสดงเป็นจำนวนวันของสินค้าคง คลัง หรือ "เปลี่ยนสินค้าเสร็จสิ้น" จำนวนครั้งที่สินค้าคงคลังของคุณจะเปิดมากกว่าในปี"สินค้าคงคลังวัน" (หรือ "เปลี่ยนสินค้าคงคลัง") เป็น KPI ที่บางคนเข้าใจได้ยาก นี่คือของมัน ถ้าคุณมีล้านดอลลาร์ของมูลค่าของสินค้าคงคลังในคลังสินค้าของคุณ จำนวนวันจะสุดท้ายคุณของปัจจุบัน หรือคาดการณ์ขายราคา ถ้าคุณไม่เติมใหม่สะท้อนของสินค้าคงคลัง ถ้ามันกินเวลาคุณสองเดือน หรือพูด 60 วัน คุณจะมีหกสิบ "วันในสินค้าคงคลัง"ถ้ามันเพียงกินเวลาสองวัน คุณจะมีสอง "วันในสินค้าคงคลัง" แต่มันเป็น KPI ที่น่าทำความเข้าใจเนื่องจากมีความสำคัญทั้งในการบริหารต้นทุน (คุณต้องการสินค้าคงคลังต่ำสุดและการหมุนเวียนสูง) และความพึงพอใจลูกค้า (คุณยังคงต้องการเพียงพอสินค้าคงคลังเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าสูงสุด)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เอกความคิดของตัวชี้วัดที่หรือตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพที่สำคัญเช่น คุณจะได้ยินมากในองค์กรที่แตกต่างกันเกี่ยวกับตัวชี้วัด แต่พวกเขาจะไม่ได้ใช้เสมอได้อย่างมีประสิทธิภาพ. เป็นชื่อที่แสดง, ตัวชี้วัดความห่วงใย "ที่สำคัญ" พื้นที่ของธุรกิจ คุณเพียงต้องการกี่ของพวกเขา แต่พวกเขาจะต้องมีการเชื่อมโยงโดยตรงกับเป้าหมายหลักขององค์กรของคุณ. เมื่อคุณรู้ว่าคุณต้องการให้ธุรกิจของคุณที่จะไปสิ่งที่คุณต้องการเพื่อให้บรรลุและพื้นที่ที่ของธุรกิจที่จะมีความสำคัญ ที่แล้วไม่กี่ตัวชี้วัดเหล่านั้นควรบอกคุณถ้าพื้นที่ที่สำคัญเหล่านี้จะมีประสิทธิภาพพอ. อะไรตัวอย่างของตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องที่คุณสามารถให้? เริ่มต้นให้กับการผลิต ในสภาพแวดล้อมนี้เป็นตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพที่สำคัญที่มีประสิทธิภาพอาจจะเป็น "การยึดมั่นในการวางแผน" นี้เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญของวิธีการที่ดีโรงงานไม่ในการทำผลิตภัณฑ์จะถูกขอให้ทำในวันนั้นก็ถามว่าจะทำให้พวกเขา นอกจากนี้เรายังอาจใช้ KPI ในการติดตามยึดมั่นในมาตรฐานค่าใช้จ่ายในการผลิตภายใน; ตัวอย่างเช่นในการดูวิธีการที่มีประสิทธิภาพให้ผลตอบแทนที่เราได้รับจากคงที่จำนวนชั่วโมงคนหรือเป็นจำนวนคงที่ของวัสดุก. ความพึงพอใจของลูกค้าและค่าใช้จ่ายเป็นสองมาตรการสำคัญสำหรับห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกเช่นกัน การวัดวิธีการที่ดีที่เรากำลังทำอยู่กับความพึงพอใจของลูกค้าเราสามารถใช้ตัวชี้วัดในการวัดวิธีที่ดีที่ห่วงโซ่อุปทานไม่ในการส่งมอบในเต็มรูปแบบและในเวลาที่ให้กับลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าจากเรา. เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของเราในการจัดการค่าใช้จ่าย เป็นตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพที่สำคัญสามารถเป็นปริมาณของสินค้าคงคลังที่เรามีในสต็อก นี้มักจะแสดงในจำนวนวันของสินค้าคงคลังหรือ "สินค้าสำเร็จรูปผลัดกัน" จำนวนครั้งที่สินค้าคงคลังของคุณจะหันไปในปี. "วันสินค้าคงคลัง" (หรือ "เปลี่ยนสินค้าคงคลัง") เป็นตัวชี้วัดที่บางคนหา ยากที่จะเข้าใจ. นี่เป็นวิธีที่ง่ายในการมองไปที่มัน หากคุณมีล้านดอลลาร์มูลค่าของสินค้าคงคลังในคลังสินค้าของคุณกี่วันที่จะสินค้าคงคลังที่อยู่กับท่านที่อัตราการขายในปัจจุบันหรือที่คาดการณ์ของคุณถ้าคุณทำไม่ได้หุ้นใหม่ต่อไปของสินค้าคงคลัง? ถ้ามันกินเวลานานสองเดือนหรือหกสิบวันบอกว่าคุณจะมีหกสิบ "วันสินค้าคงคลัง". ถ้ามันกินเวลาเพียงสองวันคุณจะมีสอง "วันสินค้าคงคลัง" แต่มันเป็นตัวชี้วัดความเข้าใจที่คุ้มค่าเพราะมันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการจัดการทั้งค่าใช้จ่าย (คุณต้องการสินค้าคงคลังต่ำและผลประกอบการสูง) และความพึงพอใจของลูกค้า (คุณยังคงต้องพอที่สินค้าคงคลังเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าสูงสุด)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ถามเรื่องของ KPI หรือตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อม เป็นต้น คุณจะได้ยินมากเกี่ยวกับ KPIs ในองค์กรที่แตกต่างกัน แต่พวกเขาจะไม่เสมอใช้อย่างมีประสิทธิภาพ .

เป็นชื่อที่บ่งบอกของความกังวล " คีย์ " พื้นที่ของธุรกิจ คุณต้องการเพียงไม่กี่ของพวกเขา แต่พวกเขามีการเชื่อมโยงโดยตรงกับเป้าหมายหลักขององค์กรของคุณ .

เมื่อคุณรู้ว่าคุณต้องการให้ธุรกิจของคุณไปสิ่งที่คุณต้องการเพื่อให้บรรลุและที่พื้นที่ของธุรกิจจะต้องสําคัญยิ่ง จากนั้นไม่กี่วัด ควรบอกคุณว่าพื้นที่สำคัญเหล่านั้นมีประสิทธิภาพเพียงพอดี
อะไรตัวอย่างของ KPIs ที่เกี่ยวข้องคุณสามารถให้ ?

เริ่มจากการผลิต ในสภาพแวดล้อมนี้เป็นดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพอาจจะ " ตามแผน "นี้เป็นวัดที่สำคัญของวิธีการที่ดีในการทำโรงงานทำผลิตภัณฑ์ถูกถามเพื่อให้ ในวันถูกถามเพื่อให้พวกเขา เราอาจใช้ KPI เพื่อติดตามต้นทุนภายในการผลิตตามมาตรฐาน เช่น การดูผลผลตอบแทนที่เราได้รับจากการกำหนดจำนวนชั่วโมงคน หรือเป็นจำนวนคงที่ของวัสดุ .

ต้นทุน ความพึงพอใจของลูกค้าและสองมาตรการสำคัญในห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ได้เป็นอย่างดี วัดวิธีที่ดีที่เราทำบนความพึงพอใจของลูกค้า เราสามารถใช้ KPI เพื่อวัดว่าห่วงโซ่อุปทานในการส่งมอบในเต็มรูปแบบและเวลาให้กับลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าจากเรา

มาดูการแสดงของเราในการจัดการต้นทุนตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพหลักสามารถจํานวนสินค้ามีใน Stock นี้มักแสดงออกในจํานวนวันของสินค้าคงคลัง หรือสินค้าสำเร็จรูป กลายเป็น " จำนวนครั้งที่สินค้าคงคลังของคุณจะเปลี่ยนเป็นปี

สินค้าคงคลัง " วัน " ( หรือ " สินค้าคงคลังหัน " ) เป็น KPI ที่บางคนหายากที่จะเข้าใจ นี่เป็นวิธีที่ง่ายในการดูถ้าคุณมีล้านดอลลาร์มูลค่าของสินค้าคงคลังในคลังสินค้าของคุณ กี่วันจะว่าสินค้าคงคลังล่าสุดคุณที่ของคุณปัจจุบันหรือที่คาดการณ์อัตราการขาย ถ้าคุณทำไม่เพิ่มเติมอีกครั้ง หุ้นของสินค้าคงคลัง ? ถ้ามันกินเวลา 2 เดือน หรือ 60 วัน ว่า คุณจะได้หกสิบวันสินค้าคงคลัง "

ถ้ามันกินเวลาสองวัน คุณจะต้องสองสินค้าคงคลัง " วัน "แต่มันเป็น KPI มูลค่าความเข้าใจเพราะว่ามันสำคัญทั้งบริหารต้นทุน ( คุณต้องการสินค้าคงคลังต่ำ และอัตราการหมุนเวียนสูง ) และความพึงพอใจของลูกค้า ( คุณยังต้องมีสินค้าคงคลังเพียงพอเพื่อตอบสนองความต้องการสูงสุดของลูกค้า
)