Kuznets’ HypothesisIn the 1950s and

Kuznets’ Hypothesis

In the 1950s and 1960s, Simon Kuznets hypothesized that as an economy develops, market forces first increase then decrease the overall economic inequality of the society, which is illustrated by the inverted U-shape of the Kuznets curve. For instance, the hypothesis holds that in the early development of an economy, new investment opportunities increase for those who already have the capital to invest. These new investment opportunities mean that those who already hold the wealth have the opportunity to increase that wealth.

Conversely, with the influx of inexpensive rural labor to the cities keeps wages down for the working class thus widening the income gap and escalating economic inequality.

The Kuznets curve implies that as a society industrializes, the center of the economy shifts from rural areas to the cities as rural laborers such as farmers begin to migrate seeking better-paying jobs. This migration, however, results in a large rural-urban income gap and rural populations decrease as urban populations increase. But according to Kuznets’ hypothesis, that same economic inequality is expected to decrease when a certain level of average income is reached and the processes associated with industrialization, such as democratization and the development of a welfare state, take hold. It is at this point in economic development that society is meant to benefit from trickle-down effect and an increase of per-capita income that effectively decreases economic inequality.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

Kuznets สมมติฐาน

ในปี 1950 และ 1960, Simon Kuznets ตั้งสมมติฐานว่าเป็นเศรษฐกิจที่พัฒนากลไกตลาดแรกเพิ่มแล้วลดความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจโดยรวมของสังคมซึ่งจะมีภาพประกอบโดยคว่ำ U-shape ของเส้นโค้ง Kuznets ยกตัวอย่างเช่นสมมติฐานที่ถือได้ว่าอยู่ในช่วงการพัฒนาของเศรษฐกิจ, โอกาสในการลงทุนใหม่เพิ่มขึ้นสำหรับผู้ที่มีเงินทุนในการลงทุน เหล่านี้โอกาสในการลงทุนใหม่หมายความว่าผู้ที่มีอยู่แล้วความมั่งคั่งมีโอกาสที่จะเพิ่มความมั่งคั่งที่

ตรงกันข้ามกับการไหลเข้าของแรงงานในชนบทที่ไม่แพงเพื่อเมืองช่วยให้ค่าจ้างลงสำหรับการเรียนการทำงานจึงขยับขยายช่องว่างรายได้ที่เพิ่มขึ้นและความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ

โค้ง Kuznets อนุมานได้ว่าเป็นสังคม industrializes, ศูนย์กลางของเศรษฐกิจกะจากพื้นที่ชนบทกับเมืองเป็นแรงงานในชนบทเช่นเกษตรกรจะเริ่มต้นในการโยกย้ายกำลังมองหางานที่ดีกว่าการจ่ายเงิน การอพยพครั้งนี้ แต่ผลที่มีขนาดใหญ่ในช่องว่างรายได้ในชนบทเมืองและประชากรในชนบทลดลงเมื่อประชากรในเขตเมืองเพิ่มขึ้น แต่ตาม Kuznets สมมติฐานที่ความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจเดียวกันคาดว่าจะลดลงเมื่อระดับหนึ่งของรายได้เฉลี่ยถึงและกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเช่นประชาธิปไตยและการพัฒนาของรัฐสวัสดิการจะถือ มันอยู่ที่จุดนี้ในการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมจะหมายถึงการได้รับประโยชน์จากผลหยดลงและการเพิ่มขึ้นของรายได้ต่อหัวที่มีประสิทธิภาพลดความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามผลในช่องว่างรายได้ในชนบทเมืองขนาดใหญ่และประชากรในชนบทลดลงเมื่อประชากรในเขตเมืองเพิ่มขึ้น แต่ตาม Kuznets สมมติฐานที่ความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจเดียวกันคาดว่าจะลดลงเมื่อระดับหนึ่งของรายได้เฉลี่ยถึงและกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเช่นประชาธิปไตยและการพัฒนาของรัฐสวัสดิการจะถือ มันอยู่ที่จุดนี้ในการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมจะหมายถึงการได้รับประโยชน์จากผลหยดลงและการเพิ่มขึ้นของรายได้ต่อหัวที่มีประสิทธิภาพลดความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามผลในช่องว่างรายได้ในชนบทเมืองขนาดใหญ่และประชากรในชนบทลดลงเมื่อประชากรในเขตเมืองเพิ่มขึ้น แต่ตาม Kuznets สมมติฐานที่ความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจเดียวกันคาดว่าจะลดลงเมื่อระดับหนึ่งของรายได้เฉลี่ยถึงและกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเช่นประชาธิปไตยและการพัฒนาของรัฐสวัสดิการจะถือ มันอยู่ที่จุดนี้ในการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมจะหมายถึงการได้รับประโยชน์จากผลหยดลงและการเพิ่มขึ้นของรายได้ต่อหัวที่มีประสิทธิภาพลดความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ ที่ความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจเดียวกันคาดว่าจะลดลงเมื่อระดับหนึ่งของรายได้เฉลี่ยถึงและกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเช่นประชาธิปไตยและการพัฒนาของรัฐสวัสดิการจะถือ มันอยู่ที่จุดนี้ในการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมจะหมายถึงการได้รับประโยชน์จากผลหยดลงและการเพิ่มขึ้นของรายได้ต่อหัวที่มีประสิทธิภาพลดความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ ที่ความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจเดียวกันคาดว่าจะลดลงเมื่อระดับหนึ่งของรายได้เฉลี่ยถึงและกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเช่นประชาธิปไตยและการพัฒนาของรัฐสวัสดิการจะถือ มันอยู่ที่จุดนี้ในการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมจะหมายถึงการได้รับประโยชน์จากผลหยดลงและการเพิ่มขึ้นของรายได้ต่อหัวที่มีประสิทธิภาพลดความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สมมติฐานของ คุซเนทในทศวรรษ 1950 และ 1960 ไซมอน คุซเนทตั้งสมมติฐานว่า การเศรษฐกิจ พัฒนากลไกตลาดแรกเพิ่มแล้วลดความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจโดยรวมของสังคม ซึ่งแสดงโดยรูปตัว U กลับหัวของ คุซเนตโค้ง ตัวอย่างสมมติฐานถือที่ในการพัฒนาของเศรษฐกิจ โอกาสการลงทุนใหม่เพิ่ม สำหรับผู้ที่มีเงินทุนที่จะลงทุน โอกาสในการลงทุนใหม่เหล่านี้หมายความ ว่า ผู้ที่ถือความมั่งคั่งมีโอกาสที่จะเพิ่มความมั่งคั่งในทางกลับกัน กับการหลั่งไหลของแรงงานราคาถูกในชนบทเมืองเก็บค่าจ้างลงสำหรับชนชั้นจึงขยับขยายช่องว่างรายได้เพิ่มขึ้น และความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจโดย คุซเนตโค้งแสดงถึงว่าเป็นสังคม industrializes ศูนย์กลางเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงจากชนบทเข้าสู่เมือง เป็นแรงงานในชนบท เช่น ชาวนาเริ่มอพยพหาดีกว่า จ่ายงาน การโยกย้ายนี้ อย่างไรก็ตาม ผลขนาดใหญ่ในชนบทเมืองและชนบทลดช่องว่างรายได้ของประชากรเป็นประชากรเมืองเพิ่มขึ้น แต่ตามสมมติฐานของ คุซเนทที่เดียวกัน ความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจคาดว่าจะลดลงเมื่อระดับรายได้เฉลี่ยถึงและกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรม เช่น ประชาธิปไตย และการพัฒนาของรัฐสวัสดิการ จับ . มันเป็นที่จุดนี้ในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม หมายถึง การได้รับประโยชน์จากหยดลง ผลกระทบ และการเพิ่มขึ้นของรายได้ต่อหัวที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ