Polymorphism in JavaPolymorphism in

Polymorphism in Java

Polymorphism in java is a concept by which we can perform a single action by different ways. Polymorphism is derived from 2 greek words: poly and morphs. The word "poly" means many and "morphs" means forms. So polymorphism means many forms.

There are two types of polymorphism in java: compile time polymorphism and runtime polymorphism. We can perform polymorphism in java by method overloading and method overriding.

If you overload static method in java, it is the example of compile time polymorphism. Here, we will focus on runtime polymorphism in java.

Runtime Polymorphism in Java

Runtime polymorphism or Dynamic Method Dispatch is a process in which a call to an overridden method is resolved at runtime rather than compile-time.

In this process, an overridden method is called through the reference variable of a superclass. The determination of the method to be called is based on the object being referred to by the reference variable.

Let's first understand the upcasting before Runtime Polymorphism.

Upcasting

When reference variable of Parent class refers to the object of Child class, it is known as upcasting. For example:

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความแตกต่างใน Javaความแตกต่างในชวาเป็นแนวคิดที่เราสามารถทำการกระทำเดียว โดยวิธีต่าง ๆ ความแตกต่างที่ได้มาจากภาษากรีก 2 คำ: โพลีและเปลี่ยนรูปร่าง คำว่า "ลี" หมายถึง จำนวนมาก และ "เปลี่ยนรูปร่าง" หมายถึง รูปแบบ ดังนั้น ความแตกต่างหมายถึง หลายรูปแบบมีสองประเภทของความแตกต่างในชวา: คอมไพล์เวลาที่แตกต่างและความแตกต่างในการรันไทม์ เราสามารถทำความแตกต่างในชวา โดยวิธีการบรรทุกเกินพิกัดและวิธีแทนถ้าคุณเกินวิธีคงใน java มันเป็นตัวอย่างของความแตกต่างของเวลาคอมไพล์ ที่นี่ เราจะเน้นความแตกต่างของรันไทม์ใน javaความแตกต่างของรันไทม์ใน Javaความแตกต่างของรันไทม์หรือแบบไดนามิกวิธีส่งเป็นกระบวนการที่เรียกวิธีการแทนที่ได้รับการแก้ไขที่รันไทม์มากกว่าเวลาคอมไพล์ในกระบวนการนี้ วิธีการแทนที่จะเรียกว่าผ่านตัวแปรอ้างอิงของเครื่องซุปเปอร์คลาส กำหนดวิธีการจะเรียกว่าเป็นไปตามวัตถุที่อ้างถึง โดยตัวแปรอ้างอิงลองแรกเข้าใจ upcasting ก่อนรันไทม์ความแตกต่างUpcastingเมื่ออ้างอิงตัวแปรคลาสพาเรนต์หมายถึงออบเจ็กต์ของคลาสลูก เป็นที่รู้จักกัน upcasting ตัวอย่างเช่น:

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความแตกต่างในชวา

polymorphism ใน java เป็นแนวคิดโดยที่เราสามารถดำเนินการกระทำเดียวโดยวิธีการที่แตกต่างกัน ความแตกต่างที่ได้มาจาก 2 คำกรีก: โพลีและ morphs คำว่า "โพลี" หมายความว่าจำนวนมากและ "morphs" หมายถึงรูปแบบ ดังนั้นหมายความว่าความแตกต่างหลายรูปแบบ.

มีสองประเภทของความแตกต่างใน java คือรวบรวมความแตกต่างเวลาและความแตกต่าง Runtime เราสามารถดำเนินการแตกต่างใน java โดยวิธีการบรรทุกเกินพิกัดและวิธีเอาชนะ.

หากเกินคุณวิธีการแบบคงที่ใน Java ก็เป็นตัวอย่างของความแตกต่างรวบรวมเวลา ที่นี่เราจะมุ่งเน้นไปที่ความแตกต่างใน runtime Java.

Runtime ความแตกต่างใน Java

Runtime polymorphism หรือวิธีการแบบไดนามิกส่งเป็นกระบวนการที่เรียกร้องให้วิธีการแทนที่ได้รับการแก้ไขที่รันไทม์มากกว่ารวบรวมเวลา.

ในขั้นตอนนี้วิธีการแทนที่คือ เรียกว่าผ่านตัวแปรอ้างอิงของ superclass การกำหนดวิธีการที่จะเรียกว่าอยู่บนพื้นฐานของวัตถุที่ถูกอ้างถึงโดยตัวแปรอ้างอิง.

Let 's แรกเข้าใจ upcasting ก่อน Runtime Polymorphism. the

Upcasting

เมื่อตัวแปรอ้างอิงของระดับผู้ปกครองหมายถึงวัตถุของคลาสเด็กที่เป็นที่รู้จักกัน upcasting . ตัวอย่างเช่น:

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความหลากหลายในจาวาความหลากหลายใน Java เป็นแนวคิดที่เราสามารถดำเนินการการกระทำเดียวโดยวิธีที่แตกต่างกัน จึงมาจาก 2 คำกรีก : โพลีและ morphs . คำว่า " โพลี " หมายความว่า หลายรูปแบบและ " กลายเป็น " หมายถึง ดังนั้นจึงหมายความว่า หลายรูปแบบมีสองประเภทของ polymorphism ใน Java Runtime : รวบรวมความหลากหลายและความหลากหลาย . เราสามารถแสดงความหลากหลายใน Java โดยวิธีโหลดและวิธีการเอาชนะ .ถ้าคุณใช้วิธีการแบบคงที่ในชวา เป็นตัวอย่างของการรวบรวม - เวลา ที่นี่เราจะเน้น Runtime ) ในภาษาจาวาความหลากหลายใน Java Runtimeรันไทม์ ) หรือส่งแบบไดนามิกเป็นกระบวนการที่เรียกเพื่อแทนที่วิธีการแก้ไข Runtime มากกว่าการคอมไพล์ในกระบวนการนี้ แทนที่วิธีการที่เรียกว่าผ่านการอ้างอิงตัวแปรของซูเปอร์คลาส . การหาวิธีที่จะเรียกว่าขึ้นอยู่กับวัตถุที่ถูกอ้างถึงโดยการอ้างอิงตัวแปรเราเข้าใจ upcasting ก่อนรันไทม์ ) .upcastingเมื่ออ้างอิงตัวแปรของคลาสแม่ หมายถึง วัตถุของคลาสลูก มันเป็นที่รู้จักกันเป็น upcasting . ตัวอย่างเช่น :