ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติภูแลนคา

ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติภูแลนคา เป็นกลุ่มหินขนาดใหญ่จำนวน 3 กลุ่ม โดยจะมีหินทรายก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งเป็นสีขาวและโดดเด่นในพื้นที่ และเป็นที่มาของคำว่า มอหินขาว และในบริเวณยังมีเสาหินขนาดใหญ่จำนวน 5 เสา ตั้งเรียงรายกันเป็นแถว มีความสูงประมาณ 12 เมตร นอกจากนั้นยังมีแท่นหินที่มีรูปร่างคล้ายเรือ เจดีย์ หอเอียงเมืองปิซ่า และคล้ายกระดองเต่า ซึ่งจัดเป็นกลุ่มหินที่ 1 กลุ่มหินที่ 2 อยู่ห่างออกไป แท่นหินจะมีรูปร่างแปลกแตกต่างกันออกไป และเมื่อห่างออกไปอีกประมาณ 1,500 เมตร จะเป็นกลุ่มหินที่ 3 ที่เป็นแท่นหินและเสาหินขนาดเล็ก โดยลาดเอียงขึ้นไปจดหน้าผาที่มีชื่อว่า ผาหัวนาก และบริเวณมอหินขาวยังเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงามแห่งหนึ่งของจังหวัดชัยภูมิ
ที่มาของชื่อ มอหินขาว: เดิมพื้นที่แถวนี้เป็นป่า ต่อมาได้มีคนมาบุกเบิกทำไร่ และก็เห็นมีก้อนหินขนาดใหญ่อยู่ทั่วไปแต่ ก็ไม่ได้สนใจอะไร ที่ไร่มันสำปะหลัง (ในสมัยนั้น) ของลุงก็มีก้อนหินใหญ่ขึ้นทั่วไป แต่ที่ลุงเห็นว่าแปลกประหลาดมาก ก็คือก้อนหินใหญ่ 5 ก้อน ที่ในทุกคืนวันพระ (15 ค่ำ, 8 ค่ำ) จะมีแสงสีขาวส่องขึ้นมา คนเฒ่าคนแก่สมัยนั้น เลยเรียกที่นี่ว่ามอหินขาวสโตนเฮนจ์ เมืองไทย“เสาหินและแท่งหิน ที่มอหินขาวส่วนใหญ่เป็นหินทรายสีขาว นอกจากนี้ก็ยังมี หินทรายแป้ง หินโคลน หินทรายสีม่วง ซึ่งสันนิษฐานว่าก้อนหินขนาดยักษ์เหล่านี้มีอายุประมาณ 175-195 ล้านปี และเกิดจากการสะสมตัวของตะกอนทรายแป้งและดินเหนียว
กลุ่มหินของมอหินขาวกลุ่มที่โดดเด่นที่สุด คือ กลุ่มหินแรกที่มีเสาหินขนาดใหญ่ 5 ต้นเรียงรายกันอยู่ เสาหินเหล่านี้มีความสูงราว 12 เมตร ต้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดต้องใช้คนโอบไม่น้อยกว่า 20 คน เชื่อว่าที่นี่จะได้รับความนิยมในบ้านเราในเวลาไม่นานนัก

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคาเป็นกลุ่มหินขนาดใหญ่จำนวน 3 กลุ่มโดยจะมีหินทรายก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งเป็นสีขาวและโดดเด่นในพื้นที่และเป็นที่มาของคำว่ามอหินขาวและในบริเวณยังมีเสาหินขนาดใหญ่จำนวน 5 เสาตั้งเรียงรายกันเป็นแถวมีความสูงประมาณ 12 เมตรนอกจากนั้นยังมีแท่นหินที่มีรูปร่างคล้ายเรือเจดีย์หอเอียงเมืองปิซ่าและคล้ายกระดองเต่าซึ่งจัดเป็นกลุ่มหินที่ 1 กลุ่มหินที่ 2 อยู่ห่างออกไปแท่นหินจะมีรูปร่างแปลกแตกต่างกันออกไปและเมื่อห่างออกไปอีกประมาณ 1500 เมตรจะเป็นกลุ่มหินที่ 3เป็นแท่นหินและเสาหินขนาดเล็กโดยลาดเอียงขึ้นไปจดหน้าผาที่มีชื่อว่าผาหัวนากและบริเวณมอหินขาวยังเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงามแห่งหนึ่งของจังหวัดชัยภูมิ ที่มาของชื่อ มอหินขาว: เดิมพื้นที่แถวนี้เป็นป่า ต่อมาได้มีคนมาบุกเบิกทำไร่ และก็เห็นมีก้อนหินขนาดใหญ่อยู่ทั่วไปแต่ ก็ไม่ได้สนใจอะไร ที่ไร่มันสำปะหลัง (ในสมัยนั้น) ของลุงก็มีก้อนหินใหญ่ขึ้นทั่วไป แต่ที่ลุงเห็นว่าแปลกประหลาดมาก ก็คือก้อนหินใหญ่ 5 ก้อน ที่ในทุกคืนวันพระ (15 ค่ำ, 8 ค่ำ) จะมีแสงสีขาวส่องขึ้นมา คนเฒ่าคนแก่สมัยนั้น เลยเรียกที่นี่ว่ามอหินขาวสโตนเฮนจ์ เมืองไทย“เสาหินและแท่งหิน ที่มอหินขาวส่วนใหญ่เป็นหินทรายสีขาว นอกจากนี้ก็ยังมี หินทรายแป้ง หินโคลน หินทรายสีม่วง ซึ่งสันนิษฐานว่าก้อนหินขนาดยักษ์เหล่านี้มีอายุประมาณ 175-195 ล้านปี และเกิดจากการสะสมตัวของตะกอนทรายแป้งและดินเหนียว กลุ่มหินของมอหินขาวกลุ่มที่โดดเด่นที่สุด คือ กลุ่มหินแรกที่มีเสาหินขนาดใหญ่ 5 ต้นเรียงรายกันอยู่ เสาหินเหล่านี้มีความสูงราว 12 เมตร ต้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดต้องใช้คนโอบไม่น้อยกว่า 20 คน เชื่อว่าที่นี่จะได้รับความนิยมในบ้านเราในเวลาไม่นานนัก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคาเป็นกลุ่มหินขนาดใหญ่จำนวน 3 กลุ่ม และเป็นที่มาของคำว่ามอหินขาว 5 เสาตั้งเรียงรายกันเป็นแถวมีความสูงประมาณ 12 เมตร เจดีย์หอเอียงเมืองปิซ่าและคล้ายกระดองเต่าซึ่งจัดเป็นกลุ่มหินที่ 1 กลุ่มหินที่ 2 อยู่ห่างออกไป และเมื่อห่างออกไปอีกประมาณ 1,500 เมตรจะเป็นกลุ่มหินที่ 3 ที่เป็นแท่นหินและเสาหินขนาดเล็ก ผาหัวนาก
มอหินขาว: เดิมพื้นที่แถวนี้เป็นป่าต่อมาได้มีคนมาบุกเบิกทำไร่ ก็ไม่ได้สนใจอะไรที่ไร่มันสำปะหลัง (ในสมัยนั้น) ของลุงก็มีก้อนหินใหญ่ขึ้นทั่วไป แต่ที่ลุงเห็นว่าแปลกประหลาดมากก็คือก้อนหินใหญ่ 5 ก้อนที่ในทุกคืนวันพระ (15 ค่ำ, 8 ค่ำ ) จะมีแสงสีขาวส่องขึ้นมาคนเฒ่าคนแก่สมัยนั้น เมืองไทย "เสาหินและแท่งหิน นอกจากนี้ก็ยังมีหินทรายแป้งหินโคลนหินทรายสีม่วง 175-195 ล้านปี
คือกลุ่มหินแรกที่มีเสาหินขนาดใหญ่ 5 ต้นเรียงรายกันอยู่เสาหินเหล่านี้มีความสูงราว 12 เมตร 20 คน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคาเป็นกลุ่มหินขนาดใหญ่จำนวน 3 กลุ่มโดยจะมีหินทรายก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งเป็นสีขาวและโดดเด่นในพื้นที่และเป็นที่มาของคำว่ามอหินขาวและในบริเวณยังมีเสาหินขนาดใหญ่จำนวน 5 เสามีความสูงประมาณ 12 เมตรนอกจากนั้นยังมีแท่นหินที่มีรูปร่างคล้ายเรือเจดีย์หอเอียงเมืองปิซ่าและคล้ายกระดองเต่าซึ่งจัดเป็นกลุ่มหินที่ 1 กลุ่มหินที่ 2 อยู่ห่างออกไปแท่นหินจะมีรูปร่างแปลกแตกต่างกันออกไป1500 เมตรจะเป็นกลุ่มหินที่ 3 ที่เป็นแท่นหินและเสาหินขนาดเล็กโดยลาดเอียงขึ้นไปจดหน้าผาที่มีชื่อว่าผาหัวนากและบริเวณมอหินขาวยังเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงามแห่งหนึ่งของจังหวัดชัยภูมิ
ที่มาของชื่อมอหินขาว :เดิมพื้นที่แถวนี้เป็นป่าต่อมาได้มีคนมาบุกเบิกทำไร่และก็เห็นมีก้อนหินขนาดใหญ่อยู่ทั่วไปแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรที่ไร่มันสำปะหลัง ( ในสมัยนั้น ) ของลุงก็มีก้อนหินใหญ่ขึ้นทั่วไปแต่ที่ลุงเห็นว่าแปลกประหลาดมาก5 ก้อนที่ในทุกคืนวันพระค่ำ ( 15 ,8 ค่ำ ) จะมีแสงสีขาวส่องขึ้นมาคนเฒ่าคนแก่สมัยนั้นเลยเรียกที่นี่ว่ามอหินขาวสโตนเฮนจ์เมืองไทย " เสาหินและแท่งหินที่มอหินขาวส่วนใหญ่เป็นหินทรายสีขาวนอกจากนี้ก็ยังมีหินทรายแป้งหินโคลนหินทรายสีม่วง175-195 ล้านปีและเกิดจากการสะสมตัวของตะกอนทรายแป้งและดินเหนียว
กลุ่มหินของมอหินขาวกลุ่มที่โดดเด่นที่สุดความกลุ่มหินแรกที่มีเสาหินขนาดใหญ่ 5 ต้นเรียงรายกันอยู่เสาหินเหล่านี้มีความสูงราว 12 เมตรต้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดต้องใช้คนโอบไม่น้อยกว่า 20 คน