Motorcycle crashes result in a sign

Motorcycle crashes result in a significant health burden, including many fatal injuries and serious non-fatal head injuries. Helmets are highly effective in preventing such trauma, and jurisdictions that require helmet use of all motorcyclists have higher rates of helmet use and lower rates of head injuries among motorcyclists. The current study examines helmet use and characteristics of helmeted operators and their riding conditions in Michigan, following a weakening of the state’s universal motorcycle helmet use law in April 2012. Data on police-reported crashes occurring during 2012–14 and from a stratified roadside observational survey undertaken in Southeast Michigan during May-September 2014 were used to estimate statewide helmet use rates. Observed helmet use was more common among operators of sports motorcycles, on freeways, and in the morning, and least common among operators of cruisers, on minor arterials, and in the afternoon. The rate of helmet use across the state was estimated at 75%, adjusted for roadway type, motorcycle class, and time of day. Similarly, the helmet use rate found from examination of crash records was 73%. In the observation survey, 47% of operators wore jackets, 94% wore long pants, 54% wore boots, and 80% wore gloves. Protective clothing of jackets and gloves was most often worn by sport motorcycle operators and long pants and boots most often by riders of touring motorcycles. Findings highlight the much lower rate of helmet use in Michigan compared with states that have a universal helmet use law, although the rate is higher than observed in many states with partial helmet laws. Targeted interventions aimed at specific groups of motorcyclists and situations where helmet use rates are particularly low should be considered to increase helmet use.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

รถจักรยานยนต์ล้มเหลวส่งผลให้ภาระสำคัญสุขภาพ รวมทั้งการบาดเจ็บร้ายแรงและไม่ร้ายแรงหัวบาดจำนวนมาก หมวกกันน็อคที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการบาดเจ็บดังกล่าว และอำนาจที่ต้องใช้หมวกกันน็อคทั้งผู้ขี่มีอัตราสูงกว่าการใช้หมวกกันน็อคและลดการบาดเจ็บที่ศีรษะระหว่างขับขี่รถจักรยานยนต์ การศึกษาปัจจุบันตรวจสอบใช้หมวกกันน็อก และลักษณะของผู้ประกอบการชนหินและเงื่อนไขของพวกเขาขี่ในมิชิแกน ต่อความอ่อนแอของหมวกกันน็อครถจักรยานยนต์สากลของรัฐใช้กฎหมายในเดือน 2555 เมษายน ข้อมูลในรายงานตำรวจล้มเหลวเกิดขึ้นในระหว่างปี 2012 – 14 และ จากการสำรวจสังเกตการณ์ฉุกเฉินจำนวนชั้นของเซลล์ดำเนินในมิชิแกนตะวันออกเฉียงใต้ในระหว่างพฤษภาคม-2557 กันยายนถูกใช้ในการประเมินอัตราใช้หมวกมึ ใช้หมวกกันน็อกที่สังเกตได้ทั่วไปในหมู่ผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์กีฬา หลุย และ ในตอน เช้า และทั่วไปอย่างน้อยในหมู่ผู้ประกอบการของเรือลาดตะเวณ arterials เล็กน้อย และ ในช่วงบ่าย อัตราการใช้หมวกกันน็อกข้ามรัฐได้ประมาณ 75% การปรับปรุงสำหรับชนิดของถนน รถจักรยานยนต์ชั้น และเวลาของวัน ในทำนองเดียวกัน หมวกใช้อัตราที่พบจากการตรวจสอบของระเบียนความล้มเหลวคือ 73% ในการสังเกตสำรวจ 47% ของผู้ประกอบการสวมแจ็คเก็ต 94% สวมกางเกงขายาว 54% สวมรองเท้าบูท และ 80% สวมถุงมือ ป้องกันผ้าของเสื้อและถุงมือเป็นส่วนใหญ่มักจะสวมใส่ โดยผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์กีฬา และกางเกงขายาว และรองเท้าบ่อยที่สุด โดยผู้ขับขี่ของรถจักรยานยนต์เช่น ผลการวิจัยเน้นมากอัตราที่ต่ำกว่าการใช้หมวกในมิชิแกนเมื่อเทียบกับอเมริกาที่มีหมวกกันน็อกสากลใช้กฎหมาย ถึงแม้ว่าอัตราสูงกว่าที่พบในหลายรัฐกฎหมายหมวกบางส่วน แทรกแซงเป้าหมายมุ่งกลุ่มผู้ขี่และสถานการณ์ที่ต่ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราการใช้หมวกนิรภัยควรพิจารณาการเพิ่มการใช้หมวกกันน็อก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เกิดปัญหารถจักรยานยนต์ส่งผลให้ภาระสุขภาพที่สำคัญรวมทั้งการบาดเจ็บร้ายแรงจำนวนมากและการบาดเจ็บที่ศีรษะไม่ร้ายแรงร้ายแรง หมวกกันน็อกที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการบาดเจ็บดังกล่าวและเขตอำนาจศาลที่ต้องใช้หมวกกันน็อกของการขับขี่รถจักรยานยนต์ทุกคนมีอัตราที่สูงขึ้นในการใช้หมวกกันน็อกและอัตราการลดลงของการบาดเจ็บที่ศีรษะในหมู่ขับขี่รถจักรยานยนต์ การศึกษาในปัจจุบันการตรวจสอบการใช้หมวกกันน็อกและลักษณะของผู้ประกอบการและเงื่อนไขในการสวมหมวกขี่ม้าของพวกเขาในรัฐมิชิแกนต่อไปนี้การอ่อนตัวลงของกฎหมายรถจักรยานยนต์ใช้หมวกนิรภัยของรัฐสากลในเดือนเมษายน 2012 ข้อมูลเกี่ยวกับการเกิดปัญหาตำรวจรายงานเกิดขึ้นในระหว่าง 2012-14 และจากการสังเกตการณ์ริมถนนแซด การสำรวจดำเนินการในมิชิแกนตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงเดือนพฤษภาคมกันยายน 2014 ถูกนำมาใช้ในการประมาณการอัตราการใช้หมวกกันน็อกโจเซฟ ใช้หมวกกันน็อกที่สังเกตเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้นในหมู่ผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์กีฬาบนทางด่วนและในตอนเช้าและน้อยร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการของตำรวจบนถนนสายเล็ก ๆ น้อย ๆ และในช่วงบ่าย อัตราการใช้หมวกกันน็อกทั่วประเทศอยู่ที่ประมาณ 75% ปรับสำหรับประเภทถนนระดับรถจักรยานยนต์และเวลาของวัน ในทำนองเดียวกันอัตราการใช้หมวกกันน็อกที่พบจากการตรวจสอบความผิดพลาดของการบันทึกเป็น 73% ในการสำรวจการสังเกต, 47% ของผู้ประกอบการสวมแจ็คเก็ต 94% สวมกางเกงขายาว 54% สวมรองเท้าและสวมถุงมือ 80% เสื้อผ้าที่ใช้ป้องกันของแจ็คเก็ตและถุงมือที่ได้รับส่วนใหญ่มักจะสวมใส่โดยผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์กีฬาและกางเกงขายาวและรองเท้าส่วนใหญ่มักจะขี่รถจักรยานยนต์เดินทาง ผลการวิจัยเน้นอัตราที่ต่ำมากในการใช้หมวกกันน็อกในมิชิแกนเมื่อเทียบกับรัฐที่มีกฎหมายการใช้หมวกกันน็อกสากลแม้จะเป็นอัตราที่สูงกว่าข้อสังเกตในหลายรัฐที่มีกฎหมายบางส่วนหมวกกันน็อก การแทรกแซงการกำหนดเป้​​าหมายการมุ่งเป้าไปที่กลุ่มที่เฉพาะเจาะจงของการขับขี่รถจักรยานยนต์และสถานการณ์ที่มีอัตราการใช้หมวกนิรภัยต่ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งควรได้รับการพิจารณาจะเพิ่มการใช้หมวกกันน็อก