Coffea arabica coffee represents be

Coffea arabica coffee represents between seventy and seventy-five percent of world production[5] and it would be much higher if arabica were not as susceptible to disease as it is.[6]

Before the end of the 19th century, arabica was indeed the exclusive producer of all coffee in the world[7] but the first documented outbreak of coffee leaf rust (CLR) disease decimated crops around the world, prompting many farmers to explore alternative crops.

While some countries almost completely replaced coffee production with alternative crops, Indonesia began introducing robusta, which has both a high yield in fruit and a high level of resistance to CLR. Unfortunately, robusta also produces lower quality coffee. During the first half of the 20th century, East Java pioneered systematic breeding designs on robusta coffee, which would become "exemplary to all subsequent breeding programmes of robusta coffee in India and Africa.[8]" This knowledge of robusta is critical for modern coffee breeding because robusta is the main source of pest and disease traits not found in arabica.[9]

Prior to the mid-1900s, arabica coffee breeding involved simple line selection with an emphasis mostly on favorable adaptation to local growing conditions, fruit yield, and cup quality. But in the late 1970s and 1980s, various countries started breeding programs designed to create cultivars resistant to CLR.[10] The intensity of these later breeding programs was a direct response to the serious threat CLR posed to crops. The results of these and other breeding programs have produced a number of important cultivars worth mentioning (see list below).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กาแฟอาราบิก้ากาแฟถึงเจ็ดสิบถึงเจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์ผลิตโลก [5] และจะสูงมากถ้าไม่เป็นอ่อนแอโรคมันเป็นอาราบิก้า [6]ก่อนสิ้นศตวรรษที่ 19 อาราบิก้าเป็นแน่นอนเป็นผู้ผลิตเฉพาะของกาแฟในโลก [7] แต่การระบาดบันทึกแรกของกาแฟใบสนิม (CLR) decimated โรคพืชทั่วโลก แจ้งเกษตรกรหลายแห่งพืชอื่นในขณะที่บางประเทศเกือบทั้งหมดแทนที่ผลิตกาแฟ ด้วยพืชอื่น อินโดนีเซียเริ่มแนะนำโรบัสต้า ซึ่งมีผลตอบแทนสูงในผลไม้และระดับความต้านทานการ CLR อับ โรบัสต้ายังผลิตกาแฟคุณภาพต่ำ ในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 ชวาตะวันออกบุกเบิกออกแบบระบบปรับปรุงพันธุ์ในกาแฟโรบัสต้า ซึ่งจะกลายเป็น "ดังที่กล่าวไปเพาะพันธุ์ต่อมาหลักสูตรทั้งหมดของกาแฟโรบัสต้าในอินเดียและแอฟริกา [8] "ความรู้ของโรบัสต้าเป็นสำคัญสำหรับพันธุ์ เพราะโรบัสต้าเป็นแหล่งหลักของลักษณะแมลงและโรคที่ไม่พบในอาราบิก้ากาแฟทันสมัย [9]ก่อนกลางปีผู้ อาราบิก้ากาแฟพันธุ์เส้นอย่างง่ายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกเน้นส่วนใหญ่ปรับตัวดีขึ้นเงื่อนไข ผลไม้ผลผลิต และถ้วยคุณภาพ แต่ในปลายทศวรรษ 1970 และทศวรรษ 1980 ประเทศต่าง ๆ เริ่มต้นโปรแกรมที่ออกแบบให้ทนต่อการ CLR สายพันธุ์การเพาะพันธุ์ [10] ความเข้มข้นของโปรแกรมการปรับปรุงพันธุ์เหล่านี้ภายหลังถูกตอบสนองภัยคุกคามร้ายแรงที่ CLR ถูกวางให้พืชโดยตรง เหล่านี้และโปรแกรมอื่น ๆ ผสมพันธุ์ได้มีผลิตพันธุ์สำคัญมูลค่าการกล่าวขวัญ (ดูรายการด้านล่าง)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กาแฟกาแฟอาราบิก้าเป็นตัวแทนระหว่างเจ็ดสิบและร้อยละเจ็ดสิบห้าของการผลิตโลก [5] และมันจะเป็นมากขึ้นถ้าอาราบิก้าไม่ได้เป็นความเสี่ยงที่จะเป็นโรคที่มันเป็น. [6] ก่อนสิ้นศตวรรษที่ 19, อาราบิก้าเป็นจริง ผู้ผลิต แต่เพียงผู้เดียวของกาแฟทั้งหมดในโลก [7] แต่การระบาดครั้งแรกที่บันทึกของใบกาแฟสนิม (CLR) โรคทำลายพืชทั่วโลกกระตุ้นให้เกษตรกรจำนวนมากในการสำรวจพืชทางเลือก. ในขณะที่บางประเทศแทนที่เกือบสมบูรณ์การผลิตกาแฟที่มีการปลูกพืชทางเลือก อินโดนีเซียเริ่มแนะนำโรบัสต้าซึ่งมีทั้งผลตอบแทนสูงในผลไม้และระดับสูงของความต้านทานต่อการ CLR แต่น่าเสียดายที่โรบัสต้ายังผลิตกาแฟที่มีคุณภาพต่ำ ในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20, Java ตะวันออกเป็นหัวหอกในการออกแบบปรับปรุงพันธุ์เป็นระบบเกี่ยวกับกาแฟโรบัสต้าซึ่งจะกลายเป็น "ตัวอย่างที่ดีให้กับทุกโปรแกรมการปรับปรุงพันธุ์ที่ตามมาของกาแฟโรบัสต้าในประเทศอินเดียและแอฟริกา. [8]" ความรู้เกี่ยวกับโรบัสต้านี่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับกาแฟที่ทันสมัย พันธุ์เพราะโรบัสต้าเป็นแหล่งที่มาหลักของศัตรูพืชและโรคลักษณะที่ไม่พบในอาราบิก้า. [9] ก่อนที่จะปี 1900 ช่วงกลางเดือนพันธุ์กาแฟอาราบิก้าที่เกี่ยวข้องกับการเลือกสายที่เรียบง่ายที่มีความสำคัญส่วนใหญ่ในการปรับตัวที่ดีต่อสภาพการเจริญเติบโตในท้องถิ่นผลผลิตผลไม้และ ถ้วยที่มีคุณภาพ แต่ในช่วงปลายปี 1970 และ 1980, ประเทศต่าง ๆ เริ่มต้นโปรแกรมการปรับปรุงพันธุ์ออกแบบมาเพื่อสร้างสายพันธุ์ที่ทนต่อ CLR. [10] ความรุนแรงของโปรแกรมการปรับปรุงพันธุ์ต่อมาเหล่านี้คือการตอบสนองโดยตรงกับภัยคุกคามที่ร้ายแรง CLR ถูกวางให้กับพืช ผลของโปรแกรมเหล่านี้และพันธุ์อื่น ๆ ได้มีการผลิตจำนวนสายพันธุ์ที่สำคัญมูลค่าการกล่าวขวัญ (ดูรายชื่อด้านล่าง)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

คอฟเฟียกาแฟอาราบิก้าเป็นตัวแทนระหว่างเจ็ดสิบร้อยละเจ็ดสิบห้าของโลกการผลิต [ 5 ] และก็จะมากขึ้น ถ้าไม่ได้เป็นอาราบิก้าอ่อนแอต่อโรคมันเป็น [ 6 ]ก่อนที่จะสิ้นสุดของศตวรรษที่ 19 , อาราบิก้าแท้ พิเศษ เป็นผู้ผลิตกาแฟทั่วโลก [ 7 ] แต่แรกบันทึกการระบาดของสนิมใบกาแฟ ( CLR ) โรคที่ทำลายพืชทั่วโลก แจ้งเกษตรกรจำนวนมากที่จะสำรวจพืชทางเลือกในขณะที่บางประเทศเกือบสมบูรณ์แทนที่การผลิตกาแฟที่ปลูกพืชทางเลือก อินโดนีเซีย เริ่มแนะนำโรบัสต้า ซึ่งมีทั้งผลไม้และผลผลิตสูงในระดับของความต้านทานเพื่อ CLR . ขออภัย โรบัสต้าสามารถผลิตกาแฟคุณภาพต่ำ ในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 , ชวาตะวันออกที่มีระบบการเลี้ยงแบบบนกาแฟโรบัสต้า ซึ่งจะกลายเป็น " เป็นแบบอย่างให้ตามมา และพันธุ์กาแฟโรบัสต้าในอินเดีย และแอฟริกา . [ 8 ] " ความรู้ของโรบัสต้าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพันธุ์กาแฟโรบัสต้าสมัยใหม่ เพราะเป็นแหล่งหลักของโรคและแมลง ไม่พบลักษณะ [ 9 ] ใน อาราบิก้าก่อนที่จะ mid-1900s , กาแฟอาราบิก้าพันธุ์ที่เกี่ยวข้องการเลือกเส้นง่ายๆ โดยส่วนใหญ่ในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพท้องถิ่นที่ดี เติบโตผลผลิตและถ้วยคุณภาพ แต่ในปี 1970 และ 1980 ประเทศต่าง ๆเริ่มผสมพันธุ์โปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อสร้างพันธุ์ต้านทาน CLR [ 10 ] ความเข้มของโปรแกรมในภายหลังพันธุ์เหล่านี้คือการตอบสนองโดยตรงกับภัยคุกคามร้ายแรง CLR ที่เกิดกับพืช ผลของพันธุ์และโปรแกรมเหล่านี้มีการผลิตจำนวนของสายพันธุ์ที่สำคัญมูลค่าการกล่าวขวัญ ( ดูรายชื่อด้านล่าง )