Will Kellogg and his son worked tog

Will Kellogg and his son worked together in the company, But they argued a lot, and in the end Will told his son to leave. By 1948, the Kellogg Company had sales of more than $100 millon. Will Kellogg made millons of dollars, but he continued to live a simple life He lived in a simple two-story house and preferred to give most of hls money to help others, especially children. In 1930, Will Kellogg had started the Kellogg Foundation to help children Will Kellogg died in 1951, at the age of ninety-one, He worked until the end of his life at the foundation. His company had become the world's largest producer of ready to eat cereal as the result of an accident. People continue to eat cereals because all they need is a bowl, a spoon, some milk, and a box of cereal

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บุตรและบี.จะทำงานร่วมกันในบริษัท แต่พวกเขาโต้เถียงมาก และในสุด จะบอกว่า ลูกชายของเขาออกจาก โดย 1948 บริษัทบี.มียอดขายมากกว่า $100 ล้าน บี.จะทำ millons ดอลลาร์ แต่เขายังคงมีชีวิตง่าย ๆ ที่เขาอาศัยอยู่ในบ้านสองชั้นเรียบง่าย และต้องการให้มากที่สุดของ hls เงินเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็ก ใน 1930 บี.จะได้เริ่มต้นบี.มูลนิธิเพื่อช่วยเหลือเด็กบี.จะเสียชีวิตในปี 1951 อายุเก้าสิบเอ็ด เขาทำงานจนกว่าจะจบชีวิตของเขาที่มูลนิธิ บริษัทของเขาได้กลายเป็น ผู้ผลิตที่ใหญ่ที่สุดในโลกของพร้อมรับประทานธัญพืชเป็นผลของการเกิดอุบัติเหตุ ท่านรับประทานธัญพืช เพราะก็เป็นชาม ช้อน นม และกล่องของธัญพืช

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

จะ Kellogg และลูกชายของเขาทำงานร่วมกันใน บริษัท แต่พวกเขาเป็นที่ถกเถียงกันมากและในที่สุดจะบอกว่าลูกชายของเขาที่จะออกจาก โดยปี 1948 บริษัท เคลล็อกมียอดขายมากกว่า $ 100 ล้าน จะทำ Kellogg millons ดอลลาร์ แต่เขายังคงมีชีวิตที่เรียบง่ายเขาอาศัยอยู่ในบ้านสองชั้นที่เรียบง่ายและต้องการที่จะให้ส่วนใหญ่ของ HLS เงินไปช่วยคนอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็ก ในปี 1930 จะได้เริ่มต้น Kellogg มูลนิธิ Kellogg เพื่อช่วยให้เด็กของเคลล็อกจะเสียชีวิตในปี 1951 ตอนอายุเก้าสิบเอ็ดเขาทำงานจนจบชีวิตของเขาที่มูลนิธิ บริษัท ของเขาได้กลายเป็นผู้ผลิตที่ใหญ่ที่สุดของโลกที่พร้อมที่จะกินธัญพืชเป็นผลมาจากการเกิดอุบัติเหตุ คนยังคงกินธัญพืชเพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการคือชาม, ช้อน, นมและกล่องซีเรียล

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

จะสะสมและลูกชายของเขาทำงานร่วมกันในบริษัท แต่พวกเขาเป็นที่ถกเถียงกันมาก และในตอนท้ายจะบอกลูกชายของเขาไป โดย 1948 บริษัท Kellogg มียอดขายมากกว่า $ 100 millon . จะสะสมทำให้ millons ดอลลาร์ แต่เขายังคงใช้ชีวิตที่เรียบง่ายชีวิตเขาอาศัยอยู่ในบ้านสองชั้นง่ายและต้องการให้มากที่สุดของเงิน HLS เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น โดยเฉพาะเด็ก ในปี 1930 , เคลล็อกเริ่มมูลนิธิเพื่อช่วยเด็กจะเคลล็อกตายในปี 1951 อายุเหรอ เขาต้องทำงานจนกว่าจะสิ้นสุดของชีวิตของเขาที่มูลนิธิ บริษัทของเขาได้กลายเป็นผู้ผลิตที่ใหญ่ที่สุดของโลกและ apos ; พร้อมบริโภคธัญพืชอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุ คนยังคงกินธัญพืช เพราะทั้งหมดที่พวกเขาต้องการคือ ชาม ช้อน ดื่มนม และกล่องของธัญพืช