The approach for this study is unde

The approach for this study is underpinned by Battiste’s articulation of postcolonial theory. She describes the need for transformative strategies from which to understand and strive to resolve the range of issues experienced by Aboriginal people and their communities related to oppression and marginalization that results from colonization. Battiste situated Aboriginal people as central to a collaborative process of societal
change with non-Aboriginal people. This perspective aligns with this study as it was developed from a research partnership between the study’s first author and Minwaashin Lodge, an Aboriginal led organization that serves Aboriginal women. Battiste’s postcolonial theory principles were adopted for this study as the most appropriate lens through which to view and address the complex intersections of colonialism’s impact
on the lives of the Aboriginal women who participated in the study. The use of Battiste’s postcolonial lens ensured that those conducting the study worked towards implementing research processes that examined approaches to SDM while promoting a decolonizing agenda. For example, there was ongoing reflection on study practices and adherence to the ethical framework by the first author and the advisory group throughout the study. The postcolonial lens also guided the data analysis phase to evoke the complex and interacting political, social, and historical factors that influence women’s use of a shared decision making tool like the OPDG, which led to adaptations that are described later in this paper.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แนวทางสำหรับการศึกษานี้ได้รับการค้ำจุน โดยวิคิวลาร์ของ Battiste ของทฤษฎีวาท เธออธิบายต้องการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ที่จะเข้าใจ และพยายามแก้ไขช่วงปัญหาประสบการณ์สงวนคน และชุมชนที่เกี่ยวข้องกับอธิปไตยและ marginalization ที่เป็นผลจากสนาม Battiste ห้องสงวนคนเป็นศูนย์กลางเป็นกระบวนการทำงานร่วมกันของข้อมูลเปลี่ยนคนไม่สงวน มุมมองนี้จัด โดยการศึกษานี้เป็นเป็นพัฒนาจากความร่วมมือวิจัยระหว่างการศึกษาผู้เขียนและ Minwaashin ลอดจ์ สงวนการนำองค์กรที่สงวนของผู้หญิง หลักทฤษฎีวาทของ Battiste ถูกนำมาใช้สำหรับการศึกษานี้เป็นเลนส์ที่เหมาะสมที่สุดที่ไปดู และซับซ้อนแยกผลกระทบของลัทธิในชีวิตของผู้หญิงสงวนที่เข้าร่วมในการศึกษา การใช้เลนส์วาทของ Battiste มั่นใจว่า ผู้ดำเนินการศึกษาทำงานต่อการใช้กระบวนการวิจัยที่ตรวจสอบวิธีการ SDM ขณะส่งเสริมวาระ decolonizing ตัวอย่าง มีแนวทางศึกษาและติดกับกรอบจริยธรรมโดยผู้เขียนแรกและกลุ่มให้คำปรึกษาตลอดการศึกษาอย่างต่อเนื่องสะท้อน นอกจากนี้เลนส์วาทยังแนะนำขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูลให้ซับซ้อน และโต้ตอบทางการเมือง สังคม และประวัติศาสตร์ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผู้หญิงใช้ทำให้การตัดสินใจร่วมมือเช่น OPDG ซึ่งนำไปสู่การท้องที่อธิบายไว้ในเอกสารนี้ เรามอบให้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วิธีการในการศึกษานี้คือการสนับสนุนโดยการประกบ Battiste ของทฤษฎีวรรณคดี เธออธิบายความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ที่จะเข้าใจและมุ่งมั่นที่จะแก้ไขช่วงของปัญหาที่มีประสบการณ์โดยคนพื้นเมืองและชุมชนของพวกเขาที่เกี่ยวข้องกับการกดขี่และชายขอบที่เป็นผลมาจากการล่าอาณานิคม Battiste
อยู่คนพื้นเมืองเป็นศูนย์กลางในการกระบวนการทำงานร่วมกันของสังคมที่เปลี่ยนแปลงกับคนที่ไม่ใช่อะบอริจิ มุมมองนี้สอดคล้องกับการศึกษาครั้งนี้ในขณะที่มันได้รับการพัฒนาจากการวิจัยความร่วมมือระหว่างผู้เขียนเป็นครั้งแรกของการศึกษาและการ Minwaashin Lodge, องค์กรดั้งเดิมที่ทำหน้าที่นำผู้หญิงดั้งเดิม Battiste
หลักการทฤษฎีวรรณคดีที่ถูกนำมาใช้ในการศึกษาเป็นเลนส์ที่เหมาะสมที่สุดนี้ผ่านทางที่จะดูและที่อยู่ที่ทางแยกที่ซับซ้อนของการล่าอาณานิคมของผลกระทบต่อชีวิตของผู้หญิงดั้งเดิมที่มีส่วนร่วมในการศึกษา การใช้เลนส์ของวรรณคดี Battiste ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ที่ดำเนินการศึกษาการดำเนินการทำงานต่อกระบวนการวิจัยที่ตรวจสอบวิธีการ SDM ขณะที่การส่งเสริมวาระ decolonizing ตัวอย่างเช่นมีการสะท้อนอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติการศึกษาและยึดมั่นในกรอบจริยธรรมโดยผู้เขียนครั้งแรกและกลุ่มที่ปรึกษาตลอดการศึกษา เลนส์วรรณคดีแนะนำยังเป็นขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูลที่จะทำให้เกิดความซับซ้อนและการโต้ตอบทางการเมืองสังคมและปัจจัยทางประวัติศาสตร์ที่มีอิทธิพลต่อการใช้งานของผู้หญิงเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจที่ใช้ร่วมกันเช่น OPDG ซึ่งนำไปสู่การปรับตัวที่อธิบายไว้ในบทความนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แนวทางการศึกษานี้สนับสนุนโดย battiste คือการปฏิบัติของทฤษฎีวรรณคดี . เธออธิบายถึงความต้องการการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ที่เข้าใจ และมุ่งมั่นเพื่อแก้ไขปัญหาที่มีประสบการณ์โดยช่วงของเมืองและชุมชนของพวกเขาที่เกี่ยวข้องกับการกดขี่และคนชายขอบที่เป็นผลจากการเป็นอาณานิคมbattiste ตั้งอยู่เมืองเป็นศูนย์กลางในการร่วมมือ กระบวนการทางสังคม
เปลี่ยนปลอดซึ่งผู้คน มุมมองนี้สอดคล้องกับการศึกษานี้เป็นการพัฒนาจากความร่วมมือการวิจัยระหว่างการศึกษาแรกผู้เขียนและ minwaashin ลอดจ์ เป็นองค์กรที่ให้บริการนำชนพื้นเมืองของออสเตรเลียbattiste วรรณคดีของทฤษฎีหลักการที่ใช้สำหรับการศึกษานี้ เป็นเลนส์ที่เหมาะสมที่สุดและมุมมองที่อยู่ทางแยกที่ซับซ้อนของ
ผลกระทบลัทธิอาณานิคมในชีวิตของชนพื้นเมืองผู้หญิงที่เข้าร่วมในการศึกษาการใช้ battiste วรรณคดีของเลนส์มั่นใจว่าผู้ทำการศึกษาผลต่อการนำกระบวนการวิจัยที่ศึกษาแนวทางณขณะที่การส่งเสริม decolonizing ระเบียบวาระการประชุม ตัวอย่างเช่น มีอย่างต่อเนื่อง สะท้อนการปฏิบัติการศึกษาและความร่วมมือในกรอบจริยธรรม โดยผู้เขียนและที่ปรึกษากลุ่มตลอดการศึกษาเลนส์วรรณคดี แนวทางการวิเคราะห์ข้อมูลระยะความซับซ้อนและการโต้ตอบทางการเมือง สังคม และปัจจัยทางประวัติศาสตร์ที่ใช้อิทธิพลของผู้หญิงที่ใช้เครื่องมือช่วยสนับสนุนการตัดสินใจเช่น opdg ซึ่งนำไปสู่การปรับตัวที่อธิบายในภายหลังในบทความนี้