Burmese authorities and Arakanese g

Burmese authorities and Arakanese groups have committed crimes against humanity and imposed an ethnic cleansing campaign against Rohingya Muslims since June 2012. There are about 800,000 Rohingya left in Burma, and they mainly live in Arakan State, western Burma. Hundreds have been killed in domestic attacks, though the exact number is unknown because the government blocks international access to the Rohingya. Since the attacks began, thousands have fled Burma by boat, and at least hundreds have drowned. President Thein Sein, who has said the “only solution” to anti-Muslim violence is to deport all Rohingya or put them in camps, is ostensibly seeking to push all Rohingya out of the country by subjecting them to a fabricated and completely avoidable humanitarian crisis. Rohingya IDPs now languish under an imposed system of apartheid, and humanitarian aid workers assisting the Rohingya are intimidated and threatened.

The government discriminatorily considers Rohingya to be illegal Bengali immigrants and rendered them stateless through the 1981 Citizenship Law. The government has long exercised anti-Rohingya policies, including restrictions on travel, employment, education, worship, construction of religious buildings, marriage, childbearing, etc. The government’s discriminatory policies have served to legitimize attacks and massacres against Rohingya, and since March 2013, against other Muslims throughout Burma. Muslims are targets of the “969 campaign,” which in the name of the Buddhist faith, promotes anti-Muslim hate and stigmatizes people who sell goods to Muslims.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เจ้าหน้าที่พม่าและกลุ่ม Arakanese ได้มุ่งมั่นที่อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และกำหนดชาติพันธุ์การทำแคมเปญกับมุสลิมโรฮิงยาตั้งแต่ 2555 มิถุนายน มีเหลือในพม่าโรฮิงยาประมาณ 800000 และพวกเขาส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในรัฐอาระกัน พม่าตะวันตก ร้อยได้ถูกฆ่าในการโจมตีภายในประเทศ แม้ว่าจำนวนที่แน่นอนไม่ทราบเนื่องจากรัฐบาลบล็อกถึงโรฮิงยานานาชาติ ตั้งแต่เริ่มการโจมตี พันหนีพม่า โดยเรือ และน้อยร้อยมีจม ประธานาธิบดี Thein Sein ซึ่งได้กล่าวว่า "เพียง" ความรุนแรงต่อต้านมุสลิมเป็น การเนรเทศโรฮิงยาทั้งหมดใส่ไว้ในค่าย เป็นรัฐบาลกำลังผลักดันโรฮิงยาทั้งหมดออกจากประเทศ โดยมีชัยประกอบ และสมบูรณ์ avoidable วิกฤตด้านมนุษยธรรม โรฮิงยา IDPs languish ขณะนี้ภายใต้ระบบการกำหนดแบ่งแยกสีผิว และแรงงานช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้ความช่วยเหลือโรฮิงยาอยู่อีก และขู่รัฐบาลพิจารณาโรฮิงยาอพยพผิดกฎหมายเบงกาลีเป็น discriminatorily และแสดงคนไร้สัญชาติ โดยกฎหมายสัญชาติ 1981 รัฐบาลจึงได้ใช้นโยบายต่อต้านโรฮิงยา รวมถึงข้อจำกัดในการเดินทาง จ้างงาน การศึกษา บูชา ก่อสร้างอาคารทางศาสนา งานแต่งงาน childbearing ฯลฯ นโยบายของรัฐบาลที่โจ่งแจ้งมีบริการเสิร์ฟ legitimize โจมตีและ massacres กับโรฮิงยา และ ตั้งแต่ 2013 มีนาคม กับมุสลิมอื่น ๆ ประเทศพม่า เป้าหมายของ "969 แคมเปญ ซึ่งในพุทธศาสนา ส่งเสริมป้องกันมุสลิมเกลียด และ stigmatizes ผู้ที่ขายสินค้าให้มุสลิม มุสลิมได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เจ้าหน้าที่พม่าและกลุ่ม Arakanese มีความมุ่งมั่นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติและกำหนดแคมเปญการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวมุสลิมโรฮิงญากับตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2012 มีประมาณ 800,000 โรฮิงญาที่เหลืออยู่ในพม่าและพวกเขาส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในรัฐอาระกันประเทศพม่าทางทิศตะวันตก หลายร้อยคนถูกฆ่าตายในการโจมตีประเทศ แต่จำนวนที่แน่นอนไม่เป็นที่รู้จักเพราะรัฐบาลบล็อกการเข้าถึงระหว่างประเทศเพื่อโรฮิงญา ตั้งแต่เริ่มการโจมตีหลายพันคนได้หลบหนีไปประเทศพม่าโดยทางเรือและอย่างน้อยร้อยได้จมน้ำตาย ประธานาธิบดีเต็งเส่งที่ได้กล่าวว่า "การแก้ปัญหาเท่านั้น" ความรุนแรงต่อต้านมุสลิมคือการขับไล่โรฮิงญาทั้งหมดหรือใส่ไว้ในค่ายอย่างเห็นได้ชัดคือการที่กำลังมองหาที่จะผลักดันโรฮิงญาออกทั้งหมดของประเทศโดย subjecting พวกเขาที่จะเกิดวิกฤตด้านมนุษยธรรมประดิษฐ์และหลีกเลี่ยงได้อย่างสมบูรณ์ . ผู้พลัดถิ่นโรฮิงญาในขณะนี้ละเหี่ยภายใต้ระบบที่กำหนดของการแบ่งแยกสีผิวและคนงานช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้ความช่วยเหลือโรฮิงญาที่มีการข่มขู่และคุกคาม. รัฐบาล discriminatorily พิจารณาโรฮิงญาที่จะเป็นผู้อพยพผิดกฎหมายบังคลาเทศและพวกเขากลายเป็นคนไร้สัญชาติผ่าน 1981 กฎหมายพลเมือง รัฐบาลได้ใช้สิทธิยาวนโยบายต่อต้านโรฮิงญารวมทั้งข้อ จำกัด ในการเดินทาง, การจ้างงาน, การศึกษา, นมัสการก่อสร้างอาคารทางศาสนา, การแต่งงาน, คลอดบุตร ฯลฯ นโยบายเลือกปฏิบัติของรัฐบาลที่มีหน้าที่จะต้องรับผิดชอบการโจมตีและสังหารหมู่กับโรฮิงญาและตั้งแต่มีนาคม 2013 กับชาวมุสลิมอื่น ๆ ทั่วประเทศพม่า ชาวมุสลิมที่เป็นเป้าหมายของ "969 แคมเปญ" ซึ่งในนามของความเชื่อทางพุทธศาสนาที่ส่งเสริมความเกลียดชังต่อต้านมุสลิมและ stigmatizes ผู้ที่ขายสินค้าให้กับชาวมุสลิม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เจ้าหน้าที่พม่าและกลุ่มอาระกันได้ก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่กำหนดมีการรณรงค์ต่อต้านมุสลิมโรฮิงยาตั้งแต่มิถุนายน 2012 มีชาวโรฮิงยาในพม่า 800000 ซ้ายและพวกเขาส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในรัฐอาระกัน ภาคตะวันตกของพม่า หลายร้อยคนถูกฆ่าตายในการโจมตีในประเทศแม้ว่าตัวเลขที่แน่นอนยังไม่ทราบเพราะรัฐบาลบล็อกการเข้าถึงระหว่างประเทศกับชาวโรฮิงญา ตั้งแต่การโจมตีเริ่มนับพันได้หลบหนีพม่า โดยเรือ และอย่างน้อยก็ร้อยได้จมน้ำ ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ผู้ที่ได้กล่าวว่า " โซลูชั่น " เท่านั้นที่จะใช้ความรุนแรงต่อต้านมุสลิมโรฮิงยากลับทั้งหมด หรือใส่ไว้ในค่ายคือว่าพยายามผลักดันชาวโรฮิงยาทั้งหมดออกนอกประเทศโดย subjecting ให้ประดิษฐ์ และวิกฤตด้านมนุษยธรรมสมบูรณ์หลีกเลี่ยงได้ ชาวโรฮิงยาพ. ตอนนี้อ่อนแรงภายใต้การกำหนดระบบการเหยียดผิว และความช่วยเหลือด้านแรงงานช่วยเหลือชาวโรฮิงยาถูกขู่แล้วขู่

รัฐบาล discriminatorily ถือว่าชาวโรฮิงยาอพยพผิดกฎหมายผู้มาจากประเทศบังคลาเทศและการแสดงผลพวกเขาไร้สัญชาติผ่าน 1981 สัญชาติกฎหมาย รัฐบาลได้ใช้นโยบายต่อต้านชาวโรฮิงยา รวมถึงข้อจำกัดในการเดินทาง , การจ้างงาน , การศึกษา , นมัสการ , การก่อสร้างอาคารทางศาสนา การแต่งงาน การคลอดบุตร ฯลฯรัฐบาลนโยบายเลือกปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายได้รับการโจมตีและการต่อต้านชาวโรฮิงยา และตั้งแต่เดือนมีนาคม 2013 ต่อต้านมุสลิมอื่น ๆ ทั่วพม่า มุสลิม คือเป้าหมายของ " สิ่งแคมเปญ " ซึ่งในชื่อของ พระพุทธศาสนา ส่งเสริมความเกลียดชังต่อต้านมุสลิมและ stigmatizes คนที่ขายสินค้ามุสลิม