satisfaction. Some studies have exa

satisfaction. Some studies have examined various individual determinants, such as age, gender,
race, education, organizational tenure, and other background factors (Brush, Moch, & Pooyan,
1987; Greenhaus, Parasuraman, & Wormley, 1990), work-family balance, (Saltzstein, Ting, &
Saltzstein, 2001), work motivations (Park & Rainey, 2008; Taylor, 2007), and person-organization
fit (Bright, 2008; Steijn, 2008; Vigoda-Gadot & Meiri, 2008). Attention has been given also to
the influence on satisfaction of various job characteristics, such as task variety, routineness, and
autonomy (Wright & Davis, 2003). In addition, research has examined organizational determinants
of job satisfaction, such as organizational climate (Mikkelsen, Ogaard, & Lovrich, 2000),
leadership (Moynihan & Pandey, 2007; Park & Rainey, 2008), participation (Kim, 2002; Wright
& Kim, 2004), red tape (DeHart-Davis & Pandey, 2005), and organizational politics (Vigoda,
2000).
Job satisfaction in the public sector, however, may depend also on larger national events or
crises for at least several reasons. First, the image of public service in times of crisis, such as
World War II or the terrorist attacks of September 11, 2001, may change dramatically as citizens
look to government institutions and their representatives for security, leadership, and a sense of
national purpose. This sudden elevation in the societal image and prestige of the public sector
may, in turn, boost the everyday morale of government workers. Second, government workers
themselves in times of crisis may find renewed meaning and purpose in their ordinary work as
well as assume new tasks and responsibilities related to the government’s response to the crisis.
Such changes in the tasks and meaning of public service may also influence government job
satisfaction. For these reasons, discussed more fully below, a national crisis may act as an exogenous
event or nonlinear, threshold effect (Duit & Galaz, 2008) on the political and cultural
environment of public organizations with important consequences for the everyday job satisfaction
of government workers.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พึงพอใจ บางการศึกษาได้ตรวจสอบต่าง ๆ ดีเทอร์มิแนนต์ละ เช่นอายุ เพศการแข่งขัน การศึกษา อายุงานองค์กร และปัจจัยอื่น ๆ พื้นหลัง (แปรง Moch และ Pooyan1987 Greenhaus, Parasuraman, & Wormley, 1990), ยอดดุลการทำงานครอบครัว, (Saltzstein, Ting, &Saltzstein, 2001) ทำโต่ง (ปาร์คแอนด์ Rainey, 2008 เทย์เลอร์ 2007), และบุคคลองค์กรพอดี (สดใส 2008 Steijn, 2008 Vigoda-Gadot และ Meiri, 2008) ได้รับความสนใจยังไปอิทธิพลกับความพึงพอใจของลักษณะงานต่าง ๆ เช่นงานต่าง ๆ routineness และอิสระ (ไรท์ & Davis, 2003) นอกจากนี้ วิจัยได้ตรวจสอบองค์กรดีเทอร์มิแนนต์ของงานความพึงพอใจ เช่นสภาพภูมิอากาศขององค์กร (Mikkelsen, Ogaard, & Lovrich, 2000),ภาวะผู้นำ (Moynihan และ Pandey, 2007 ปาร์คแอนด์ Rainey, 2008), มีส่วนร่วม (คิม 2002 ไรท์และคิม 2004), เทปสีแดง (DeHart Davis & Pandey, 2005), และการเมืององค์กร (Vigoda2000)ความพึงพอใจในงานในภาครัฐ อย่างไรก็ตาม อาจยังขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ใหญ่แห่งชาติ หรือวิกฤตน้อยหลายเหตุผล แรก รูปของราชการในภาวะวิกฤต เช่นสงครามโลกครั้งที่สองหรือการโจมตีก่อการร้ายที่ 11 กันยายน 2001 อาจเปลี่ยนแปลงอย่างมากเป็นพลเมืองให้หน่วยงานของรัฐและตัวแทนของตน ผู้นำ และความรู้สึกวัตถุประสงค์แห่งชาติ ยกนี้ฉับพลันในรูปข้อมูลและศักดิ์ศรีของภาครัฐจะ อาจ เพิ่มขวัญกำลังใจวันแรงงานของรัฐบาล รัฐบาลแรงงานที่สองตัวเองในเวลาวิกฤตอาจพบหมายต่ออายุในการทำงานเป็นปกติดีเป็นสมมติที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองวิกฤตของรัฐบาลที่รับผิดชอบงานใหม่เปลี่ยนแปลงในการงานและความหมายของบริการสาธารณะยังอาจมีอิทธิพลต่องานของรัฐบาลพึงพอใจ ด้วยเหตุนี้ กล่าวถึงเพิ่มเติมเต็มด้านล่าง วิกฤตชาติอาจทำหน้าที่เป็นเป็นบ่อยเหตุการณ์ หรือไม่เชิงเส้น ขีดจำกัดลักษณะพิเศษ (Duit & Galaz, 2008) ในทางการเมือง และวัฒนธรรมสภาพแวดล้อมขององค์กรสาธารณะที่มีความสำคัญต่อความพึงพอใจงานทุกวันผู้ปฏิบัติงานของรัฐบาล

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความพึงพอใจ การศึกษาบางคนมีการตรวจสอบปัจจัยของแต่ละบุคคลต่าง ๆ
เช่นอายุเพศการแข่งขัน, การศึกษา, การดำรงตำแหน่งขององค์กรและปัจจัยพื้นฐานอื่น ๆ (แปรง Moch และ pooyan,
1987; Greenhaus, Parasuraman และ Wormley, 1990) สมดุลการทำงานในครอบครัว (Saltzstein, Ting &
Saltzstein, 2001) แรงจูงใจทำงาน (Park & เรนนีย์, 2008 เทย์เลอร์, 2007)
และคนองค์กรพอดี(Bright 2008; Steijn 2008; Vigoda-GADOT และ Meiri 2008) ความสนใจที่ได้รับยังมีอิทธิพลต่อความพึงพอใจของลักษณะงานต่างๆเช่นความหลากหลายงาน routineness และเอกราช(ไรท์ & เดวิส, 2003) นอกจากนี้การวิจัยได้ตรวจสอบปัจจัยที่องค์กรพึงพอใจในงานเช่นสภาพภูมิอากาศขององค์กร (Mikkelsen, Ogaard และ Lovrich, 2000), ความเป็นผู้นำ (มอยนิฮาและ Pandey 2007; ปาร์คแอนด์เรนนีย์, 2008) การมีส่วนร่วม (คิมปี 2002 ไรท์& คิม, 2004), เทปสีแดง (DeHart เดวิสและ Pandey, 2005) และการเมืององค์กร (Vigoda, 2000). ความพึงพอใจการทำงานในภาครัฐ แต่ยังอาจขึ้นอยู่กับเหตุการณ์แห่งชาติขนาดใหญ่หรือวิกฤตเป็นเวลาอย่างน้อยหลายสาเหตุ ครั้งแรกที่ภาพของการบริการสาธารณะในช่วงวิกฤตเช่นสงครามโลกครั้งที่สองหรือการโจมตีของผู้ก่อการร้าย 11 กันยายนปี 2001 อาจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในฐานะพลเมืองมองไปที่สถาบันของรัฐและผู้แทนของพวกเขาสำหรับการรักษาความปลอดภัย, ความเป็นผู้นำและความรู้สึกของวัตถุประสงค์ของชาติ . นี้สูงอย่างฉับพลันในภาพสังคมและศักดิ์ศรีของภาครัฐอาจหันเพิ่มกำลังใจในการทำงานในชีวิตประจำวันของคนงานรัฐบาล ประการที่สองคนงานรัฐบาลตัวเองในช่วงเวลาของวิกฤตอาจพบความหมายต่ออายุและวัตถุประสงค์ในการทำงานธรรมดาของพวกเขาเช่นเดียวกับสมมติงานใหม่และความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองของรัฐบาลที่จะวิกฤต. การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวในการทำงานและความหมายของการบริการสาธารณะนอกจากนี้ยังอาจมีอิทธิพลต่อรัฐบาล งานความพึงพอใจ ด้วยเหตุผลเหล่านี้กล่าวถึงมากขึ้นอย่างเต็มที่ด้านล่างวิกฤตชาติอาจทำหน้าที่เป็นภายนอกเหตุการณ์หรือไม่เชิงเส้นผลกระทบจากการ (Duit และ Galaz 2008) ในทางการเมืองและวัฒนธรรมสภาพแวดล้อมขององค์กรภาครัฐที่มีผลกระทบสำคัญต่อความพึงพอใจในชีวิตประจำวันของคนงานรัฐบาล.