In the present work, the corrosion

In the present work, the corrosion current density of a low carbon steel, a pure aluminum, a stainless steel, a copper–nickel alloy were obtained in 1 M NaOH, 1 M KCl, 1 M NaCl, 1 M H2SO4 solutions, respectively. The obtained corrosion data from the optical interferometry technique, as a zero resistance Ammeter were compared with corrosion data obtained on the same alloys, in the specified solutions, from an electronic zero resistance-Ammeter as well as from the linear polarization method. The comparison among the three techniques indicates that there is a contrast in the results among the investigated alloys. In general, the results of the optical interferometry were found to fall in between the corrosion values of the zero resistance ammeter and the linear polarization method, because the technique works based on the electromagnetic principle, in the absence of electronic noise. As a result, the optical interferometry can be considered as a useful zero resistance-Ammeter for measuring the corrosion current density of metallic electrodes in aqueous solutions, at the open circuit potential of the electrodes in the aqueous solutions.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในการทำงานปัจจุบัน ความหนาแน่นปัจจุบันการกัดกร่อนของเหล็กคาร์บอนต่ำ อลูมิเนียมบริสุทธิ์ เหล็กสแตนเลส โลหะผสมทองแดงนิกเกิลได้รับมาใน 1 M NaOH, 1 M KCl, NaCl M 1, 1 M H2SO4 โซลูชั่น ตามลำดับ ข้อมูลได้รับการกัดกร่อนจากเทคนิค interferometry แสง เป็นศูนย์ทนของเครื่องถูกเมื่อเปรียบเทียบ กับข้อมูลการกัดกร่อนได้บนผสมเดียวกัน ในการแก้ไขปัญหาที่ระบุไว้ จากอิเล็กทรอนิกส์แบบความต้านทานเครื่องศูนย์ และ จากวิธีการโพลาไรซ์เชิงเส้น เปรียบเทียบเทคนิค 3 บ่งชี้ว่า มีความคมชัดในผลระหว่างโลหะ investigated ทั่วไป ผลลัพธ์ของ interferometry แสงพบว่าตกอยู่ระหว่างค่าการกัดกร่อนของเครื่องต้านทานเป็นศูนย์และวิธีโพลาไรซ์เชิงเส้น เนื่องจากการทำงานเทคนิคบนหลักการแม่เหล็กไฟฟ้า ขาดเสียงอิเล็กทรอนิกส์ เป็นผล interferometry แสงถือได้ว่าเป็นเป็นประโยชน์เครื่องต้านทานเป็นศูนย์สำหรับการวัดความหนาแน่นของกระแสการกัดกร่อนของขั้วโลหะละลาย ที่วงจรเปิดศักยภาพของขั้วไฟฟ้าในการละลาย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในการทำงานปัจจุบันที่กัดกร่อนความหนาแน่นกระแสของคาร์บอนต่ำเหล็กอลูมิเนียมบริสุทธิ์สแตนเลสเป็นโลหะผสมทองแดงนิกเกิลที่ได้รับใน 1 M NaOH 1 M KCl 1 M NaCl 1 โซลูชั่น M H2SO4 ตามลำดับ ข้อมูลที่ได้รับจากการกัดกร่อนเทคนิคอินเตอร์เฟอแสงเป็นต้านทานศูนย์แอมมิเตอร์ถูกนำมาเปรียบเทียบกับข้อมูลที่ได้รับการกัดกร่อนโลหะผสมเดียวกันในการแก้ปัญหาที่ระบุจากศูนย์อิเล็กทรอนิกส์ต้านทานแอมมิเตอร์รวมทั้งจากวิธีการโพลาไรซ์เชิงเส้น การเปรียบเทียบระหว่างสามเทคนิคแสดงให้เห็นว่ามีความคมชัดในผลระหว่างการตรวจสอบโลหะผสม โดยทั่วไปผลของการอินเตอร์เฟอแสงพบว่าตกอยู่ในระหว่างการกัดกร่อนของค่าความต้านทานแอมป์มิเตอร์ศูนย์และวิธีการที่ตรงขั้วเพราะการทำงานของเทคนิคที่อยู่บนพื้นฐานของหลักการแม่เหล็กไฟฟ้าในกรณีที่ไม่มีเสียงอิเล็กทรอนิกส์ เป็นผลให้อินเตอร์เฟอออปติคอลได้รับการพิจารณาเป็นประโยชน์ศูนย์ต้านทานแอมมิเตอร์สำหรับการวัดความหนาแน่นกระแสการกัดกร่อนของขั้วไฟฟ้าโลหะในสารละลายที่มีศักยภาพวงจรเปิดของขั้วไฟฟ้าในสารละลาย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในงานปัจจุบัน , ความหนาแน่นกระแสการกัดกร่อนของเหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ , อลูมิเนียมบริสุทธิ์ , สแตนเลส , ทองแดงและโลหะผสมนิกเกิลได้ 1 M NaOH 1 M KCl 1 M NaCl 1 M กรดซัลฟิวริก โซลูชั่น ตามลำดับ วิเคราะห์การกัดกร่อนข้อมูลจากเทคนิคทางแสงอินเตอร์เฟอโรเมทรี ในฐานะศูนย์ความต้านทานการกัดกร่อนแอมมิเตอร์เปรียบเทียบกับข้อมูลบนโลหะผสมเดียวกันในระบุโซลูชั่นจากอิเล็กทรอนิกส์ศูนย์ต้านทานแอมมิเตอร์รวมทั้งวิธีการโพลาไรเซชันเชิงเส้น การเปรียบเทียบระหว่างทั้ง 3 วิธี พบว่า มีความแตกต่างในผลลัพธ์ของการตรวจสอบโลหะ โดยทั่วไปผลของการสนับสนุนแสงพบว่าอยู่ระหว่างค่าความต้านทานการกัดกร่อนของศูนย์แอมมิเตอร์และวิธีการโพลาไรเซชันเชิงเส้น เพราะเทคนิคงานบนพื้นฐานของหลักการแม่เหล็กไฟฟ้า ในกรณีที่ไม่มีเสียงอิเล็กทรอนิกส์ เป็นผลให้ , อินเตอร์เฟอโรเมทรีแสงเป็นแอมมิเตอร์ศูนย์ต้านทานประโยชน์วัดความหนาแน่นกระแสการกัดกร่อนของขั้วไฟฟ้าโลหะในสารละลาย ที่มีศักยภาพ เปิดวงจรของขั้วไฟฟ้าในการแก้ไขปัญหาน้ำ .