1. The TCP segment is handed off to

1. The TCP segment is handed off to IP, which adds a header consisting of the source address, 192.168.1.10 and destination address 192.168.5.20 and hands off that packet to the next layer.
2. Using the subnet mask of the host, it is determined that the destination address lies in a remote network and hence the packet must be sent to the default gateway, 192.168.1.1. So Host1 sends out an ARP request to find the MAC address of Router1. When a response is received, it frames the packet with the source MAC address of Host1 and destination MAC address of Router1.
3. When Router1 receives the frame, it strips of the header and trailer and looks at the destination address in the IP header. Since the packet is not destined to Router1, it must be routed out.
4. It tries to match the destination address to a list of known networks, called the routing table. It finds that the destination network is reachable via Router2, so it frames the packet with the source MAC address of its exit interface (interface with the IP address of 10.1.1.1) and the destination address of Router2’s interface.
5. When Router2 receives the frame, it repeats the strip and lookup process and frames the packet again before sending it to Router3. This time the MAC address of Router2’s exit interface is the source address while the MAC address of Router3 is the destination address.
6. Finally Router3 looks at the destination MAC address and realizes that the destination network is directly connected. It finds the MAC address of the destination host and frames the packet using its own MAC address as the source while the MAC address of Host3 as the destination address. At last the frame is sent out and reaches the destination host.
7. At the destination, the frame is stripped and the destination IP address is verified. Then the IP header is stripped and the TCP segment reaches Layer 4 of the destination.
8. Now when Host3 needs to reply back to Host1, TCP will hand off the reply segment to IP.
9. IP will add a header consisting of a source address of 192.168.5.20 and a destination address of 192.168.1.10 and will send it to layer 2 for framing.
10. By the subnet mask of Host3, it is determined that the destination lies in a remote network. Hence the frame will need the MAC address of the default gateway as destination. If Host3 does not have the MAC address of Router3, it will send an ARP query to get it. Once Host3 has the MAC address, it will frame the segment and send it out to Router3.
11. Router3 strip the frame header and look at the destination IP address in the IP header. From its routing table, it will know that the packet needs to go to Router2. It will frame the packet with a source MAC address of its fa0/0 interface and the destination MAC address will be the address of Router2’s fa0/1 interface and then send it out to the wire.
12. Router2 receives the frame and repeats process to send the packet to Router 1.
13. Router1 receives the frame from Router2 and removes the frame. By the destination IP address it knows that the packet belongs to a directly connected interface.
14. Since it received a frame from Host1 earlier, it has the MAC address of the host mapped to its IP address in the ARP table. The router uses that to create a frame with its fa0/0 interface’s MAC address as source and Host1’s MAC address as destination and sends the frame out the interface.
15. When Host1 receives the frame, it verifies the destination address, strips the frame and IP header and sends the TCP segment to layer 4.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

1. เซ็กเมนต์ TCP สามารถมอบปิดให้ IP การเพิ่มส่วนหัวประกอบด้วยแหล่งอยู่ 192.168.1.10 และปลายทาง 192.168.5.20 และมือออกแพคเก็ตที่ชั้นถัดไป2. ใช้มาสก์ของโฮสต์ ถูกกำหนดที่อยู่ปลายทางอยู่ในเครือข่ายระยะไกล และดังนั้นจึง ต้องส่งแพ็คเก็ตไปเกตเวย์เริ่มต้น 192.168.1.1 ดังนั้น Host1 ส่งออกการร้องขอ ARP ในการค้นหาอยู่ MAC ของ Router1 เมื่อได้รับการตอบสนอง เฟรมแพคเก็ตกับแหล่งที่อยู่ MAC อยู่ MAC Host1 และปลายทางของ Router13. เมื่อ Router1 ได้รับเฟรม แถบส่วนหัวและส่วนท้าย และมองไปที่ปลายทางอยู่ในส่วนหัวของ IP เนื่องจากแพคเก็ตไม่กำหนดไป Router1 มันต้องถูกส่งออก4.พยายามให้ตรงกับอยู่ปลายทางไปยังรายการของเครือข่ายชื่อดัง เรียกว่าตารางสายงานการผลิต พบว่า เครือข่ายปลายทางจะสามารถเข้าถึงผ่าน Router2 ดังนั้นเฟรมแพคเก็ตกับแหล่งที่อยู่ MAC ของอินเทอร์เฟซของออก (อินเตอร์เฟซ ด้วยอยู่ IP 10.1.1.1) และอยู่ปลายทางของอินเทอร์เฟซของ Router25. เมื่อ Router2 ได้รับเฟรม การทำซ้ำการค้นหาและแถบ และเฟรมแพคเก็ตอีกครั้งก่อนส่งไปยัง Router3 ขณะนี้อยู่ MAC ของอินเทอร์เฟซการออกของ Router2 ได้อยู่ต้นทางในขณะอยู่ MAC ของ Router3 อยู่ปลายทาง6. Finally Router3 looks at the destination MAC address and realizes that the destination network is directly connected. It finds the MAC address of the destination host and frames the packet using its own MAC address as the source while the MAC address of Host3 as the destination address. At last the frame is sent out and reaches the destination host.7. At the destination, the frame is stripped and the destination IP address is verified. Then the IP header is stripped and the TCP segment reaches Layer 4 of the destination.8. Now when Host3 needs to reply back to Host1, TCP will hand off the reply segment to IP.9. IP will add a header consisting of a source address of 192.168.5.20 and a destination address of 192.168.1.10 and will send it to layer 2 for framing.10. By the subnet mask of Host3, it is determined that the destination lies in a remote network. Hence the frame will need the MAC address of the default gateway as destination. If Host3 does not have the MAC address of Router3, it will send an ARP query to get it. Once Host3 has the MAC address, it will frame the segment and send it out to Router3.11. Router3 strip the frame header and look at the destination IP address in the IP header. From its routing table, it will know that the packet needs to go to Router2. It will frame the packet with a source MAC address of its fa0/0 interface and the destination MAC address will be the address of Router2’s fa0/1 interface and then send it out to the wire.12. Router2 รับเฟรม และทำซ้ำการส่งแพ็คเก็ตไปยังเราเตอร์ 113. Router1 รับเฟรมจาก Router2 และเอาเฟรม โดยอยู่ IP ปลายทาง นั้นรู้ว่า แพคเก็ตเป็นอินเทอร์เฟซการเชื่อมต่อโดยตรง14. เนื่องจากมันได้รับเฟรมจาก Host1 ก่อนหน้านี้ มีอยู่ MAC ของโฮสต์ที่แมปกับอยู่ IP ในตาราง ARP เราเตอร์ที่ใช้การสร้างกรอบที่อยู่ MAC ของอินเทอร์เฟซของ fa0/0 เป็นแหล่งและอยู่ MAC ของ Host1 เป็นปลายทาง และส่งเฟรมออกอินเทอร์เฟซ15. เมื่อ Host1 รับเฟรม มันตรวจสอบอยู่ปลายทางแถบเฟรมและส่วนหัวของ IP และส่งเซ็กเมนต์ TCP ชั้น 4

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

1. ส่วน TCP ถูกส่งออกไป IP ซึ่งจะเพิ่มส่วนหัวประกอบด้วยแหล่งที่อยู่ที่ 192.168.1.10 192.168.5.20 และที่อยู่ปลายทางและมือปิดแพ็คเก็ตที่ชั้นถัดไป.
2 การใช้หน้ากาก subnet ของโฮสต์ที่มันจะถูกกำหนดที่อยู่ปลายทางอยู่ในเครือข่ายระยะไกลและด้วยเหตุนี้แพ็คเก็ตจะต้องถูกส่งไปยังเกตเวย์เริ่มต้น, 192.168.1.1 ดังนั้น host1 ส่งคำขอ ARP จะหาที่อยู่ MAC ของ Router1 เมื่อการตอบสนองที่ได้รับก็เฟรมแพ็คเก็ตที่มีแหล่งที่อยู่ MAC ของ host1 และปลายทางอยู่ MAC ของ Router1.
3 เมื่อได้รับ Router1 กรอบมันแถบของส่วนหัวและรถพ่วงและมีลักษณะที่อยู่ปลายทางในส่วนหัวของ IP ตั้งแต่แพ็คเก็ตที่ไม่ได้ลิขิตให้ Router1 จะต้องมีการส่งออก.
4 มันพยายามที่จะตรงกับที่อยู่ปลายทางรายการเครือข่ายที่รู้จักกันที่เรียกว่าตารางเส้นทาง พบว่าเครือข่ายปลายทางสามารถเข้าถึงได้ผ่านทาง Router2 จึงเฟรมแพ็คเก็ตที่มีแหล่งที่อยู่ MAC ของอินเตอร์เฟซที่ออกจาก (อินเตอร์เฟซที่มีที่อยู่ IP ของ 10.1.1.1) และที่อยู่ปลายทางของอินเตอร์เฟซของ Router2.
5 เมื่อได้รับ Router2 กรอบมันซ้ำแถบและขั้นตอนการค้นหาและเฟรมแพ็คเก็ตอีกครั้งก่อนที่จะส่งไปยัง Router3 เวลานี้อยู่ MAC ของอินเตอร์เฟซที่ออกจาก Router2 เป็นแหล่งที่อยู่ในขณะที่อยู่ MAC ของ Router3 เป็นที่อยู่ปลายทาง.
6 สุดท้าย Router3 ลักษณะที่อยู่ MAC ปลายทางและตระหนักว่าเครือข่ายปลายทางที่มีการเชื่อมต่อโดยตรง พบที่อยู่ MAC ของโฮสต์ปลายทางและเฟรมแพ็คเก็ตโดยใช้ที่อยู่ MAC ของตัวเองในขณะที่เป็นแหล่งที่อยู่ MAC ของ host3 ที่อยู่ปลายทาง กรอบที่ล่าสุดจะถูกส่งออกไปถึงโฮสต์ปลายทาง.
7 ที่ปลายทางกรอบที่มีการปล้นและที่อยู่ IP ปลายทางที่มีการยืนยัน จากนั้นส่วนหัวของ IP ที่มีการปล้นและส่วน TCP ถึงชั้นที่ 4 ของปลายทาง.
8 ตอนนี้เมื่อ host3 ความต้องการที่จะตอบกลับไป host1, TCP จะมือปิดส่วนการตอบกลับเพื่อ IP.
9 IP จะเพิ่มส่วนหัวประกอบด้วยแหล่งที่อยู่ของ 192.168.5.20 และที่อยู่ปลายทางของ 192.168.1.10 และจะส่งไปยังชั้น 2 สำหรับกรอบ.
10 โดยมาสก์ของ host3 ก็จะระบุว่าปลายทางอยู่ในเครือข่ายระยะไกล ดังนั้นจะต้องมีกรอบที่อยู่ MAC ของเกตเวย์เริ่มต้นเป็นปลายทาง หาก host3 ไม่ได้มีที่อยู่ MAC ของ Router3 ก็จะส่งแบบสอบถาม ARP จะได้รับมัน เมื่อ host3 มีที่อยู่ MAC ก็จะกรอบส่วนและส่งออกไปยัง Router3.
11 Router3 ตัดหัวกรอบและมองไปที่ที่อยู่ IP ปลายทางในส่วนหัวของ IP จากตารางเส้นทางของมันก็จะรู้ว่าแพ็คเก็ตต้องไป Router2 มันจะกรอบแพ็คเก็ตที่มีแหล่งที่อยู่ MAC ของตน Fa0 / 0 อินเตอร์เฟซและที่อยู่ MAC ปลายทางจะเป็นที่อยู่ของ Fa0 Router2 ของ / 1 อินเตอร์เฟซและจากนั้นส่งออกไปยังลวด.
12 Router2 ได้รับกรอบและซ้ำกระบวนการในการส่งแพ็คเก็ตที่จะ Router 1
13 Router1 ได้รับกรอบจาก Router2 และลบกรอบ โดย IP ปลายทางอยู่มันรู้ว่าแพ็คเก็ตเป็นของอินเตอร์เฟซที่เชื่อมต่อโดยตรง.
14 นับตั้งแต่ที่ได้รับจากกรอบ host1 ก่อนหน้านี้ก็มีที่อยู่ MAC ของโฮสต์แมปไปยังที่อยู่ IP ในตาราง ARP เราเตอร์ที่ใช้ในการสร้างกรอบของ Fa0 / 0 อินเตอร์เฟซที่อยู่ MAC เป็นแหล่งที่มาและที่อยู่ MAC host1 เป็นปลายทางและส่งออกกรอบอินเตอร์เฟซ.
15 เมื่อ host1 ได้รับกรอบมันตรวจสอบที่อยู่ปลายทางแถบหัวกรอบและ IP และส่งส่วน TCP ชั้น 4

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

1 . ส่วนจะส่ง TCP IP ซึ่งเพิ่มส่วนหัวประกอบด้วย แหล่งที่อยู่ และ 192.168.1.10 ที่อยู่ปลายทาง 192.168.5.20 และมือปิดที่แพ็กเก็ตไปยังชั้นถัดไป .
2 การใช้หน้ากาก subnet ของโฮสต์จะพิจารณาว่า ที่อยู่ปลายทางอยู่ในเครือข่ายระยะไกล และเพราะแพ็คเก็ตจะต้องส่งไปยังเกตเวย์ปริยาย 192.168.1.1 , .ดังนั้น host1 ส่งการร้องขอ ARP เพื่อหาที่อยู่ MAC ของ router1 . เมื่อคำตอบที่ได้รับ มันกรอบแพ็คเก็ตกับแหล่งที่อยู่ MAC ของ host1 และปลายทางที่อยู่ MAC ของ router1 .
3 เมื่อ router1 ได้รับกรอบแถบมันของส่วนหัวและรถพ่วงและมองปลายทางที่อยู่ IP ที่ส่วนหัว เนื่องจากแพ็กเก็ตไม่ต้อง router1 ต้องกำหนดเส้นทางออก .
4มันพยายามที่จะตรงกับปลายทางที่อยู่ในรายการของเครือข่ายที่รู้จักกัน เรียกว่าเส้นทาง . พบว่าปลายทางเครือข่ายสามารถเข้าถึงได้ผ่านทาง router2 ดังนั้นกรอบแพ็คเก็ตกับแหล่งที่อยู่ MAC ของออกจากอินเตอร์เฟซ ( ติดต่อกับที่อยู่ IP ของ 10.1.1.1 ) และที่อยู่ปลายทางของ router2 อินเตอร์เฟซ .
5 เมื่อ router2 ได้รับกรอบมันซ้ำแถบและค้นหากระบวนการและกรอบแพ็คเก็ตอีกครั้ง ก่อนที่จะส่งมา router3 . เวลาที่อยู่ MAC ของ router2 ออกอินเตอร์เฟซที่เป็นแหล่งที่อยู่ MAC ของ router3 ในขณะที่เป็นปลายทางที่อยู่ .
6 ในที่สุด router3 มองปลายทางที่อยู่ MAC และตระหนักดีว่าปลายทางเครือข่ายเชื่อมต่อโดยตรง .มันหาที่อยู่ MAC ของโฮสต์ปลายทางและกรอบแพ็คเก็ตใช้ MAC Address ของตัวเองเป็นแหล่งในขณะที่ MAC ของ host3 เป็นปลายทางที่อยู่ ในที่สุดกรอบส่งถึงปลายทาง .
7 ที่ปลายทาง กรอบจะถูกปล้น และปลายทางที่อยู่ IP จะตรวจสอบแล้ว IP ส่วนหัวจะถูกปล้น และ TCP ส่วนถึงชั้น 4 ของปลายทาง .
8 เมื่อ host3 ต้องตอบกลับ host1 TCP จะส่งตอบกลับส่วน IP .
9 IP จะเพิ่มส่วนหัวประกอบด้วยแหล่งที่อยู่ของ 192.168.5.20 และที่อยู่ปลายทางของ 192.168.1.10 และจะส่งให้ชั้น 2 สำหรับกรอบ .
10 โดย host3 หน้ากาก subnet ของ ,จะพิจารณาว่าปลายทางอยู่ในเครือข่ายระยะไกล ดังนั้น กรอบจะต้องมีที่อยู่ MAC ของเกตเวย์ปริยาย เป็นปลายทาง ถ้า host3 ไม่มีที่อยู่ MAC ของ router3 จะส่ง ARP แบบสอบถามเพื่อให้ได้มันมา เมื่อ host3 มี MAC มันจะกรอบส่วนและส่งมันออกไป router3 .
11router3 แถบกรอบหัวมองปลายทางที่อยู่ IP ใน IP ส่วนหัว จากตารางเส้นทาง ก็จะรู้ว่า ซองต้องไป router2 . มันจะกรอบแพ็คเก็ตกับแหล่งที่อยู่ MAC ของ fa0 / 0 interface และปลายทางที่อยู่ MAC จะอยู่ router2 เป็น fa0 / 1 ติดต่อ แล้วส่งมันออกไปยังสาย .
12router2 ได้รับกรอบและทำซ้ำขั้นตอนการส่งแพ็กเก็ตไปยังเราเตอร์ 1 .
13 router1 ได้รับกรอบจาก router2 และเอากรอบ โดยปลายทางที่อยู่ IP มันรู้ว่าซองเป็นของอินเตอร์เฟซที่เชื่อมต่อโดยตรง .
14 เพราะมันรับภาพจาก host1 ก่อนหน้านี้ มันมีที่อยู่ MAC ของโฮสต์ที่แมปไปยังที่อยู่ IP ของ ARP ตารางเราเตอร์ที่ใช้เพื่อสร้างกรอบของ fa0 / 0 interface ของ MAC เป็นแหล่ง host1 ที่อยู่ MAC เป็นปลายทาง และส่ง กรอบออกอินเตอร์เฟซ
15 เมื่อ host1 ได้รับกรอบ มันตรวจสอบที่อยู่ปลายทาง , รางกรอบและของ IP และส่ง TCP ส่วนชั้น 4