other than defining intelligence as

other than defining intelligence as “ how smart a person is ”(a trivial and circular definition) an acceptabla definition of this concept has been difficult to formulate. Indeed, heated debate over the nature of intelligence has occurred throughout the history of intelligence testing, acontroversy not confined to psychology. The prominence of this concern highlighrs the importance of the issue: Understanding intelligence and the abilities that contribute to intelligence is a basic question for understanding humans.
Psychologists have been concerned with the concept of intelligence since the 1890s (Schults & Schultz, 1992). However, the current conceptualization of intelligence was most influenced by the creation of the intelligence test in 1905. This test, formulated by Alfred Binet, Victor Henri, and Theodore Simon, measured a variety of mental adilities related to school performance, including memory, attention, comprehension, vocabulary, and imagination. A version of this test—the Stanford-Binet—appeared in the United States in 1916, and the mental testing movement decame an important part of psychology, especially in the United States.
The prevailing virw of intelligence during the 19th and early 20th centuries was that women’s intellect was inferior to men’s (Lewin, 1984a; Shields, 1975a). Lewis Terman who adapted the Binet-Simon test into the Stanford-Binet, did not believe in the intellectual inferiority of women. He himself had no trouble accepting the results of this test, which revealed no average differences between the intelligence of men and women. Indeed, the scores on the early versions of the Stanford-Binet showed that women scored slightly higher than men, but after some of the items that showed differences were eliminated, the average scores for women and girls were equal to those of men and boys (Terman & Merrill, 1937).
With the development of the mental testing movement came increased attention to the different abilities that might be included within the tests of intelligence. The test devised by Binet and his colleagues and adapted by Terman into the Stanford-Binet included mostly items classified as verbal; that is, questions that require the understanding and use of language.
Psychologist David Wechsler created an alternative intelligence test that divided abilities into verbal and performance skills. The verbal subtests required those being tested to provide verbal answers by performing certain tasks: supplying factual knowledge (information), defining vocabulary items (vocabulary), performing basic arithmetic computation (arithmetic), repeating a series of digits (digit span), understanding similarities between objects (similarities), and properly interpreting social conventions (comprehension). The performance subtests of Wechsler’s test required no verbal responses, but instead people responded by performing some action. The performance subtests included arranging pictures into a sensible story (picture arrangement), duplicating designs with blocks (block design), completing pictures that have some missing part (picture completion), assembling cut-up figures of common objects (object assembly), and learning and rapidly applying digit symbol codes (digit symbols) (Gregory, 1987). Figure 5.1 shows samples of the type of items on the Wechsler tests.
Unlike the Stanford-Binet, Wechsler’s test showed differences between the scores of men and women, with women scoring higher on the verbal subtests and men scoring higher on the performance subtests. Wechsler performed no item adjustment to equate average performance of women and men on the subtests. Although the combined scores on the Wechsler tests do not show gender differences, the subtest scores always have.
Nor are the Wechsler tests the only assessments that have revealed different abilities between male and female participants. Eleanor Maccoby and Carol Jacklin’s (1974) review of gender differences in intellectual performance likewise found differences in performance on verbal, mathematical, and spatial tasks. More recent research, however, has revealed that the patterns of gender differences in these mental abilities are more complex than the early reviews suggested. In addition, these differences have changed, and gender-related differences seen to be decreasing or perhaps disappearing.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ไม่ใช่กำหนดปัญญาเป็น "สมาร์ทวิธีผู้เป็น" (ตัวเล็กน้อย และวงกลมคำจำกัดความ) ข้อกำหนด acceptabla ของแนวคิดนี้แล้วยากที่จะกำหนด แน่นอน ถกเถียงผ่านธรรมชาติของปัญญาเกิดขึ้นตลอดประวัติศาสตร์ของการทดสอบ acontroversy ไม่จำกัดไปจิตวิทยาปัญญา ความโดดเด่นของ highlighrs เกี่ยวกับความสำคัญของปัญหา: ความเข้าใจสติปัญญาและความสามารถที่นำไปสู่ปัญญาเป็นคำถามพื้นฐานสำหรับความเข้าใจมนุษย์นักจิตวิทยาได้เกี่ยวข้องกับแนวคิดของปัญญาตั้งแต่ช่วงปี 1890 สื่อ (Schults และ Schultz, 1992) อย่างไรก็ตาม conceptualization ปัจจุบันของปัญญาถูกที่สุดรับอิทธิพลจากการสร้างการทดสอบปัญญาพ.ศ. 2448 สมัย การทดสอบนี้ โดยอัลเฟรด Binet, Henri Victor และธีโอดอร์ Simon วัด adilities จิตที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียน หน่วยความจำ ความสนใจ ความเข้าใจ คำศัพท์ และจินตนาการที่หลากหลาย รุ่นทดสอบนี้ – Binet สแตนฟอร์ดซึ่งปรากฏในสหรัฐอเมริกาใน 1916 และการเคลื่อนไหวทดสอบจิต decame ส่วนสำคัญของจิตวิทยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกาVirw ค่าของปัญญาในช่วงศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษว่า สติปัญญาของผู้หญิงไม่น้อยกับผู้ชาย (Lewin, 1984a โล่ 1975a) Lewis Terman ที่ดัดแปลงทดสอบ Binet – Simon Binet สแตนฟอร์ด ไม่เชื่อในต่ำปัญญาของผู้หญิง เขาเองมีปัญหาไม่ยอมรับผลการทดสอบนี้ ซึ่งเปิดเผยไม่มีความแตกต่างเฉลี่ยระหว่างสติปัญญาของชายและหญิง แน่นอน คะแนนในรุ่นแรก ๆ ของ Binet สแตนฟอร์ดพบว่า ผู้หญิงคะแนนเล็กน้อยสูงกว่าคน แต่หลังจากสินค้าบางรายการที่แสดงให้เห็นความแตกต่างได้ถูกตัดออก คะแนนเฉลี่ยสำหรับผู้หญิงและผู้หญิงได้เท่ากับผู้ชายและเด็กผู้ชาย (Terman และเมอร์ริล 1937)กับการพัฒนาของขบวนการทดสอบจิตมาเพิ่มความสนใจความสามารถต่าง ๆ ที่อาจรวมอยู่ในการทดสอบของปัญญา การทดสอบที่กำหนด โดย Binet และเพื่อนร่วมงานของเขา และดัดแปลง โดย Terman Binet สแตนฟอร์ดรวมราคาสินค้าส่วนใหญ่จัดเป็นวาจา นั่นคือ คำถามที่ต้องการความเข้าใจและใช้ภาษา จิตวิทยา David Wechsler สร้างทดสอบปัญญาอื่นที่ความสามารถในการแบ่งคำพูดและประสิทธิภาพการทำงานทักษะ Subtests วาจาต้องผู้ที่ถูกทดสอบให้คำตอบด้วยวาจา โดยการดำเนินงานบางอย่าง: ขายรู้เรื่อง (ข้อมูล), กำหนดรายการคำศัพท์ (คำศัพท์), ดำเนินการคำนวณทางคณิตศาสตร์พื้นฐาน (คณิตศาสตร์), ทำซ้ำชุดของตัวเลข (ตัวเลขช่วง), เข้าใจความเหมือนระหว่างวัตถุ (ความเหมือน), และการตีความถูกต้องทางสังคม (ความเข้าใจ) Subtests ประสิทธิภาพของของ Wechsler ทดสอบต้องไม่มีการตอบด้วยวาจา แต่คนตอบสนอง โดยการดำเนินการบางอย่างแทน Subtests ประสิทธิภาพรวมจัดเรียงภาพเป็นเรื่องสมเหตุสมผล (เรียงภาพ), ทำซ้ำแบบกับบล็อก (บล็อกออก ทำรูปภาพหายไปบางส่วน (สำเร็จรูป), ประกอบตัวเลขตัดสายทั่วไปวัตถุ (วัตถุประกอบ), และการเรียนรู้ และการใช้สัญลักษณ์ตัวเลขอย่างรวดเร็ว (ตัวเลขสัญลักษณ์) รหัส (เกรกอรี 1987) รูป 5.1 แสดงตัวอย่างของชนิดของสินค้าในการทดสอบ Wechsler ซึ่งแตกต่างจากสแตนฟอร์ด-Binet ของ Wechsler ทดสอบแสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างคะแนนของผู้ชายและผู้หญิง กับผู้หญิงให้คะแนนสูง subtests วาจาและคนที่ให้คะแนนสูงกับ subtests ประสิทธิภาพ Wechsler ดำเนินการปรับปรุงการกำหนดประสิทธิภาพการทำงานเฉลี่ยของหญิงและชายใน subtests ที่สินค้าไม่ ถึงแม้ว่าคะแนนรวมแบบทดสอบ Wechsler แสดงความแตกต่างเพศ subtest คะแนนเสมอได้ไม่มีการทดสอบ Wechsler ประเมินเท่าที่มีการเปิดเผยความสามารถที่แตกต่างกันระหว่างชาย และหญิงร่วม Maccoby เอเลเนอร์และแครอล Jacklin (1974) ทบทวนเพศความแตกต่างในประสิทธิภาพการทำงานทางปัญญากันพบความแตกต่างในประสิทธิภาพการทำงานงานด้วยวาจา คณิตศาสตร์ และปริภูมิ งานวิจัยล่าสุด อย่างไรก็ตาม ได้เปิดเผยว่า รูปแบบของเพศความแตกต่างในความสามารถทางจิตนี้จะซับซ้อนกว่ารีวิวช่วงที่แนะนำ นอกจากนี้ ความแตกต่างเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลง และที่เกี่ยวข้องกับเพศความแตกต่างระหว่างการลดลง หรืออาจหายไป

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อื่น ๆ นอกเหนือจากการกำหนดหน่วยสืบราชการลับเป็น "วิธีการที่สมาร์ทเป็นคน" (ความหมายที่น่ารำคาญและวงกลม) นิยาม acceptabla ของแนวคิดนี้ได้ยากที่จะกำหนด อันที่จริงการอภิปรายอุ่นธรรมชาติของปัญญาที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของการทดสอบปัญญา acontroversy ไม่ได้ จำกัด อยู่กับจิตวิทยา ความโดดเด่นของความกังวลนี้ highlighrs ความสำคัญของปัญหา. ปัญญาความเข้าใจและความสามารถที่นำไปสู่ปัญญาเป็นคำถามพื้นฐานสำหรับการทำความเข้าใจมนุษย์
นักจิตวิทยาได้รับการที่เกี่ยวข้องกับแนวความคิดของหน่วยสืบราชการลับมาตั้งแต่ยุค 1890 (Schults และชูลท์ซ, 1992) อย่างไรก็ตามแนวความคิดในปัจจุบันของหน่วยสืบราชการลับที่ได้รับอิทธิพลมากที่สุดโดยการสร้างการทดสอบสติปัญญาในปี 1905 การทดสอบนี้สูตรอัลเฟรด Binet วิคเตอร์อองรีและธีโอดอร์ไซมอนวัดความหลากหลายของ adilities จิตที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพของโรงเรียนรวมถึงหน่วยความจำที่ให้ความสนใจ เข้าใจคำศัพท์และจินตนาการ รุ่นนี้ทดสอบ Stanford-Binet ปรากฏในประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 1916 และการเคลื่อนไหวของการทดสอบทางจิต decame เป็นส่วนสำคัญของจิตวิทยาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา.
virw แลกเปลี่ยนของหน่วยสืบราชการลับในช่วงทศวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 เป็น ที่สติปัญญาของผู้หญิงก็ด้อยกว่าผู้ชาย (Lewin, 1984a; โล่ 1975a) ลูอิส Terman ที่ดัดแปลงมาทดสอบ Binet-Simon เข้าไปใน Stanford-Binet ไม่เชื่อในความด้อยปัญญาของผู้หญิง ตัวเขาเองก็ไม่มีปัญหาในการยอมรับผลของการทดสอบนี้ซึ่งเผยให้เห็นความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ยของหน่วยสืบราชการลับของชายและหญิง อันที่จริงคะแนนในรุ่นแรกของ Stanford-Binet แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงที่ได้คะแนนสูงกว่าคน แต่หลังจากที่บางส่วนของรายการที่แสดงให้เห็นความแตกต่างถูกกำจัดคะแนนเฉลี่ยสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิงเท่ากับบรรดาผู้ชายและเด็กผู้ชาย ( Terman และเมอร์ริ, 1937).
กับการพัฒนาของการเคลื่อนไหวการทดสอบทางจิตมาเพิ่มขึ้นความสนใจไปที่ความสามารถที่แตกต่างกันที่อาจจะรวมอยู่ในการทดสอบของหน่วยสืบราชการลับ ทดสอบการวางแผนโดย Binet และเพื่อนร่วมงานของเขาและดัดแปลงโดย Terman เข้าไปใน Stanford-Binet รวมรายการส่วนใหญ่จัดเป็นวาจา; นั่นคือคำถามที่จำเป็นต้องมีความเข้าใจและการใช้ภาษา.
นักจิตวิทยาเดวิดสร้าง Wechsler ทดสอบสติปัญญาทางเลือกที่แบ่งออกเป็นความสามารถในการพูดและทักษะการปฏิบัติงาน การทดสอบย่อยวาจาต้องมีการทดสอบผู้ให้คำตอบด้วยวาจาโดยการดำเนินงานบางอย่าง: การจัดหาความรู้จริง (ข้อมูล) การกำหนดคำศัพท์ (คำศัพท์) ละครคำนวณทางคณิตศาสตร์ขั้นพื้นฐาน (คณิตศาสตร์), การทำซ้ำชุดของตัวเลข (ช่วงหลัก) การทำความเข้าใจความคล้ายคลึงกัน ระหว่างวัตถุ (คล้ายคลึงกัน) และถูกตีความแบบแผนของสังคม (เข้าใจ) การทดสอบย่อยของการทดสอบประสิทธิภาพของ Wechsler ต้องตอบสนองด้วยวาจาไม่มี แต่คนที่ตอบสนองโดยการดำเนินการกระทำบางอย่าง การทดสอบย่อยผลการดำเนินงานรวมถึงการจัดภาพเป็นเรื่องที่เหมาะสม (การจัดรูป) ทำซ้ำการออกแบบด้วยบล็อก (บล็อกการออกแบบ) เสร็จภาพที่มีบางส่วนที่ขาดหาย (เสร็จสิ้นภาพ) ประกอบตัวเลขตัดขึ้นของวัตถุที่พบบ่อย (ประกอบวัตถุ) และ การเรียนรู้อย่างรวดเร็วและใช้รหัสสัญลักษณ์หลัก (สัญลักษณ์หลัก) (เกรกอรี่ 1987) รูปที่ 5.1 แสดงให้เห็นตัวอย่างของประเภทของรายการในการทดสอบ Wechsler.
ซึ่งแตกต่างจาก Stanford-Binet ทดสอบ Wechsler แสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างคะแนนของชายและหญิงที่มีผู้หญิงคะแนนที่สูงขึ้นในการทดสอบย่อยวาจาและผู้ชายคะแนนที่สูงขึ้นในการทดสอบย่อยประสิทธิภาพ Wechsler ดำเนินการปรับรายการที่จะถือเอาผลการดำเนินงานเฉลี่ยของผู้หญิงและผู้ชายในการทดสอบย่อย แม้ว่าคะแนนรวมในการทดสอบ Wechsler ไม่แสดงความแตกต่างทางเพศคะแนนการทดสอบย่อยมักจะมี.
หรือมี Wechsler ทดสอบประเมินผลเท่านั้นที่มีความสามารถที่แตกต่างกันเปิดเผยระหว่างผู้เข้าร่วมทั้งชายและหญิง เอเลนอร์และแครอลแมค Jacklin ของ (1974) รีวิวของความแตกต่างทางเพศในการทำงานที่แตกต่างกันทางปัญญาพบเช่นเดียวกันในการปฏิบัติงานในทางวาจาทางคณิตศาสตร์และงานเชิงพื้นที่ งานวิจัยล่าสุดอื่น ๆ แต่ได้แสดงให้เห็นว่ารูปแบบของความแตกต่างทางเพศในความสามารถทางจิตเหล่านี้มีความซับซ้อนมากขึ้นกว่าในช่วงต้นความคิดเห็นข้อเสนอแนะ นอกจากนี้ความแตกต่างเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงและแตกต่างทางเพศที่เกี่ยวข้องกับการเห็นจะลดลงหรืออาจจะหายไป

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นอกจากการกำหนดหน่วยเป็น " เป็นคนฉลาด " ( จิ๊บจ๊อยและวงกลมนิยาม ) acceptabla นิยามแนวคิดนี้ได้รับยากที่จะกำหนด แน่นอน การอภิปรายอุ่นกว่าธรรมชาติของปัญญาได้เกิดขึ้นตลอดประวัติศาสตร์ของการทดสอบสติปัญญา acontroversy ไม่ได้คับกับจิตวิทยา ความสำคัญของปัญหานี้ highlighrs ความสำคัญของปัญหา :ความเข้าใจ สติปัญญาและความสามารถที่ช่วยให้สติปัญญาเป็นคำถามพื้นฐานเพื่อความเข้าใจมนุษย์
นักจิตวิทยาได้เกี่ยวข้องกับแนวคิดของปัญญาตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1870 ( schults & Schultz , 1992 ) อย่างไรก็ตาม แนวความคิดปัจจุบันของปัญญาส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากผลงานของแบบทดสอบเชาวน์ปัญญาใน 1905 ทดสอบโดย บิเนต์ , สูตร ,วิคเตอร์ อองรี และธีโอดอร์ไซมอนวัดความหลากหลายของ adilities ทางจิตที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานโรงเรียน ได้แก่ ความจำ ความสนใจ ความเข้าใจคำศัพท์ และจินตนาการ รุ่นนี้ทดสอบ Stanford บิเนต์ที่ปรากฏในสหรัฐอเมริกาในปี 1916 และจิตการทดสอบการเคลื่อนไหว decame ส่วนสำคัญของจิตวิทยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา .
virw แลกเปลี่ยนข่าวกรองระหว่างศตวรรษที่ 20 ที่ 19 และต้น คือ สติปัญญาของผู้หญิงด้อยกว่าผู้ชาย ( เลวิน 1984a ; , โล่ 1975a ) ลูอิสเทอร์แมนที่ดัดแปลง บิเนต์ ไซมอน ทดสอบใน สแตนฟอร์ด บิเนต์ ไม่ได้เชื่อในความด้อยปัญญาของผู้หญิง เขามีปัญหาในการรับผลลัพธ์ของการทดสอบนี้ซึ่งพบว่า มีความแตกต่างระหว่างความฉลาดของชายและหญิง แน่นอน คะแนน ในรุ่นแรกๆ ของสแตนฟอร์ด บิเนต์ พบว่า ผู้หญิงมีมากกว่าผู้ชายเล็กน้อย แต่หลังจากที่บางส่วนของรายการที่แตกต่างกันที่ถูกตัดออก , คะแนนเฉลี่ยสำหรับผู้หญิง และผู้หญิงเท่ากับผู้ชายและเด็กชาย ( เทอร์แมน& Merrill , 1937 ) .
กับการพัฒนาของขบวนการทดสอบทางจิตมาเพิ่มความสนใจกับความสามารถที่แตกต่างกันที่อาจรวมอยู่ในการทดสอบเชาว์ปัญญา แบบร่างโดย บิเนต์และเพื่อนร่วมงานของเขาและดัดแปลงโดยเทอร์แมนในสแตนฟอร์ด บิเนต์รวมเป็นส่วนใหญ่แบ่งเป็น วาจา นั่นคือคำถามที่ต้องใช้ความเข้าใจและการใช้ภาษา
นักจิตวิทยาเดวิด เวคส์เลอร์สร้างทางเลือกแบบทดสอบเชาวน์ปัญญาที่แบ่งความสามารถในการพูดและทักษะในการปฏิบัติงาน การใช้แบบทดสอบวาจาผู้ถูกทดสอบให้วาจาตอบโดยงานบาง : การจัดหาความรู้จริง ( ข้อมูล ) , กำหนดรายการคำศัพท์ ( คำศัพท์ ) , การแสดงการคำนวณเลขคณิตพื้นฐาน ( คณิตศาสตร์ )อีกชุดของตัวเลข ( ช่วงหลัก ) , ความเข้าใจกันระหว่างวัตถุ ( ความคล้ายคลึงกัน ) และถูกตีความอนุสัญญาทางสังคม ( ความเข้าใจ ) การแสดงแบบทดสอบต้องไม่มีการตอบสนองของเว็กสเลอร์ วาจา แต่แทนที่คนตอบสนองโดยการแสดงบางการกระทำ ประสิทธิภาพแบบรวมการจัดเรียงภาพในเรื่องที่เหมาะสม ( การจัดเรียงภาพ )โรเนียวแบบบล็อก ( Block ) จบภาพที่ขาดหายไปบางส่วน ส่วนหนึ่ง ( เสร็จภาพ ) , ประกอบตัดขึ้นรูปวัตถุทั่วไป ( ประกอบวัตถุ ) , การเรียนรู้และการประยุกต์ใช้อย่างรวดเร็วและตัวเลขสัญลักษณ์รหัส ( สัญลักษณ์หลัก ) ( Gregory , 1987 ) รูปที่ 5.1 แสดงให้เห็นตัวอย่างของประเภทของรายการในเว็กสเลอร์ทดสอบ ซึ่งแตกต่างจากสแตนฟอร์ด บิเนต์
,เว็กสเลอร์ของผลการทดสอบความแตกต่างระหว่างคะแนนของชายและหญิง มีคะแนนสูงกว่าในผู้หญิงและผู้ชายแบบวาจาคะแนนที่สูงขึ้นในการทำงานระหว่าง แสดงรายการที่ไม่มีการเว็กสเลอร์ต่อสมรรถนะเฉลี่ยของผู้หญิงและผู้ชายในฉบับ แม้ว่าคะแนนรวมในเว็กสเลอร์ทดสอบไม่แสดงความแตกต่างทางเพศ คะแนนแบบทดสอบย่อยเสมอ
.หรือเป็นเว็กสเลอร์ทดสอบการประเมินเท่านั้นที่ได้เปิดเผยความสามารถที่แตกต่างระหว่างชายและหญิงผู้เข้าร่วม เอลานอร์แมคโคบี้ และ แครอล Jacklin ( 1974 ) รีวิวของความแตกต่างทางเพศในการปฏิบัติทางปัญญาและพบความแตกต่างในการปฏิบัติทางคณิตศาสตร์และงานเชิงพื้นที่ ล่าสุดงานวิจัย อย่างไรก็ตามได้เปิดเผยว่า รูปแบบของความแตกต่างทางเพศในความสามารถทางจิตเหล่านี้มีความซับซ้อนมากกว่าความคิดเห็นก่อนแนะนำ นอกจากนี้ ความแตกต่างเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลง และเพศที่เกี่ยวข้องกับความแตกต่างที่เห็น จะลดลง หรืออาจจะหายไป