as well as other diseases. Green te

as well as other diseases. Green tea has potent Vitamin C that helps lipid peroxides and helps reduce cholesterol. Ingesting Vitamin C not only helps deprive of suffering from the diseases but also prevents aging. Therefore, drinking several cups of tea may result in protecting health and prolonging life because tea can lower cholesterol levels and prevent arteriosclerosis and hypertension (Lin, 1996). Green tea is also beneficial to weight control. A recent study (Nagao et al., 2005) published in the American Journal of Clinical Nutrition indicated that the ingestion of a tea rich in catechins leads to both lowering of body fat and of cholesterol levels. Green tea contains rich catechin polyphenols that boost metabolism, accelerate the burning of fat calories in people who are overweight and, therefore, cause weight loss (Alfonso, 2004). Green tea also blocks absorption of bad fats (i.e. saturated and trans fats) by 30 percent, while theonine promotes calmness and improves the mood (Perricone, 2001). Moreover, tea possesses beauty benefits. Initial experiments show that tea's antioxidant properties help fight ultraviolet rays and help prevent sunburn, wrinkles and even skin cancer (Mukhtar et al., 1994). Although green tea leaves have been shown to help prevent skin diseases in mice, research has not yet been done on humans (Katiyar, 2003). It is cautioned that green tea is a preventive step, not a cure, for skin cancer. And it is not clear if applying tea to the skin is the same as drinking it. However, inconclusive research does not stop green tea from being used in more and more skin products, including lotions, creams, bath and shower washes and shampoos (Rosen, 2002).
Wang Chun-Chin who established Wang Te Chuan teahouse said, “Tea beverages are the exclusive product of elderly people’s stereotype” (quoted in Li, 2004). Indeed, tea is not only an indispensable agricultural product in the history of Taiwan, but also has a close relationship with Taiwanese of all times. In the 1960’s and 70’s, Taiwanese people always had a pot of tea with friends when they finished their work in the evenings (Li, 2004). If someone claimed that he grew up with drinking tea all the time, no one in Taiwan would doubt about it. 2.4 The Growth of Coffee Consumption in Taiwan As a popular beverage, coffee is long-standing in history and often associated with the culture of cafés. It is said that coffee originated from Ethiopia and has spread to the rest of the world via Egypt and Europe since its discovery that dated back to as far as the 9th century (Debry, 1994). Coffee ingestion on average amounts to around a third that of tap water in most of North America and Europe (Coffee, n.d.). In 2002 in the US alone, coffee consumption was 22.1 gallons per person (Coffee, n.d.). In
addition to offering fine sweet bakery, light meals and great coffee along with other hot or cold drinks (e.g. tea, chocolate), an essential part of a coffeehouse from its beginnings has functioned as a public, sociable place where people enjoy various activities, such as congregating, chatting, writing, reading, playing games, or even whiling away time individually or in small groups. This tradition continues on with any degree between cemeterial tranquility, urban hustle and enthralling cultural events (Café, n.d.). In small cities a coffeehouse is functioned as a venue where messages might be circulated. American coffee shops are also often associated with jazz and acoustic music, played either live or recorded in shops. However, it was not until thirty years ago that the culture of cafés arrived in Taiwan. The main reason of the late introduction is that the culture of tea was longstanding in Taiwan. Another reason is that coffee was something that not everyone could afford due to its expensive price. Nowadays, with the culture interflow between the east and the west, coffee has become a very common beverage and coffee shops and cafés have been springing up all over Taiwan, especially in metropolitan areas. The culture of coffee spreads to Taiwan along with the café tradition where people in Taiwan relax in their leisure time. With the help of advertising promotion, people in Taiwan now consume a large amount of coffee. According to an investigation in 1997 that was published by the Council of Agriculture in the Executive Yuan, canned coffee was second in the market for packaged beverages, only slightly behind bottled water (Zhang, 2004). “If I am not at home, I’ll be at the café; if I am not at the café, I am on the way to the coffee shop. Even if I am busy, I still want to have a cup of coffee with you.” (quoted in Zhang, 2004). Slogans for coffee—if they are catchy enough— often become part of our culture, though the message we receive may be subliminal. Over the past ten years, the culture of cafés has tremendously impacted Taiwan’s dietary habits. Many coffee shop chains have dropped their prices in order to expand their consumer bas

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เช่นเดียวกับโรคอื่น ๆ ชาเขียวมีวิตามินซีมีศักยภาพที่ช่วยให้ไขมันเปอร์ออกไซด์ และช่วยลดคอเลสเตอร บริโภควิตามินซีไม่เพียงแต่ช่วยให้สมาชิกของความทุกข์ทรมานจากโรค แต่ยัง ป้องกันริ้วรอย ดังนั้น ดื่มชาหลายถ้วยอาจส่งผลให้สุขภาพ และยืดอายุการใช้งานเนื่องจากสามารถลดระดับคอเลสเตอร และป้องกันภาวะหลอดเลือดแข็งและความดันโลหิตสูง (Lin, 1996) นอกจากนี้ชาเขียวยังมีประโยชน์ควบคุมน้ำหนัก การศึกษาล่าสุด (งาโอะ et al. 2005) การเผยแพร่ในสหรัฐอเมริกาวารสารคลินิกโภชนาการระบุว่า กินชาอุดม catechins ที่นำไปสู่ทั้งลดไขมันในร่างกาย และระดับคอเลสเตอร ชาเขียวประกอบด้วยคาเตคินรวยในโพลีฟีนที่เพิ่มการเผาผลาญ เร่งการเผาไหม้แคลอรี่ไขมันในคนน้ำหนักเกิน และ ดังนั้น ทำให้สูญเสียน้ำหนัก (โซ 2004) ชาเขียวยังบล็อกการดูดซึมของไขมันไม่ดี (เช่นอิ่มตัว และไขมันทรานส์) 30 เปอร์เซ็นต์ theonine สงบการส่งเสริม และปรับปรุงอารมณ์ (Perricone, 2001) นอกจากนี้ ชามีความ การทดลองเริ่มต้นแสดงคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระของชาที่ต่อสู้กับรังสีอัลตราไวโอเลต และป้องกันผิวไหม้ ริ้วรอย และมะเร็งผิวหนังได้ (Mukhtar et al. 1994) แม้ว่าใบชาเขียวได้รับการแสดงเพื่อช่วยป้องกันโรคผิวหนังในหนู ไม่ได้มีงานวิจัยในมนุษย์ (Katiyar, 2003) มันจะเตือนว่า ชาเขียวเป็นขั้นตอนป้องกัน ไม่รักษา มะเร็ง และไม่ชัดเจนว่าใช้ชาผิวจะเหมือนกับการดื่มมัน อย่างไรก็ตาม งานวิจัยที่พิสูจน์ไม่ได้ไม่หยุดชาเขียวถูกนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมาก ขึ้น โลชั่น ครีม ล้างอ่างอาบน้ำและฝักบัวอาบน้ำ และแชมพู (โร 2002) วังชุนชิ้นที่สร้างวัง Te ชวนชากล่าวว่า, "เครื่องดื่มชา ผลิตภัณฑ์เฉพาะของผู้สูงอายุตายตัว" (ยก Li, 2004) จริง ชาไม่เป็นเพียงสินค้าเกษตรสำคัญในประวัติศาสตร์ของไต้หวัน แต่ยัง มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับไต้หวันของเวลา ในปี 1960 และ 70 คนไต้หวันมักจะมีหม้อชากับเพื่อนเมื่อพวกเขาเสร็จงานในตอนเย็น (Li, 2004) ถ้ามีคนอ้างว่า เขาเติบโตมากับการดื่มชาตลอดเวลา ไม่มีใครในไต้หวันจะสงสัยเกี่ยวกับมัน 2.4 การเติบโตของการบริโภคกาแฟในไต้หวันเป็นเครื่องดื่มยอดนิยม กาแฟเป็นอันยาวนานในประวัติศาสตร์ และมักจะเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมของร้านกาแฟ กล่าวว่า กาแฟมีต้นกำเนิดจากประเทศเอธิโอเปีย และได้แพร่กระจายไปยังส่วนเหลือของโลกผ่านอียิปต์และยุโรปตั้งแต่ค้นพบวันที่กลับไปเท่าที่ศตวรรษที่ 9 (Debry, 1994) กินกาแฟโดยเฉลี่ยจำนวนรอบที่สามที่การแตะน้ำในอเมริกาเหนือและยุโรป (กาแฟ n.d.) ใน 2002 ในสหรัฐอเมริกาเพียงอย่างเดียว การบริโภคกาแฟเป็นแกลลอน 22.1 ต่อท่าน (กาแฟ n.d.) ใน นอกจากนี้การนำเสนอดีหวานเบเกอรี่ อาหาร และกาแฟดีอื่น ๆ ร้อน หรือเครื่องดื่มเย็น (เช่นชา ช็อคโกแลต), ส่วนสำคัญของกาแฟจากจุดเริ่มต้นของมีแยกเป็นสถานสาธารณะ เข้ากับคนง่ายที่ผู้คนเพลิดเพลินกับกิจกรรมต่าง ๆ congregating สนทนา เขียน อ่าน เล่นเกม หรือแม้แต่พักตามไปครั้งละราย หรือกลุ่มเล็ก ประเพณีนี้ยังคงในระดับใด ๆ ระหว่าง cemeterial สงบ ความวุ่นวายในเมือง และกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่สำคัญ ๆ หลายแห่ง (คาเฟ่ n.d.) ในเมืองขนาดเล็ก กาแฟจะทำเป็นสถานที่อาจเข็งข้อความ ร้านกาแฟสไตล์อเมริกันมักจะเกี่ยวข้องกับดนตรีแจ๊ส และเสียงเพลง เล่นสด หรือบันทึกไว้ในร้าน อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ถึงสามสิบปีที่ผ่านมาวัฒนธรรมของร้านมาในไต้หวัน เหตุผลหลักของการแนะนำสายว่า วัฒนธรรมของชาเป็นผลพวงในไต้หวัน เหตุผลคือ ว่า กาแฟเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่สามารถเนื่องจากราคาแพง ในปัจจุบันนี้ กับ interflow วัฒนธรรมระหว่างตะวันออกและตะวันตก กาแฟกลายเป็น เครื่องดื่มทั่วไปมาก และร้านกาแฟและร้านกาแฟมีการผุดขึ้นทั่วไต้หวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเมือง วัฒนธรรมกาแฟกระจายไต้หวันพร้อมกับประเพณีคาเฟ่ที่คนไต้หวันที่ผ่อนคลายในเวลาว่าง ช่วยโฆษณาโปรโมชั่น คนในไต้หวันตอนนี้กินกาแฟเป็นจำนวนมาก ตามการสืบสวนในปี 1997 ที่ประกาศ โดยสภาเกษตรที่หยวนบริหาร กาแฟกระป๋องถูกสองในตลาดสำหรับบรรจุเครื่องดื่ม เพียงเล็กน้อยหลังน้ำดื่มบรรจุขวด (เตียว 2004) "หากไม่อยู่บ้าน จะที่คาเฟ่ ถ้าผมไม่ได้มาที่คาเฟ่ ผมทางไปร้านกาแฟ ถ้าผมยุ่ง ฉันยังคงต้องการถ้วยกาแฟกับคุณ" (เงินจาง 2004) สโลแกนสำหรับกาแฟ — ถ้าพวกเขาจะลวงพอ — มักจะเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม แม้ว่าข้อความที่เราได้รับอาจจะอ่อนเกิน ปีที่ผ่านมาสิบ วัฒนธรรมของร้านอย่างมากมีผลกระทบต่อนิสัยการบริโภคอาหารของไต้หวัน หลายร้านโซ่ตกราคาเพื่อขยาย bas ของผู้บริโภค

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เช่นเดียวกับโรคอื่น ๆ ชาเขียวมีวิตามินซีที่มีศักยภาพที่จะช่วยให้เปอร์ออกไซด์ไขมันและช่วยลดคอเลสเตอรอล กินวิตามินซีไม่เพียง แต่ช่วยกีดกันของทุกข์ทรมานจากโรค แต่ยังช่วยป้องกันริ้วรอย ดังนั้นการดื่มหลายถ้วยชาอาจส่งผลในการปกป้องสุขภาพและยืดอายุเพราะชาสามารถลดระดับคอเลสเตอรอลและป้องกันหลอดเลือดและความดันโลหิตสูง (หลิน, 1996) ชาเขียวยังเป็นประโยชน์ในการควบคุมน้ำหนัก ผลการศึกษาล่าสุด (Nagao et al., 2005) การตีพิมพ์ในวารสารอเมริกันคลินิกโภชนาการชี้ให้เห็นว่าการบริโภคของชาที่อุดมไปด้วย catechins นำไปสู่การทั้งลดไขมันในร่างกายและระดับคอเลสเตอรอล ชาเขียวมีสารโพลีฟี catechin ที่อุดมไปด้วยที่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญอาหารเร่งการเผาผลาญแคลอรี่ไขมันในคนที่มีน้ำหนักเกินและดังนั้นจึงก่อให้เกิดการสูญเสียน้ำหนัก (อัลฟองโซ, 2004) ชาเขียวยังบล็อกการดูดซึมของไขมันไม่ดี (อิ่มตัว IE และไขมันทรานส์) โดยร้อยละ 30 ในขณะที่ theonine ส่งเสริมความสงบและช่วยเพิ่มอารมณ์ (Perricone 2001) เดอะ นอกจากนี้ชาครอบครองผลประโยชน์ความงาม เริ่มต้นการทดลองแสดงให้เห็นว่าชาคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระช่วยต่อสู้กับรังสีอัลตราไวโอเลตและช่วยป้องกันไม่ให้ผิวไหม้, ริ้วรอยและแม้กระทั่งโรคมะเร็งผิวหนัง (Mukhtar et al., 1994) แม้ว่าใบชาเขียวได้รับการแสดงเพื่อช่วยป้องกันโรคผิวหนังในหนูมีงานวิจัยที่ยังไม่ได้รับการดำเนินการเกี่ยวกับมนุษย์ (Katiyar, 2003) มันเป็นเรื่องที่เตือนว่าชาเขียวเป็นขั้นตอนป้องกันไม่รักษาสำหรับโรคมะเร็งผิวหนัง และมันจะไม่ชัดเจนหากใช้น้ำชาให้กับผิวเป็นเช่นเดียวกับการดื่มมัน อย่างไรก็ตามการวิจัยสรุปไม่ได้ไม่ได้หยุดชาเขียวจากการถูกนำมาใช้ในมากขึ้นและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรวมทั้งโลชั่น, ครีมอาบน้ำและห้องอาบน้ำฝักบัวล้างและแชมพู (Rosen, 2002).
วังจุนชินซึ่งเป็นที่ยอมรับวัง Te ชวนโรงน้ำชากล่าวว่า "ชา เครื่องดื่มเป็นสินค้าที่มีความพิเศษของต้นแบบของผู้สูงอายุ "(อ้างใน Li, 2004) อันที่จริงชาไม่ได้เป็นเพียงสินค้าเกษตรที่ขาดไม่ได้ในประวัติศาสตร์ของไต้หวัน แต่ยังมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับชาวไต้หวันของทุกครั้ง ในปี 1960 และ 70 ของคนไต้หวันมักจะมีหม้อชากับเพื่อน ๆ เมื่อพวกเขาเสร็จสิ้นการทำงานของพวกเขาในช่วงเย็น (Li, 2004) ถ้ามีคนอ้างว่าเขาเติบโตขึ้นมาด้วยการดื่มชาตลอดเวลาที่ไม่มีใครในไต้หวันจะสงสัยเกี่ยวกับมัน 2.4 การเจริญเติบโตของการบริโภคกาแฟในไต้หวันในฐานะที่เป็นเครื่องดื่มที่นิยมกาแฟเป็นมายาวนานในประวัติศาสตร์และมักจะเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมของคาเฟ่ มันก็บอกว่ามาจากกาแฟเอธิโอเปียและแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของโลกผ่านทางอียิปต์และยุโรปตั้งแต่การค้นพบว่าวันที่กลับไปเท่าที่ศตวรรษที่ 9 (Debry, 1994) การบริโภคกาแฟในปริมาณเฉลี่ยในรอบที่สามที่น้ำประปาในส่วนของทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป (Coffee, ND) ในปี 2002 ในสหรัฐเพียงอย่างเดียวการบริโภคกาแฟเป็น 22.1 แกลลอนต่อคน (กาแฟ, ND) ใน
นอกจากจะให้บริการเบเกอรี่หวานดีอาหารว่างและเครื่องชงกาแฟที่ดีพร้อมกับเครื่องดื่มร้อนหรือเย็นอื่น ๆ (เช่นชา, ช็อคโกแลต) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของกาแฟจากจุดเริ่มต้นของมันได้ทำหน้าที่เป็นสาธารณะสถานที่เข้ากับคนง่ายที่ผู้คนเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมต่างๆ เช่นชุมนุม, แชท, การเขียน, การอ่าน, เล่นเกม, หรือแม้กระทั่ง whiling ไปเวลาเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ประเพณีนี้ยังคงมีระดับใด ๆ ระหว่างความเงียบสงบ cemeterial เร่งรีบในเมืองและกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่ทำให้เป็นทาส (คาเฟ่, ND) ในเมืองเล็ก ๆ ที่ร้านกาแฟจะทำหน้าที่เป็นสถานที่ที่ข้อความที่อาจจะมีการหมุนเวียน ร้านกาแฟอเมริกันก็มักจะเกี่ยวข้องกับดนตรีแจ๊สและอคูสติกเล่นได้ทั้งสดหรือบันทึกไว้ในร้านค้า แต่มันไม่ได้จนกว่าสามสิบปีที่ผ่านมาว่าวัฒนธรรมของคาเฟ่มาถึงในไต้หวัน เหตุผลหลักของการเปิดตัวในช่วงปลายก็คือวัฒนธรรมของชาเป็นมายาวนานในไต้หวัน เหตุผลก็คือว่ากาแฟเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่สามารถจ่ายเนื่องจากราคาแพง ปัจจุบันกับ interflow วัฒนธรรมระหว่างตะวันออกและตะวันตก, เครื่องชงกาแฟได้กลายเป็นเรื่องธรรมดามากเครื่องดื่มและร้านกาแฟและคาเฟ่ได้รับการผุดขึ้นทั่วไต้หวันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตปริมณฑล วัฒนธรรมของกาแฟแพร่กระจายไปยังประเทศไต้หวันพร้อมกับประเพณีคาเฟ่ที่ผู้คนในไต้หวันผ่อนคลายในเวลาว่างของพวกเขา ด้วยความช่วยเหลือของโปรโมชั่นโฆษณาที่ผู้คนในไต้หวันในขณะนี้ใช้จำนวนมากของกาแฟ ตามที่การสอบสวนในปี 1997 ที่ได้รับการตีพิมพ์โดยสภาเกษตรในบริหารเงินหยวน, เครื่องชงกาแฟกระป๋องเป็นครั้งที่สองในตลาดสำหรับเครื่องดื่มบรรจุเพียงเล็กน้อยหลังน้ำดื่มบรรจุขวด (Zhang, 2004) "ถ้าผมไม่ได้อยู่ที่บ้านผมจะเป็นคาเฟ่; ถ้าฉันไม่ได้อยู่ที่คาเฟ่ผมทางไปร้านกาแฟ แม้ว่าฉันไม่ว่างผมก็ยังต้องการที่จะมีถ้วยกาแฟกับคุณ. "(อ้างใน Zhang, 2004) คำขวัญสำหรับกาแฟหากพวกเขาเป็นที่จับใจ enough- มักจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของเราแม้ว่าข้อความที่เราได้รับอาจจะอ่อน กว่าสิบปีที่ผ่านวัฒนธรรมคาเฟ่ได้รับผลกระทบอย่างมากพฤติกรรมการบริโภคอาหารของไต้หวัน หลายเครือข่ายร้านกาแฟได้ลดลงราคาของพวกเขาเพื่อขยายรูปปั้นของผู้บริโภค

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เช่นเดียวกับโรคอื่น ๆ ชาเขียวมีวิตามินซี ที่ช่วยให้ไขมันเปอร์ออกไซด์ที่มีศักยภาพและช่วยลดคอเลสเตอรอล การกินวิตามินซี ไม่เพียง แต่จะช่วยกีดกันของความทุกข์ทรมานจากโรค แต่ยังป้องกันริ้วรอย ดังนั้น การดื่มหลายถ้วยชาที่อาจส่งผลในการปกป้องสุขภาพและชีวิตไว้ เพราะชาสามารถลดระดับคอเลสเตอรอล และป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว และความดันโลหิตสูง ( หลิน , 1996 ) ชาเขียวยังเป็นประโยชน์ต่อการควบคุมน้ำหนัก การศึกษาล่าสุด ( นากาโอะ et al . , 2005 ) ตีพิมพ์ในวารสารอเมริกันคลินิกโภชนาการพบว่า การรับประทานชาอุดมไปด้วยคาทิชินนัก ทั้งการลดไขมันของร่างกาย และระดับคอเลสเตอรอล ชาเขียวมีโพลีฟีน Catechin ที่ร่ำรวยเพิ่มการเผาผลาญอาหาร เร่งการเผาผลาญไขมันแคลอรี่ในคนอ้วน และ จึง ทำให้เกิดการสูญเสียน้ำหนัก ( Alfonso , 2004 ) ชาเขียวยังบล็อกการดูดซึมของไขมันเลวคือไขมันอิ่มตัว และไขมัน trans ) โดยร้อยละ 30 ในขณะที่ส่งเสริมสันติสุขกรัม / กิโลกรัมและปรับปรุงอารมณ์ ( แปร์ริโคเน่ , 2001 ) นอกจากนี้ ชามีคุณสมบัติประโยชน์ความงาม การทดลองเริ่มต้นที่แสดงคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระชาช่วยต่อสู้กับรังสีอัลตราไวโอเลต และช่วยป้องกันไม่ให้ผิวไหม้ , ริ้วรอยและมะเร็งผิวหนังได้ ( มุก et al . , 1994 ) แม้ว่าชาเขียวได้รับการแสดงเพื่อช่วยป้องกันโรคผิวหนังในหนู งานวิจัยยังไม่เสร็จในมนุษย์ ( katiyar , 2003 ) มันเตือนว่าชาเขียวเป็นขั้นตอนป้องกัน ไม่ได้รักษา โรคมะเร็งผิวหนัง และมันไม่ชัดถ้าใช้ชาเขียวเพื่อผิวเช่นเดียวกับการดื่มมัน อย่างไรก็ตาม การวิจัยยังไม่หยุดชาเขียวจากถูกใช้มากขึ้นและมากขึ้นรวมทั้งผลิตภัณฑ์ผิว โลชั่น ครีม อาบน้ำ และล้างหน้าอาบน้ำและแชมพู ( Rosen , 2002 )วังชอนคางที่สร้างวัง Te ชวนโรงน้ำชากล่าวว่า " เครื่องดื่มชาเป็นผลิตภัณฑ์แบบเอกสิทธิ์เฉพาะบุคคลของประชาชนผู้สูงอายุต้นแบบ " ( อ้างใน ลี , 2004 ) แน่นอน ชาเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่ขาดไม่ได้ในประวัติศาสตร์ของไต้หวัน แต่ยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับไต้หวันของเวลาทั้งหมด ในช่วงปี 1960 และ 70 ของคนไต้หวันมักจะมีน้ำชากับเพื่อน ๆเมื่อพวกเขาเสร็จสิ้นการทำงานของพวกเขาในตอนเย็น ( Li , 2004 ) ถ้าใครอ้างว่าเขาเติบโตขึ้นมาด้วยการดื่มชาตลอดเวลา หนึ่งในไต้หวันจะสงสัยเกี่ยวกับมัน 2.4 การเติบโตของการบริโภคกาแฟในไต้หวัน เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยม กาแฟอันยาวนานในประวัติศาสตร์และมักจะเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมของคาเฟ่ S . มันบอกว่ากาแฟที่มาจากประเทศเอธิโอเปียและมีการแพร่กระจายไปยังส่วนที่เหลือของโลกผ่านทางอียิปต์ และยุโรป นับตั้งแต่การค้นพบที่ลงวันที่กลับไปเท่าที่ศตวรรษที่ 9 ( debry , 1994 ) ดื่มกาแฟโดยเฉลี่ยปริมาณรอบสามที่น้ำในส่วนใหญ่ของทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป ( กาแฟ n.d. ) 2545 ในสหรัฐอเมริกาเพียงอย่างเดียว การบริโภคกาแฟคือ 22.1 แกลลอนต่อคน ( กาแฟ n.d. ) ในนอกจากเสนอเบเกอรี่หวานดี , อาหารว่างและกาแฟที่ดีพร้อมกับเครื่องดื่มร้อนหรือเย็นอื่น ๆ ( เช่นชา , ช็อคโกแลต ) , เป็นส่วนสําคัญของการจากจุดเริ่มต้นได้ทำหน้าที่เป็นสาธารณะ เข้ากับคนง่าย สถานที่ที่คนเพลิดเพลินกับกิจกรรมต่าง ๆเช่น ทะแยง สนทนา อ่าน เขียน ได้ เล่นเกม หรือแม้กระทั่ง whiling เวลาเป็นรายบุคคลหรือในกลุ่มเล็ก ๆ ประเพณีนี้อย่างต่อเนื่องในระดับใดระหว่าง cemeterial วิเวก เร่งรีบ และเมืองที่น่าตื่นเต้นกิจกรรมทางวัฒนธรรม ( คาเฟ่ n.d. , ) ในเมืองเล็ก ๆ การเป็นทำหน้าที่เป็นสถานที่ที่ข้อความอาจจะแพร่กระจายไป ร้านค้ากาแฟอเมริกันมักจะเกี่ยวข้องกับแจ๊สและเพลงอะคูสติก , เล่นสดหรือที่บันทึกไว้ในร้านค้า แต่มันไม่ได้จนกว่าสามสิบปีก่อนว่าวัฒนธรรมของคาเฟ่ S มาถึงในไต้หวัน เหตุผลหลักของการมาสายคือวัฒนธรรมของชาได้ยาวนานในไต้หวัน อีกเหตุผลหนึ่งคือ ว่า กาแฟเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถจ่ายได้ เนื่องจากราคาของแพง ทุกวันนี้ กับทางแยกต่างระดับ , ทางแยกยกระดับวัฒนธรรมระหว่างตะวันออกและตะวันตก กาแฟได้กลายเป็นเครื่องดื่มที่พบบ่อยมาก และร้านกาแฟและคาเฟ่ S ได้ผุดขึ้นทั่วไต้หวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร วัฒนธรรมของกระจายกาแฟไต้หวันพร้อมกับคาเฟ่ประเพณีที่คนในไต้หวันผ่อนคลายในเวลาว่างของพวกเขา ด้วยความช่วยเหลือของการโฆษณาการส่งเสริมประชาชนในไต้หวันตอนนี้กินจำนวนมากของกาแฟ จากการสอบสวนในปี 1997 ที่ตีพิมพ์โดยสภาการเกษตรในผู้บริหารหยวน กาแฟกระป๋องเป็นสองในตลาดสำหรับบรรจุเครื่องดื่มเพียงเล็กน้อยที่ด้านหลังขวดน้ำ ( Zhang , 2004 ) " ถ้าผมไม่ได้อยู่ที่บ้าน ผมจะอยู่ที่คาเฟ่ ถ้าผมไม่ได้อยู่ที่ร้านกาแฟ ฉันอยู่ระหว่างทางไปร้านกาแฟ ถึงแม้ว่าผมจะยุ่ง ผมยังอยากไปดื่มกาแฟกับคุณ . " ( อ้างใน จาง , 2004 ) คำขวัญสำหรับกาแฟถ้าพวกเขาจะลวงเพียงพอมักจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของเรา แม้ว่าข้อความที่เราได้รับอาจจะอ่อนเกิน กว่าสิบปีที่ผ่านมา วัฒนธรรมของคาเฟ่ S ได้เป็นอย่างมาก ผลกระทบของไต้หวันบริโภคนิสัย โซ่กาแฟหลายร้านได้ลดลงราคาของพวกเขาในการขยายของพวกเขา