Fiscal policy in the Mundell–Flemin

Fiscal policy in the Mundell–Fleming model

Fiscal policy manipulates government spending and taxes to achieve policy goals (such as a rise in income).

Fiscal policy comprises all policy measures related to the government budget. On the aggregate level this amounts to government spending and raising gov- ernment revenue by levying taxes.
In terms of the Mundell–Fleming model, if the government increases expenditures the IS curve shifts to the right. The size of this shift is given by the multiplier derived in Chapter 2 (times G). There the interest rate was (implicitly) considered constant, and the multiplier indicated by how much equilibrium income rises after a one-unit increase of government expenditure. As this holds at all interest rates, the IS curve shifts exactly by the size of the original multiplier to the right (see Figure 5.1).
If the interest rate actually remains at the level of the world interest rate, and the foreign exchange market equilibrium condition says it must, equilib- rium moves from A to B. B is not a money market equilibrium, however. With the interest rate unchanged and higher income than at A, individuals wish to hold more money at B than is being supplied. This excess demand for money puts upward pressure on the interest rate. If we could ignore the FE curve, this would drive up the interest rate along LM1 until it reached equi- librium in the money market at C.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นโยบายทางการเงินในรูปแบบของ Mundell-เฟลมมิ่งนโยบายการคลังจัดการใช้จ่ายของรัฐบาลและภาษีเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนโยบาย (เช่นการเพิ่มขึ้นของรายได้)นโยบายการคลังประกอบด้วยมาตรการนโยบายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณของรัฐบาล ในระดับรวม นี้จำนวนเงินที่รัฐบาลใช้จ่าย และเพิ่มรายได้ตู้ ernment โดยการเกณฑ์ภาษีในแง่ของรูปแบบของ Mundell-เฟลมิง ถ้ารัฐบาลเพิ่มรายจ่าย โค้งคือเลื่อนไปทางขวา ขนาดของการเปลี่ยนแปลงนี้ถูกกำหนด โดยตัวคูณที่ได้มาในบทที่ 2 (คูณ G) มีอัตราดอกเบี้ยถูก (นัย) ถือว่าคง และระบุตัวคูณ โดยสมดุลเท่าใดรายได้เพิ่มขึ้นหลังจากหนึ่งหน่วยเพิ่มขึ้นของรายจ่ายรัฐบาล ขณะนี้ถืออัตราดอกเบี้ย โค้งคือกะว่า โดยขนาดของตัวคูณเดิมไปทางขวา (ดูรูปที่ 5.1)ถ้าอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับของอัตราดอกเบี้ยโลกจริง และสภาวะสมดุลตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศกล่าวว่า มันต้อง equilib rium ย้ายจาก A ไป b. B ไม่ได้สมดุลในตลาดเงิน อย่างไรก็ตาม ด้วยอัตราดอกเบี้ย รายได้สูง และไม่เปลี่ยนแปลงมากกว่าที่ A บุคคลที่ต้องการถือเงินที่ B มากกว่าการมา ความต้องการส่วนเกินนี้คุ้มทำให้ดันต่อในอัตราดอกเบี้ย ถ้าเราสามารถละเลยโค้ง FE นี้จะขับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตาม LM1 จนมันถึง equi-แวเลี่ยมในตลาดเงินที่ c

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นโยบายการคลังใน Mundell-เฟลมมิ่งรูปแบบ

นโยบายการคลังปรุงแต่งใช้จ่ายของรัฐบาลและภาษีเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนโยบาย (เช่นการเพิ่มขึ้นของรายได้).

นโยบายการคลังประกอบด้วยมาตรการเชิงนโยบายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณของรัฐบาล ในระดับนี้รวมจำนวนเงินที่จะใช้จ่ายของรัฐบาลและการสร้างรายได้ ernment สัดส่วนโดยการจัดเก็บภาษี.
ในแง่ของรูปแบบ Mundell-เฟลมมิ่งถ้ารัฐบาลเพิ่มค่าใช้จ่ายโค้งกะไปทางขวา ขนาดของการเปลี่ยนแปลงนี้จะได้รับจากตัวคูณที่ได้มาในบทที่ 2 (ครั้ง G) มีอัตราดอกเบี้ย (โดยปริยาย) พิจารณาคงที่และตัวคูณที่ระบุโดยวิธีการมากรายได้สมดุลเพิ่มขึ้นหลังจากที่เพิ่มขึ้นหนึ่งหน่วยของการใช้จ่ายของรัฐบาล เช่นนี้ถือในอัตราดอกเบี้ยที่ทุกโค้งกะว่าด้วยขนาดของตัวคูณเดิมไปทางขวา (ดูรูปที่ 5.1).
หากอัตราดอกเบี้ยจริงยังคงอยู่ที่ระดับของอัตราดอกเบี้ยโลกและดุลยภาพของตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ สภาพบอกว่ามันจะต้องย้ายเรียม equilib- จาก A ถึงบีบีไม่ได้เป็นดุลยภาพของตลาดเงินอย่างไร อัตราดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนแปลงและรายได้สูงกว่าที่ A บุคคลที่ต้องการที่จะถือเงินได้มากขึ้นกว่าที่ B จะถูกจัดมา ความต้องการส่วนเกินสำหรับเงินทำให้แรงกดดันต่ออัตราดอกเบี้ย ถ้าเราสามารถละเว้นโค้ง FE นี้จะขับรถขึ้นอัตราดอกเบี้ยตาม LM1 จนถึง Librium equi- ในตลาดเงินที่ซี

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นโยบายการคลังแบบมันเดล - เฟลมมิ่งนโยบายการคลังและภาษีจัดการการใช้จ่ายของรัฐบาล เพื่อให้บรรลุตามนโยบาย เช่น การเพิ่มขึ้นของรายได้ )นโยบายการคลัง ประกอบด้วย มาตรการนโยบายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณของรัฐบาล ในระดับรวมจํานวนนี้เพื่อการใช้จ่ายของรัฐบาล และการเพิ่มรายได้ โดย levying ernment gov - ภาษีในแง่ของรูปแบบมันเดล–เฟลมมิ่ง ถ้าเพิ่มค่าใช้จ่ายของรัฐบาลคือกะโค้งไปทางขวา ขนาดของการเปลี่ยนแปลงนี้ได้รับตัวคูณได้ในบทที่ 2 ( ครั้งที่กรัม ) มีอัตราดอกเบี้ย ( โดยปริยาย ) ถือว่าคงที่ และตัวคูณ พบโดยวิธีการมากรายได้ดุลยภาพมาหลังหนึ่งหน่วยการเพิ่มขึ้นของรายจ่ายรัฐบาล ขณะนี้มีอัตราดอกเบี้ยทั้งหมด คือกะโค้งตรงตามขนาดของตัวคูณเดิมไปขวา ( ดูรูปที่ 5.1 )ถ้าอัตราดอกเบี้ยจริงยังคงอยู่ที่ระดับของอัตราดอกเบี้ยโลก และอัตราแลกเปลี่ยนดุลยภาพตลาดเงื่อนไขบอกว่า ต้อง equilib - rium ย้ายจาก A ไป B . B ไม่ตลาดเงินสมดุลอย่างไร ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ไม่เปลี่ยนแปลงและรายได้ที่สูงกว่าที่บุคคลต้องการที่จะเก็บเงินเพิ่มเติมที่ B มากกว่าจะถูกจัด นี้ความต้องการส่วนเกินเพื่อเงิน ทำให้แรงกดดันต่ออัตราดอกเบี้ย ถ้าเราสามารถละเว้นเหล็กโค้งนี้จะขับรถขึ้นอัตราดอกเบี้ยตาม lm1 จนกว่าจะถึงเท่ากันลิเบเรียมในตลาดการเงินที่ C