Diet Coke, called Coca-Cola Light i

Diet Coke, called Coca-Cola Light in some countries, is a sugar-free soft drink produced and distributed by The Coca-Cola Company. It was introduced in the United States on August 9, 1982,[1] as the first new brand since 1886 to use the Coca-Cola trademark. The product quickly overtook the company's existing diet cola, Tab, in sales.

Diet Coke was sweetened with aspartame, an artificial sweetener, after the sweetener became available in the United States in 1983;[2] to save money, this was originally in a blend with saccharin. After Diet Rite cola advertised its 100 percent use of aspartame, and the manufacturer of NutraSweet (then G. D. Searle & Company) warned that the NutraSweet trademark would not be made available to a blend of sweeteners, Coca-Cola switched the formula to 100 percent NutraSweet. Diet Coke from fountain dispensers still contains some saccharin to extend shelf life.[3]

In other countries in which cyclamates are not banned (as they were in the U.S. in 1970[4][5]), Diet Coke or Coca-Cola Light may be sweetened with a blend containing cyclamates, aspartame, and acesulfame potassium.

In 2005, under pressure from retailer Walmart (which was impressed with the popularity of Splenda sweetener), the company released a new formulation called "Diet Coke sweetened with Splenda".[6] Sucralose and acesulfame potassium replace aspartame in this version. Early sales were weaker than anticipated; however, Coca-Cola did little advertising for the brand, investing money and advertising in Coca-Cola Zero instead. By late 2009, some distributors had stopped supplying Diet Coke sweetened with Splenda.

Diet Coke does not use a modified form of the Coca-Cola recipe, but instead an entirely different formula. The controversial New Coke, introduced in 1985, used a version of the Diet Coke recipe that contained high fructose corn syrup and had a slightly different balance of ingredients. In 2004, Coca-Cola introduced Coca-Cola C2, which it claims tastes much closer to Coca-Cola but contains half the carbohydrates. In 2005, the company introduced Coca-Cola Zero, a sugar-free variation of regular Coca-Cola.

When Tab was released in 1963, the Coca-Cola Company refused to release a diet soda with the Coca-Cola name, fearing that its flagship brand might suffer. Its rival Pepsi had no such qualms, and after the long-term success of its sugar-free Diet Pepsi (launched in 1964) became clear, Coca-Cola decided to launch a competing sugar-free brand under the Coca-Cola name, which could be marketed more easily than Tab.

Diet Coke and Diet Pepsi have capitalized on the markets of people who require low sugar regimens, such as diabetics and people concerned with calorie intake. In the UK, a 330 ml can of Diet Coke contains around 1.3 calories (5 kilojoules) compared to 142 calories (595 kJ) for a regular can of Coca-Cola.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อาหารโค้ก เรียกว่าไฟโคคา-โคล่าในบางประเทศ การปราศจากน้ำตาลน้ำอัดลมผลิต และจำหน่าย โดยบริษัทโคคา-โคล่าอยู่ มันถูกนำมาใช้ในสหรัฐอเมริกาบน 9 สิงหาคม 1982, [1] เป็นแบรนด์ใหม่แรกตั้งแต่ 1886 ใช้เครื่องหมายการค้าโคคา-โคล่า ผลิตภัณฑ์ overtook ของบริษัทที่มีอยู่อาหารโคล่า แท็บ ในการขายได้อย่างรวดเร็วอาหารโค้กมีใส มีแอสปาร์แตม การประดิษฐ์สารให้ความหวาน หลังจากสารให้ความหวานที่เป็นอยู่ในสหรัฐอเมริกาในปี 1983[2] เพื่อประหยัดเงิน นี้เดิมในการผสมผสานกับแซกคารีน หลังจากพิธีอาหารโคล่าโฆษณาใช้ 100 เปอร์เซ็นต์ของแอสปาร์แตม และผู้ผลิตแอสปาร์แตม (Searle D. G. แล้วและบริษัท) เตือนว่า ค้าแอสปาร์แตมจะไม่ทำให้ใช้การผสมผสานของสารให้ความหวาน โคคา-โคล่าสลับสูตร 100 เปอร์เซ็นต์แอสปาร์แตม อาหารโค้กจากตู้น้ำพุยังคงประกอบด้วยบางแซกคารีนเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา[3]ในประเทศอื่น ๆ ซึ่ง cyclamates จะไม่ห้าม (เป็นพวกเขาในสหรัฐอเมริกาใน 1970[4][5]) อาหารโค้ก หรือลาแสงอาจจะใส ด้วยการผสมผสานที่ประกอบด้วย cyclamates แอสปาร์แตม และโพแทสเซียม acesulfameในปี 2005 ภายใต้แรงกดดันจาก Walmart (ที่ไม่ประทับใจกับความนิยมของสารให้ความหวาน Splenda), ตัวแทนจำหน่ายบริษัทออกกำหนดใหม่ที่เรียกว่า "โค้กอาหารใสกับ Splenda"[6] Sucralose และโพแทสเซียม acesulfame แทนแอสปาร์แตมในรุ่นนี้ เริ่มต้นขายถูกต่ำกว่าคาดการณ์ อย่างไรก็ตาม โคคา-โคล่าได้น้อยโฆษณาสำหรับแบรนด์ เงินลงทุน และโฆษณาโคคา-โคล่าศูนย์แทน โดยปลาย 2009 บางผู้จัดจำหน่ายได้หยุดขายโค้กอาหารใสกับ Splendaอาหารโค้กไม่ใช้สูตรโคคา-โคล่า รูปแบบแก้ไขแต่แทนสูตรที่แตกต่าง การแย้งใหม่โค้ก ในปี 1985 ใช้แบบสูตรอาหารโค้กที่ประกอบด้วยน้ำเชื่อมฟรักโทสสูงข้าวโพด และมียอดดุลที่แตกต่างกันเล็กน้อยของส่วนผสม ในปี 2004 โคคา-โคล่านำ Coca-Cola C2 ซึ่งอ้างว่า ใกล้ชิดมากกับโคคา-โคล่ารสชาติ แต่ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรตครึ่ง ในปี 2005 บริษัทแนะนำศูนย์โคคา-โคล่า รูปแบบชูการ์ฟรีของลาปกติเมื่อแท็บออกใน 1963 บริษัทโคคา-โคล่าปฏิเสธลั่นโซดาอาหารชื่อโคคา-โคล่า กลัวว่า แบรนด์เรือธงของอาจประสบ คู่แข่งของแป๊ปซี่มี qualms ดังกล่าวไม่ และหลังจากความสำเร็จระยะยาวของการปราศจากน้ำตาลอาหารแป๊ปซี่ (ที่เปิดตัวในปี 1964) กลายเป็นชัดเจน โคคา-โคล่าตัดสินใจที่จะเปิดตัวการแข่งขันฟรีน้ำตาลแบรนด์ภายใต้ชื่อโคคา-โคล่า ซึ่งสามารถทำตลาดได้ง่ายขึ้นกว่าแท็บอาหารโค้กและแป๊ปซี่อาหารมีสินทรัพย์ในตลาดของคนที่ต้อง regimens น้ำตาลต่ำ เบาหวานและผู้ที่เกี่ยวข้องกับปริมาณแคลอรี่ สหราชอาณาจักร 330 ml สามารถของโค้กอาหารประกอบด้วยประมาณ 1.3 แคลอรี่ (5 kilojoules) เมื่อเปรียบเทียบกับแคลอรี่ 142 (595 kJ) สำหรับขาประจำสามารถของโคคา-โคล่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โค้กเรียกว่า Coca-Cola แสงในบางประเทศเป็นเครื่องดื่มปราศจากน้ำตาลที่ผลิตและจัดจำหน่ายโดย บริษัท Coca-Cola มันถูกนำมาใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 1982 [1] เป็นแบรนด์ใหม่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1886 ที่จะใช้เครื่องหมายการค้า Coca-Cola ผลิตภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็วทันโคล่าอาหารที่มีอยู่ของ บริษัท ฯ แท็บในการขาย. โค้กถูกหวานกับสารให้ความหวาน, สารให้ความหวานเทียมหลังจากสารให้ความหวานกลายเป็นที่มีอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 1983 [2] เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายนี้เป็นครั้งแรกใน ผสมผสานกับขัณฑสกร หลังจากพระราชพิธีอาหารโคล่าประกาศใช้ร้อยละ 100 ของสารให้ความหวานและผู้ผลิตของ NutraSweet (แล้ว GD เซิล & Company) เตือนว่าเครื่องหมายการค้า NutraSweet จะไม่ได้ให้บริการแก่ส่วนผสมของสารให้ความหวาน, Coca-Cola เปลี่ยนสูตร 100 เปอร์เซ็นต์ NutraSweet . โค้กอาหารจากตู้น้ำพุยังคงมีขัณฑสกรบางอย่างเพื่อยืดอายุการเก็บ. [3] ในประเทศอื่น ๆ ในการที่จะไม่ cyclamates ห้าม (ตามที่พวกเขาอยู่ในสหรัฐอเมริกาในปี 1970 [4] [5]) ไดเอ็ทโค้กหรือโคคาโคล่าไลท์ อาจจะมีรสหวานด้วยการผสมผสานที่มี cyclamates, สารให้ความหวานและโพแทสเซียม Acesulfame. ในปี 2005 ภายใต้ความกดดันจาก Walmart ร้านค้าปลีก (ซึ่งรู้สึกประทับใจกับความนิยมของสารให้ความหวาน Splenda) ซึ่งเป็น บริษัท ที่ปล่อยออกสูตรใหม่ที่เรียกว่า "โค้กอาหารหวานกับ Splenda" [6] ซูคราโลสและโพแทสเซียม Acesulfame เปลี่ยนสารให้ความหวานในรุ่นนี้ ยอดขายในช่วงต้นเป็นที่อ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้; แต่ Coca-Cola ได้โฆษณาเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับแบรนด์, เงินลงทุนและการโฆษณาใน Coca-Cola ศูนย์แทน ในช่วงปลายปี 2009 ผู้จัดจำหน่ายบางส่วนได้หยุดการจัดหาโค้กหวานกับ Splenda. โค้กไม่ได้ใช้รูปแบบการแก้ไขของสูตร Coca-Cola แต่สูตรที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ขัดแย้งโค้กใหม่นำมาใช้ในปี 1985 ใช้รุ่นของโค้กสูตรอาหารที่มีน้ำเชื่อมข้าวโพดฟรุกโตสสูงและมีความสมดุลที่แตกต่างกันเล็กน้อยของส่วนผสม ในปี 2004, Coca-Cola แนะนำ Coca-Cola C2 ซึ่งอ้างรสนิยมมากใกล้กับ Coca-Cola แต่มีคาร์โบไฮเดรตครึ่ง ในปี 2005 บริษัท ได้นำ Coca-Cola ศูนย์ปราศจากน้ำตาลปกติรูปแบบของ Coca-Cola. เมื่อแท็บได้รับการปล่อยตัวในปี 1963, บริษัท Coca-Cola ไม่ยอมปล่อยโซดาอาหารที่มีชื่อ Coca-Cola, กลัวว่ามัน แบรนด์เรือธงอาจประสบ คู่แข่งเป๊ปซี่มันไม่มีปริปากดังกล่าวและหลังจากประสบความสำเร็จในระยะยาวของปราศจากน้ำตาลของเป๊ปซี่ (เปิดตัวในปี 1964) เป็นที่ชัดเจน Coca-Cola ตัดสินใจที่จะเปิดตัวแบรนด์ปราศจากน้ำตาลแข่งขันภายใต้ชื่อ Coca-Cola ซึ่ง อาจจะมีการวางตลาดได้ง่ายกว่าแท็บ. ไดเอ็ทโค้กและเป๊ปซี่ได้ทุนในตลาดของผู้ที่จำเป็นต้องใช้สูตรน้ำตาลต่ำเช่นผู้ป่วยโรคเบาหวานและผู้คนที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคแคลอรี่ ในสหราชอาณาจักร, 330 มลสามารถของโค้กมีประมาณ 1.3 แคลอรี่ (5 กิโลจูลส์) เมื่อเทียบกับ 142 แคลอรี่ (595 กิโลจูล) สำหรับกระป๋องปกติของ Coca-Cola

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ไดเอ็ทโค้ก เรียกว่าโคคาโคล่าแสงในบางประเทศเป็นชูการ์ฟรี เครื่องดื่ม ผลิตและจัดจำหน่ายโดยบริษัท Coca Cola . มันเป็นที่รู้จักในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1982 [ 1 ] เป็นแบรนด์ใหม่ครั้งแรกตั้งแต่ 1886 ใช้โคคาโคล่าเครื่องหมายการค้า ผลิตภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็วแซงหน้าบริษัทที่มีอยู่อาหารโคล่า , แท็บ , ขาย

ไดเอทโค้กก็หวานแอสปาร์แตมสารให้ความหวานเทียม , หลังจากสารให้ความหวานเป็นใช้ได้ในประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 1983 ; [ 2 ] เพื่อบันทึกเงิน นี่เป็นจุดเริ่มต้นในการผสมผสานกับขัณฑสกร หลังจากพิธีกรรมของโคล่าอาหารโฆษณา 100 เปอร์เซ็นต์ ใช้สารให้ความหวาน และผู้ผลิตแอสปาร์แตม ( แล้ว G . D . เซิร์ล&บริษัท ) เตือนว่าแอสปาร์แตมเครื่องหมายการค้าจะไม่สามารถให้บริการการผสมผสานของสารให้ความหวานโคคา โคล่าเปลี่ยนสูตรแอสปาร์แตม 100 เปอร์เซ็นต์ อาหารโค้กจากตู้น้ำพุยังคงมีขัณฑสกรเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา . [ 3 ]

ในประเทศอื่น ๆซึ่งใน cyclamates ไม่ห้าม ( ตามที่พวกเขาอยู่ในสหรัฐอเมริกา ใน ค.ศ. 1970 [ 4 ] [ 5 ] ) , ไดเอทโค้กหรือโคคาโคล่าแสงอาจจะหวานขึ้นด้วยการผสมผสานที่มีสนามหญ้าเขียวและสารให้ความหวาน Acesulfame โพแทสเซียม .

ใน 2005