It was not the case that the knight

It was not the case that the knights could charge from the beginning at their fastest speed, after all, horses were limited by their physical endurance, so they were only able to maintain their fastest speed for a short period of time. At a thousand or eight hundred meters they would begin to gradually increase their speed until they reached five hundred meters away from their mark, only when they came within two hundred meters would they would start galloping.

While in theory, the twelve-pound Napoleonic cannon had an effective range of up to 1,300 meters if it used solid shells. Maybe because it only had half the diameter than normal, Roland’s cannon only had an effective range of a thousand meters. As a result, the furthest distance his artillery group were allowed to open fire at was at eight hundred meters. At this distance, reaching the target area could be guaranteed, while at the same time the cannon balls would also bounce forward after hitting the ground. Resulting in line damage, with a high chance to kill multiple targets with a single shot.

In order to let the mercenary attack first, Duke Ryan had ordered his knight to step to the side – letting them wait in an absolutely safe area, meaning an area where bows and crossbows were unable to reach the knights, but this distance was still close enough for an effective knight charge to be launched. Knowing of the low efficiency of the mercenaries, the knights were always ready to pull the horse’s reins, waiting for any resistance in one place. However, like this, they became an almost fixed target, for the artillery group.

But the Duke certainly did not realise that by the time he ordered his troops to step aside , that they had already stepped onto Roland’s prepared battlefield. While the middle of the road might have been flat and spacious, both of its sides were crammed with leaves and with other vegetation. What seemed from afar to be just ordinary grass, was in truth actually thick vines covered by a knee-deep layer of weeds, it was like a road plastered with natural tripwire. If the cavalry wanted to start a flanking assault on the defensive line, they would only be able to move forwards with a very slow degree of progress. The thousand-meter distance was clearly marked on the ground, it may not have been visible for the people on the ground, but to Lighting flying in the sky, it was clearly visible. The battlefield was precisely divided into several segments, and every differently colored mark represented a different distance – the enemy was now just a ruler moving about on a chess board, which permitted the artillery group to shoot without having to calculate the barrel’s angle. They only had to go through the steps as they had implemented them during their training.

The cannon of Van’er’s group was the first to roar with fury.

A large amount of gas generated by the detonation of the gunpowder pushed the projectile outwards, and at the moment it flew out of the muzzle, it had already reached a speed of more than four hundred meters per second, so after two seconds, the shell had already almost reached the knights. Directly flowing through the group of knights and boring itself into the ground beside the road. Splashing soil and gravel into every direction and creating panic amongst the horses, one knight reacted a little too late and fell from his horse.

The following next two shells also missed their target and only created a lot of dust.

But the last group was able to get a lucky hit – originally there was no one in its flight path, but a knight who was unable to gain back the control over his frightened horse happened to pass right into it. In front of this huge amount of kinetic energy, his armor existed in name only. The cannonball simultaneously pierced through the thin iron and human flesh, and after it bounced off the ground, it then hit another knight, cutting off his calf. Furthermore, it ended up penetrating through the horse’s chest under the knight’s hip and spreading its internal organs all over the ground.

If the Knight were in their normal phase of attack, the artillery group would need to adjust the angle of their shot, but the sudden blow had apparently shocked the whole coalition of the Duke’s forces. They didn’t know what had hit them, how could they – the shell was too fast to be seen with the human eye. So the knights didn’t receive the command to attack, instead, they were still pacing back and forth in their original location, trying to appease their skittish mounts.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ก็ไม่เป็นกรณีที่อัศวินสามารถชาร์จจากจุดเริ่มต้นที่ความเร็วที่เร็วที่สุด หลังจากที่ทุก ม้ามีข้อจำกัดความอดทนทางกายภาพของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาก็สามารถรักษาความเร็วที่เร็วที่สุดในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น พัน หรือแปดร้อยเมตรพวกเขาจะเริ่มค่อย ๆ เพิ่มความเร็วจนพวกเขาถึงห้าร้อยเมตรจากเครื่องหมายของพวกเขา เมื่อพวกเขามาภายในสองร้อยเมตร จะพวกเขาจะเริ่มควบในขณะที่ทฤษฎี แคนนอนคราสิบสองปอนด์มีช่วงมีประสิทธิภาพสูงถึง 1,300 เมตรหากใช้เปลือกไม้ อาจจะ เพราะมันมีเส้นผ่าศูนย์กลางครึ่งกว่าปกติเท่านั้น ปืนใหญ่ของ Roland เท่านั้นได้ระยะ 1,000 เมตร เป็นผล กลุ่มปืนใหญ่ของเขาได้รับอนุญาตให้เปิดไฟที่ระยะห่างหยั่งได้แปดร้อยเมตร ในระยะนี้ เข้าถึงพื้นที่เป้าหมายสามารถรับประกัน ในขณะที่ในเวลาเดียวกัน ลูกปืนใหญ่จะยังเด้งไปข้างหน้าหลังจากตีพื้นดิน ส่งผลให้รายการหาย มีโอกาสสูงที่จะฆ่าเป้าหมายหลายกับการถ่ายช็อตเดียวเพื่อให้ทหารรับจ้างโจมตี ไรอันดยุคสั่งอัศวินของเขาจะก้าวไปด้านข้าง – ให้รอในพื้นที่ปลอดภัยอย่างแน่นอน ซึ่งหมายความว่า พื้นที่ที่คันธนูและหน้าไม้ไม่สามารถไปถึงอัศวิน แต่ระยะนี้เป็นยังคง ปิดพอธรรมเนียมอัศวินที่มีประสิทธิภาพที่จะเปิดตัว รู้ว่าประสิทธิภาพของทหารรับจ้างต่ำ อัศวินก็ดึงบังเหียนของม้า รอความต้านทานใด ๆ ในเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เช่นนี้ พวกเขาเป็นเป้าหมายเกือบถาวร สำหรับกลุ่มปืนใหญ่แต่ Duke แน่นอนไม่รู้ว่า ตามเวลาเขาสั่งกองกำลังของเขาในการก้าวไปข้าง ๆ พวกเขาแล้วก้าวเข้าสู่สนามรบพร้อมของ Roland ในขณะที่ตรงกลางของถนนอาจถูกแบน และกว้างขวาง ทั้งสองข้างของมันก็หนาตา กับใบไม้ และพืชอื่น ๆ สิ่งที่ดูเหมือนไกลเป็นเพียงสามัญหญ้า ในความจริงจริงหนาเถาวัลย์ปกคลุม ด้วยชั้นตรึงเข่าลึกของวัชพืช มันเป็นเหมือนถนนปูนกับ tripwire ธรรมชาติ ถ้าทหารม้าต้องการเริ่มการโจมตี flanking บนบรรทัดการรับ พวกเขาจะสามารถย้ายไปกับระดับของความคืบหน้าช้ามากเท่านั้น ระยะทางพันเมตรถูกทำเครื่องหมายบนพื้นดินอย่างชัดเจน มันไม่สามารถมองเห็นผู้คนบนพื้นดิน แต่ไฟบินในท้องฟ้า มันถูกมองเห็นได้ชัดเจน สนามรบได้อย่างแม่นยำถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วน และทุกเครื่องหมายสีแตกต่างกันแสดงระยะทางแตกต่างกัน – ศัตรูเวลานี้ผู้ปกครองที่เกี่ยวกับการย้ายบนกระดานหมากรุก ซึ่งอนุญาตให้กลุ่มปืนใหญ่ยิงโดยไม่มีการคำนวณมุมของกระบอก พวกเขาจะทำตามขั้นตอน ตามที่พวกเขาได้ใช้พวกเขาในระหว่างการฝึกแคนนอนของกลุ่มของ Van'er ถูกก่อนเสียงคำราม ด้วยความโกรธก๊าซที่สร้างขึ้น โดยการระเบิดของดินปืนจำนวนมากผลักออกข้างนอก projectile และในขณะที่มันบินออกจากปากกระบอกปืน มันได้แล้วถึงกว่าสี่ร้อยเมตรต่อวินาที ความเร็วดังนั้นหลังจาก 2 วินาที เปลือกแล้วเกือบได้ถึงอัศวิน โดยตรงไหลผ่านกลุ่มอัศวินและน่าเบื่อตัวเองลงไปพื้นข้างถนน หยดดินและกรวดเข้าไปในทุกทิศทางและสร้างความตื่นตระหนกในหมู่ม้า อัศวินหนึ่งปฏิกิริยาน้อยสายเกินไป และตกจากม้าของเขาเปลือกหอยสองถัดไปต่อไปนี้พลาดเป้าหมายของพวกเขา และสร้างฝุ่นมาก ๆ เท่านั้นกลุ่มสุดท้ายก็สามารถที่จะได้รับการตีที่โชคดี– แต่เดิม ก็ไม่มีใครในเส้นทางบิน แต่อัศวินที่ไม่สามารถเข้ากลับการควบคุมม้าของเขากลัว เกิดขึ้นกับ ผ่านลงไป หน้านี้จำนวนมากของพลังงานจลน์ เกราะของเขาอยู่ในชื่อเท่านั้น กระสุนปืนใหญ่ถูกแทงพร้อมกันผ่านเหล็กบางและเนื้อมนุษย์ และหลังจากที่มันเด้งออกจากพื้นดิน มันแล้วตีอีกอัศวิน ตัดน่องของเขา นอกจากนี้ มันจบลงด้วยการผ่านรอบอกม้าใต้สะโพกของอัศวิน และการแพร่กระจายของอวัยวะภายในทั่วพื้นดินถ้าในขั้นตอนปกติของพวกเขาโจมตีอัศวิน กลุ่มปืนใหญ่จะต้องปรับมุมของภาพของพวกเขา แต่ระเบิดอย่างฉับพลันก็เห็นได้ชัดว่าตกใจรัฐบาลทั้งของกองกำลังของ Duke พวกเขาไม่รู้อะไรก็ตีพวกเขา วิธีอาจพวกเขา – เปลือกเป็นเร็วเกินไปที่จะมองเห็นได้ ด้วยตามนุษย์ ดังนั้นอัศวินไม่ได้รับคำสั่งโจมตี แทน พวกเขาถูกยังคง pacing และกลับในตำแหน่งเดิม พยายามเอาใจม้าดื้อของพวกเขา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มันไม่ได้เป็นกรณีที่อัศวินสามารถเรียกเก็บจากจุดเริ่มต้นที่ความเร็วที่เร็วที่สุดของพวกเขาหลังจากที่ทุกม้าถูก จำกัด โดยความอดทนทางกายภาพของพวกเขาดังนั้นพวกเขาเท่านั้นที่จะสามารถที่จะรักษาความเร็วที่เร็วที่สุดของพวกเขาสำหรับระยะเวลาสั้น ๆ ที่พันหรือแปดร้อยเมตรพวกเขาจะเริ่มต้นที่จะค่อยๆเพิ่มความเร็วของพวกเขาจนกว่าพวกเขาจะมาถึงอยู่ห่างจากเครื่องหมายของพวกเขาห้าร้อยเมตรเท่านั้นเมื่อพวกเขามาภายในสองร้อยเมตรพวกเขาจะเริ่มต้นจะควบ

ในขณะที่ในทางทฤษฎีสิบสองปอนด์จักรพรรดินโปเลียนปืนใหญ่มีช่วงที่มีประสิทธิภาพสูงถึง 1,300 เมตรถ้ามันใช้เปลือกหอยที่เป็นของแข็ง อาจจะเป็นเพราะมันมีเพียงครึ่งหนึ่งของเส้นผ่าศูนย์กลางกว่าปกติปืนใหญ่ของโรลันด์มีเพียงช่วงที่มีประสิทธิภาพของพันเมตร เป็นผลให้ระยะทางที่ไกลกลุ่มปืนใหญ่ของเขาได้รับอนุญาตให้เปิดไฟที่อยู่ที่แปดร้อยเมตร ที่ระยะนี้ถึงพื้นที่เป้าหมายที่อาจจะรับประกันในขณะที่ในเวลาเดียวกันลูกปืนใหญ่ก็จะตีกลับไปข้างหน้าหลังจากกระแทกพื้น ทำให้เกิดความเสียหายสายมีโอกาสสูงที่จะฆ่าเป้าหมายหลายด้วยการยิงเพียงครั้งเดียว

เพื่อที่จะให้โจมตีทหารรับจ้างแรกดยุคไรอันได้สั่งอัศวินของเขาที่จะก้าวไปด้านข้าง - ปล่อยให้พวกเขารออยู่ในพื้นที่ปลอดภัยอย่างแน่นอนหมายถึงพื้นที่ที่คันธนูและหน้าไม้ไม่สามารถที่จะไปถึงอัศวิน แต่ระยะนี้ก็ยังคงใกล้เคียง เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพอัศวินที่จะเปิดตัว รู้ของประสิทธิภาพต่ำของทหารรับจ้างอัศวินก็พร้อมเสมอที่จะดึงบังเหียนม้ารอต้านทานใด ๆ ในสถานที่แห่งหนึ่ง อย่างไรก็ตามเช่นนี้พวกเขากลายเป็นเป้าหมายที่คงที่เกือบสำหรับกลุ่มการยิงปืนใหญ่

แต่ดยุคแน่นอนไม่ได้ตระหนักว่าเมื่อถึงเวลาที่เขาสั่งให้กองกำลังของเขาที่จะก้าวกันว่าพวกเขาได้ก้าวเข้าสู่สนามรบแล้วเตรียมที่โรลันด์ ในขณะที่กลางถนนอาจได้รับแบนและกว้างขวางทั้งสองข้างถูกอัดแน่นไปด้วยใบและด้วยพันธุ์ไม้อื่น ๆ สิ่งที่ดูเหมือนจากระยะไกลจะเป็นหญ้าธรรมดาเป็นความจริงเถาวัลย์หนาจริงปกคลุมด้วยชั้นหัวเข่าของวัชพืชมันเป็นเหมือนถนนฉาบด้วย Tripwire ธรรมชาติ หากทหารม้าอยากจะเริ่มต้นการโจมตีขนาบข้างบนแนวป้องกันพวกเขาเท่านั้นที่จะสามารถที่จะเดินไปข้างหน้าด้วยการศึกษาระดับปริญญาช้ามากของความคืบหน้า ระยะทางพันเมตรได้รับการระบุไว้อย่างชัดเจนบนพื้นดินที่มันอาจจะไม่ได้รับการมองเห็นผู้คนบนพื้นดิน แต่แสงบินอยู่บนท้องฟ้ามันก็มองเห็นได้ชัดเจน สนามรบได้อย่างแม่นยำถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วนและทุกเครื่องหมายสีแตกต่างกันเป็นตัวแทนของระยะทางที่แตกต่างกัน - เป็นศัตรูขณะนี้เป็นเพียงผู้ปกครองเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายบนกระดานหมากรุกซึ่งได้รับอนุญาตให้กลุ่มทหารปืนใหญ่ในการถ่ายภาพได้โดยไม่ต้องคำนวณมุมบาร์เรลของ พวกเขาจะต้องผ่านขั้นตอนที่พวกเขาได้ดำเนินพวกเขาในระหว่างการฝึกอบรมของพวกเขา

ปืนใหญ่ของกลุ่ม Van'er เป็นคนแรกที่จะคำรามด้วยความโกรธ

จำนวนมากของก๊าซที่เกิดจากการระเบิดของดินปืนผลักกระสุนออกไปด้านนอกและในขณะที่มันบินออกมาจากปากกระบอกปืนมันก็มาถึงแล้วความเร็วกว่าสี่ร้อยเมตรต่อวินาทีดังนั้นหลังจากที่สองวินาทีเปลือก มีอยู่แล้วเกือบจะถึงอัศวิน โดยตรงที่ไหลผ่านกลุ่มอัศวินและน่าเบื่อตัวเองลงไปในดินที่อยู่ข้างถนน สาดดินและกรวดลงไปในทุกทิศทุกทางและการสร้างความหวาดกลัวในหมู่ม้าหนึ่งอัศวินปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะสายเกินไปและลดลงจากหลังม้า

ต่อไปนี้สองเปลือกหอยต่อไปยังพลาดเป้าหมายของพวกเขาและสร้างขึ้นเฉพาะฝุ่นมาก

แต่กลุ่มสุดท้ายก็สามารถที่จะได้รับการตีโชคดี - แต่เดิมไม่มีใครในเส้นทางการบินของมัน แต่เป็นอัศวินที่ไม่สามารถที่จะได้รับกลับมาควบคุมม้าของเขากลัวที่เกิดขึ้นที่จะผ่านมันไปทางขวาเข้า ในหน้านี้จำนวนมากของพลังงานจลน์เกราะของเขาอยู่ในชื่อเท่านั้น กระสุนเจาะพร้อมกันผ่านเหล็กบางและเนื้อมนุษย์และหลังจากที่มันเด้งออกจากพื้นดินมันก็ตีอัศวินอีกตัดน่องของเขา นอกจากนี้มันจบลงด้วยการเจาะผ่านหน้าอกม้าภายใต้สะโพกของอัศวินและการแพร่กระจายอวัยวะภายในทั่วพื้นดิน

หากอัศวินอยู่ในขั้นตอนปกติของพวกเขาจากการโจมตีของกลุ่มทหารปืนใหญ่ที่จะต้องปรับมุมของการยิงของพวกเขา แต่ระเบิดอย่างฉับพลันเห็นได้ชัดว่าตกใจรัฐบาลทั้งของกองกำลังของดยุค พวกเขาไม่ได้รู้ว่าสิ่งที่ได้ตีพวกเขาว่าพวกเขาจะทำได้ - เปลือกเร็วเกินไปที่จะมองเห็นได้ด้วยตามนุษย์ ดังนั้นอัศวินไม่ได้รับการสั่งการโจมตีแทนพวกเขายังคงเดินไปเดินกลับมาในตำแหน่งเดิมของพวกเขาพยายามที่จะเอาใจม้าพยศของพวกเขา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มันไม่ใช่กรณีนี้ว่า อัศวิน สามารถชาร์จจากจุดเริ่มต้นที่เร็วที่สุด , หลังจากทั้งหมด , ม้าถูก จำกัด โดยความทนทานของร่างกายของพวกเขาเพื่อให้พวกเขาสามารถรักษาที่เร็วที่สุดในช่วงเวลาสั้นของเวลา ที่พันหรือแปดร้อยเมตร พวกเขาจะเริ่มที่จะค่อยๆเพิ่มความเร็วของพวกเขาจนกว่าพวกเขาจะถึงห้าร้อยเมตรจากเครื่องหมายของพวกเขา แต่เมื่อพวกเขาเข้ามาในระยะสองร้อยเมตรก็จะเริ่มควบ .ในขณะที่ในทฤษฎี สิบสองปอนด์จักรพรรดินโปเลียนปืนใหญ่มีช่วงที่มีประสิทธิภาพได้ถึง 1300 เมตร ถ้าใช้เปลือกแข็ง อาจเป็นเพราะ มันมีเพียงครึ่งหนึ่งของเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่าปกติ โรแลนด์ ปืนใหญ่มีช่วงที่มีประสิทธิภาพของพันเมตร ผล ระยะทางไกลของเขาใหญ่กลุ่มได้รับอนุญาตให้เปิดไฟที่อยู่แปดร้อยเมตร ในระยะนี้ การเข้าถึงพื้นที่เป้าหมายสามารถรับประกันในขณะที่ในเวลาเดียวกันลูกปืนใหญ่ก็เด้งไปข้างหน้า หลังกระแทกกับพื้น ที่เกิดขึ้นในบรรทัดความเสียหาย มีโอกาสสูงที่จะฆ่าเป้าหมายหลาย ด้วยกระสุนนัดเดียวเพื่อให้ลูกจ้างก่อนการโจมตี ดุ๊ก ไรอัน ได้สั่งให้อัศวินของเขาก้าวไปด้านข้าง และปล่อยให้พวกเขารอในพื้นที่ปลอดภัยอย่าง หมายความว่า พื้นที่ที่ธนูและหน้าไม้ไม่สามารถถึงอัศวิน แต่ระยะทางนี้ก็เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพอัศวินจะเปิดตัว รู้ประสิทธิภาพต่ำของทหารรับจ้าง , อัศวิน พร้อมเสมอที่จะดึงม้าบังเหียน รอความต้านทานใด ๆ ในสถานที่หนึ่ง แต่แบบนี้มันก็กลายเป็นเกือบคงที่ เป้าหมาย สำหรับกลุ่มปืนใหญ่แต่ดยุคอย่างแน่นอนไม่ได้ตระหนักว่าโดยเวลาที่เขาสั่งทหารของเขาให้หลีกไป ที่พวกเขาได้ก้าวเข้าสู่โรแลนด์เตรียมสนามรบ ในขณะที่กลางถนนอาจถูกแบนและกว้างขวาง ทั้งในด้านของมันเป็นหนาตากับใบและพืชอื่น ๆ ดูจากที่ไกลๆ เป็นหญ้าธรรมดา ถูกจริงจริงหนาเลื้อยปกคลุมด้วยเข่าลึกชั้นของวัชพืช มันก็เหมือนถนนที่ฉาบด้วยกับดักธรรมชาติ ถ้าทหารจะเริ่มจโจมตีแนวป้องกันพวกเขาเท่านั้นจะสามารถที่จะย้ายไปข้างหน้ากับการศึกษาระดับปริญญาที่ช้ามากของความก้าวหน้า พันเมตรระยะทางให้ชัดเจนบนพื้นดิน มันอาจไม่ได้ถูกมองเห็นได้สำหรับผู้คนบนพื้นดิน แต่แสงสว่างที่บินอยู่ในท้องฟ้า มันสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน สนามรบคือแน่นอนแบ่งเป็นหลายกลุ่ม และทุกสีต่างกัน เครื่องหมายแสดงที่แตกต่างกันระยะทาง–ศัตรูเป็นแค่ไม้บรรทัดเคลื่อนไหวบนกระดานหมากรุกซึ่งอนุญาตให้กลุ่ม ปืนใหญ่ ยิง โดยไม่ต้องคำนวณมุมของบาร์เรล พวกเขาเพียง แต่จะไปผ่านขั้นตอนที่พวกเขาใช้พวกเขาในระหว่างการฝึกอบรมของพวกเขาปืนใหญ่ของ van'er กลุ่มเป็นครั้งแรกเพื่อแผดเสียงด้วยความโกรธเป็นจำนวนมากของก๊าซที่เกิดจากการระเบิดของดินปืนผลักกระสุนออก และตอนนี้มันบินออกจากปากก็มีแล้วถึงเร็วกว่าสี่ร้อยเมตรต่อวินาที ดังนั้นหลังจาก 2 วินาที เชลล์ได้เกือบถึงอัศวิน โดยตรงไหลผ่านกลุ่มของอัศวินและน่าเบื่อตัวเองลงดินข้างถนน ดินและกรวดกระเด็นในทุกทิศทาง และสร้างความตื่นตระหนกให้แก่ม้าอัศวินคนหนึ่งตัดสินใจช้าไปเล็กน้อย และตกจากหลังม้าถัดไปสองหอยตามก็พลาดเป้าหมายของพวกเขาและสร้างมาก ฝุ่นแต่กลุ่มสุดท้ายได้–ตีโชคดี แต่เดิมไม่มีหนึ่งในเส้นทางการบิน แต่อัศวินที่ไม่สามารถที่จะได้รับกลับมาควบคุมม้าตกใจของเขาเกิดขึ้นที่จะผ่านเข้าไปได้ ในหน้าของจำนวนขนาดใหญ่ของพลังงานจลน์ เกราะของเขาอยู่ในชื่อเท่านั้น ลูกกระสุนปืนใหญ่พร้อมกันเจาะผ่านเหล็กบาง และเนื้อมนุษย์ และหลังจากที่มันเด้งออกจากพื้นดิน จากนั้นกดปุ่มอัศวินอื่น ตัดน่องของเขา นอกจากนี้ มันก็ทะลุผ่านอกของม้าใต้สะโพกของอัศวิน และอวัยวะภายในกระจายไปทั่วพื้นถ้าอัศวินอยู่ระยะปกติของการโจมตี กลุ่มปืนใหญ่จะต้องปรับมุมของการยิงของพวกเขา แต่ระเบิดกระทันหันคงตกใจกันทั้งของดยุคกําลัง พวกเขาไม่ได้รู้ว่าสิ่งที่ตีพวกเขา ทำไมพวกเขา–กะลาเร็วจะมองเห็นได้ด้วยสายตามนุษย์ ดังนั้นอัศวินไม่ได้รับคำสั่งให้โจมตี แต่พวกเขาก็ยังคงเดินกลับไปกลับมาในสถานที่เดิมของพวกเขา พยายามที่จะเอาใจตนก็ mounts .