Chloe’s parents were architects.Her

Chloe’s parents were architects.

Her father used to say that just like house is inhabited by people, it needs to be harmonious with nature. Chloe couldn’t know the meaning of it, but her father’s face while saying those words were really cool to her. Because the job of architect was like a dream for her, when for other children it was really boring.

However, that dream didn’t last long. Because the family she believed would last long, broke.

Even if her parents could harmonise the house and nature, they couldn’t do so for wife and husband. Even after Chloe could graduate from primary school, the loud voices of them finally brought up the divorce documentation. The custody of the child was taken by her mother, Diana Jong, so Chloe Crook became Chloe Jong since then.

Diana was originally busy, but since then she got home really late. She didn’t want her child to not live a normal life for being a child of a divorced family. That’s why she let her do whatever she wanted like martial arts, horse riding, swimming, karate, etc. Maybe it could be something Diana wished for. That her child was living soundly, and that she wanted to believe in that.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พ่อแม่ของโคลอี้เป็นสถาปนิกพ่อของเธอที่ใช้ในการพูดว่า เหมือนบ้านเป็นที่อาศัยของคน จะต้องมีความกลมกลืนกับธรรมชาติ Chloe ไม่ทราบความหมายของมัน แต่ใบหน้าของพ่อของเธอขณะที่ท่านกล่าวคำเหล่านั้นไม่ได้เย็นจริง ๆ ของเธอ เนื่องจากงานของสถาปนิกเป็นเหมือนความฝันของเธอ เมื่อเด็กอื่นๆ มันน่าเบื่อจริง ๆอย่างไรก็ตาม ฝันว่าได้ไม่นาน เพราะเธอเชื่อว่าครอบครัวจะอยู่ได้นาน ยากจนแม้ว่าพ่อแม่ของเธออาจ harmonise บ้านและธรรมชาติ พวกเขาไม่สามารถทำเช่นนั้นสำหรับสามีและภรรยา แม้ว่าโคลอี้สามารถสำเร็จศึกษาจากโรงเรียนประถมศึกษา เสียงดังของพวกเขาในที่สุดนำขึ้นเอกสารหย่า ในการปกครองของเด็กถูกนำ โดยแม่ของเธอ ไดอาน่าจง เพื่อใด Chloe โคลอี้จงกลายเป็นตั้งแต่นั้นไดอาน่าไม่ว่างเดิม แต่ตั้งแต่นั้น เธอกลับมาถึงบ้านดึกจริง ๆ เธอไม่ต้องการให้ลูกของเธอไม่มีชีวิตปกติสำหรับการเป็นลูกของครอบครัวหย่าร้าง ที่เป็นเหตุผลที่เธอให้เธอทำสิ่งที่เธอต้องการเช่นศิลปะการต่อสู้ ขี่ม้า ว่ายน้ำ คาราเต้ ฯลฯ บางทีมันอาจเป็นบางสิ่งที่ไดอาน่าปรารถนาสำหรับ ว่า มีการอาศัยลูกสนิท และว่า เธอต้องการเชื่อในที่

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พ่อแม่ของโคลอี้เป็นสถาปนิก.

พ่อของเธอเคยบอกว่าเช่นเดียวกับบ้านที่อาศัยอยู่โดยคนที่จะต้องกลมกลืนกับธรรมชาติ Chloe ไม่สามารถทราบความหมายของมัน แต่ใบหน้าของพ่อของเธอในขณะที่คำพูดเหล่านั้นจริงๆเย็นกับเธอ เพราะงานของสถาปนิกเป็นเหมือนความฝันของเธอเมื่อสำหรับเด็กคนอื่น ๆ มันก็น่าเบื่อจริงๆ.

แต่ความฝันที่ได้ไม่นาน เพราะครอบครัวของเธอเชื่อว่าจะนานยากจน.

แม้ว่าพ่อแม่ของเธอสามารถกลมกลืนบ้านและธรรมชาติที่พวกเขาไม่สามารถทำเช่นนั้นภรรยาและสามี แม้หลังจากที่โคลอี้จะจบการศึกษาจากโรงเรียนประถมเสียงดังของพวกเขาในที่สุดก็นำเอกสารการหย่าร้าง อารักขาของเด็กที่ถูกยึดครองโดยแม่ของเธอ, ไดอาน่าจงดังนั้น Chloe โคลอี้กลายเป็นผู้กระทำความผิด Jong ตั้งแต่นั้น.

ไดอาน่าก็กำลังยุ่งอยู่เดิม แต่หลังจากนั้นเธอได้บ้านดึกจริงๆ เธอไม่ต้องการให้ลูกของเธอที่จะไม่ได้มีชีวิตที่ปกติสำหรับการเป็นเด็กของครอบครัวหย่า นั่นเป็นเหตุผลที่เธอปล่อยให้เธอทำสิ่งที่เธอต้องการเช่นศิลปะการต่อสู้, ขี่ม้า, ว่ายน้ำ, คาราเต้, ฯลฯ บางทีมันอาจเป็นสิ่งที่อยากให้เจ้าหญิงไดอาน่า ว่าลูกของเธอยังมีชีวิตอยู่อย่างถาวรและบอกว่าเธออยากจะเชื่อในสิ่งที่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

พ่อแม่ของโคลอี้เป็นสถาปนิกพ่อของเธอเคยพูดว่า เหมือนบ้านเป็นที่อาศัยอยู่โดยคนที่จะต้องกลมกลืนกับธรรมชาติ โคลอี้จะไม่รู้ความหมายของมัน แต่พ่อของเธอใบหน้าในขณะที่พูดคำเหล่านั้นเจ๋งจริงๆกับเธอ เพราะงานของสถาปนิกเป็นเหมือนความฝันของเธอเมื่อสำหรับเด็กอื่น ๆ มันน่าเบื่อจริงๆอย่างไรก็ตาม ความฝันนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะครอบครัวเธอเชื่อว่ามันจะนาน เฮ้อ . . . .แม้ว่าพ่อแม่ของเธอจะสอดคล้องบ้านและธรรมชาติ พวกเขาไม่ได้ทำมันเพื่อภรรยาและสามี แม้หลังจากที่โคลอี้จะจบจากโรงเรียน เสียงดังของพวกเขาในที่สุดก็มาถึงการหย่าเอกสาร การเลี้ยงดูเด็กที่ถ่ายโดยแม่ของเธอ , ไดอาน่า จองแล้ว โคลอี้ โคลอี้ ข้อพับ ก็จองแล้วไดอาน่า แต่เดิม งานยุ่ง แต่แล้วเธอก็กลับบ้านดึกจริงๆ เธอไม่อยากให้ลูกไม่ได้ใช้ชีวิตปกติจะเป็นลูกของ หย่าร้าง ครอบครัว นั่นเป็นเหตุผลที่เธอให้เธอทำอย่างที่เธอต้องการ ชอบศิลปะการต่อสู้ ขี่ม้า ว่ายน้ำ คาราเต้ ฯลฯ บางทีมันอาจเป็นสิ่งที่น่าปรารถนา ว่าลูกของเธอยังมีชีวิตอยู่อุตุ และที่เธอต้องการที่จะเชื่อในสิ่งนั้น